"ชาญชัย"ไม่สนถูกคิงเพาเวอร์ฟ้อง ยันทำหน้าที่ตามนโยบายหัวหน้า คสช. พร้อมเดินหน้าสาวไส้ ปมเงินกินเปล่าในการท่าฯ
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต ในสังกัดคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฎิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึง กรณีที่ตัวแทน บริษัท คิงเพาเวอร์ ฟ้องตนว่า ยินดีให้ฟ้อง และถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่หากคิดว่าจะเป็นการฟ้องเพื่อปิดปากไม่ให้ตนชี้แจงข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งที่ คณะอนุกรรมาธิการฯ ที่ตั้งขึ้นนี้ มีหน้าที่เพื่อศึกษากลไกขับเคลื่อนการปฏิรูป เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อทำการปฏิรูปในการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของชาติ ที่หมักหมมมายาวนาน
ที่สำคัญ สังคมไทยจะได้ไม่เชิดชูคนที่ได้เงินมาโดยมิชอบ และเพื่อเกิดความโปร่งใสในการร่วมลงทุนกับภาครัฐ รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งคณะอนุฯ ต้องใช้ความพยายามในการศึกษาค้นหาข้อมูลที่ถูกปิดบังในหน่วยงานต่างๆ เพื่อบอกกล่าวข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับรู้ ในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง และในฐานะที่ตนเคยเป็น อดีตคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นและตรวจสอบพฤติกรรมเหล่านี้มาตลอด จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้
"ที่สำคัญถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ที่พึงกระทำในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง และตามนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำต่อสังคมมาตลอดว่า ต้องรักษากฎหมาย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันขจัดการทุจริต คอร์รัปชัน ทั้งนี้ผมจะนำเอกสารหลักฐานที่หน่วยงานต่างๆไปชี้แจงต่อศาล เพื่อแสดงข้อเท็จจริงให้เห็นว่า การบริหารในสัญญาดังกล่าว มีพฤติกรรมที่ทำผิดกฎหมาย หรือทุจริต หรือกระทำผิดสัญญาหรือไม่อย่างไร"
นายชาญชัย ยังกล่าวถึงกรณีความไม่ชอบมาพากลในการบริหารพื้นที่ของการท่าอากาศยานไทย (ทอท. จำกัด มหาชน) ว่า ในการตรวจสอบของคณะอนุฯกมธ.พบว่า การทำสัญญาให้สิทธิ์ต่อบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้ามาบริหารพื้นที่ของการท่าฯ แต่กลับไม่ได้มุ่งรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และไม่ได้ทำตามสัญญาแล้ว ยังพบว่ามีการเรียกเงินกินเปล่าจากหลายสัญญา เช่น กรณีของธนาคารทหารไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ต้องจ่ายเงินรายละ 100 ล้านบาท ให้บริษัทดังกล่าว ทั้งที่ ในสัญญาหลัก ห้ามไม่ให้บริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับการท่าฯ เรียกเก็บเงินเกินจากค่าตอบแทน 20% เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนสูง ซึ่งส่งผลให้การขายสินค้าในพื้นที่การท่าฯ มีต้นทุนที่แพงขึ้น เช่น กรณีค่าอาหารแพง หรือก๋วยเตี๋ยวมีราคาแพงชามละเกือบ 200 บาท กรณีเก็บเงินกินเปล่านี้ การท่าฯ ได้ละเว้นปล่อยปละละเลยให้คู่สัญญาที่เป็นบริษัทเอกชนหาประโยชน์แก่ตนเองมานานถึง 9 ปีโดยไม่ได้แก้ไขปรับปรุงอะไรให้ถูกต้องตามสัญญาเลย.
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต ในสังกัดคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฎิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึง กรณีที่ตัวแทน บริษัท คิงเพาเวอร์ ฟ้องตนว่า ยินดีให้ฟ้อง และถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่หากคิดว่าจะเป็นการฟ้องเพื่อปิดปากไม่ให้ตนชี้แจงข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งที่ คณะอนุกรรมาธิการฯ ที่ตั้งขึ้นนี้ มีหน้าที่เพื่อศึกษากลไกขับเคลื่อนการปฏิรูป เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อทำการปฏิรูปในการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของชาติ ที่หมักหมมมายาวนาน
ที่สำคัญ สังคมไทยจะได้ไม่เชิดชูคนที่ได้เงินมาโดยมิชอบ และเพื่อเกิดความโปร่งใสในการร่วมลงทุนกับภาครัฐ รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งคณะอนุฯ ต้องใช้ความพยายามในการศึกษาค้นหาข้อมูลที่ถูกปิดบังในหน่วยงานต่างๆ เพื่อบอกกล่าวข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับรู้ ในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง และในฐานะที่ตนเคยเป็น อดีตคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นและตรวจสอบพฤติกรรมเหล่านี้มาตลอด จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้
"ที่สำคัญถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ที่พึงกระทำในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง และตามนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำต่อสังคมมาตลอดว่า ต้องรักษากฎหมาย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันขจัดการทุจริต คอร์รัปชัน ทั้งนี้ผมจะนำเอกสารหลักฐานที่หน่วยงานต่างๆไปชี้แจงต่อศาล เพื่อแสดงข้อเท็จจริงให้เห็นว่า การบริหารในสัญญาดังกล่าว มีพฤติกรรมที่ทำผิดกฎหมาย หรือทุจริต หรือกระทำผิดสัญญาหรือไม่อย่างไร"
นายชาญชัย ยังกล่าวถึงกรณีความไม่ชอบมาพากลในการบริหารพื้นที่ของการท่าอากาศยานไทย (ทอท. จำกัด มหาชน) ว่า ในการตรวจสอบของคณะอนุฯกมธ.พบว่า การทำสัญญาให้สิทธิ์ต่อบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้ามาบริหารพื้นที่ของการท่าฯ แต่กลับไม่ได้มุ่งรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และไม่ได้ทำตามสัญญาแล้ว ยังพบว่ามีการเรียกเงินกินเปล่าจากหลายสัญญา เช่น กรณีของธนาคารทหารไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ต้องจ่ายเงินรายละ 100 ล้านบาท ให้บริษัทดังกล่าว ทั้งที่ ในสัญญาหลัก ห้ามไม่ให้บริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับการท่าฯ เรียกเก็บเงินเกินจากค่าตอบแทน 20% เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนสูง ซึ่งส่งผลให้การขายสินค้าในพื้นที่การท่าฯ มีต้นทุนที่แพงขึ้น เช่น กรณีค่าอาหารแพง หรือก๋วยเตี๋ยวมีราคาแพงชามละเกือบ 200 บาท กรณีเก็บเงินกินเปล่านี้ การท่าฯ ได้ละเว้นปล่อยปละละเลยให้คู่สัญญาที่เป็นบริษัทเอกชนหาประโยชน์แก่ตนเองมานานถึง 9 ปีโดยไม่ได้แก้ไขปรับปรุงอะไรให้ถูกต้องตามสัญญาเลย.