xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สัญญาณชัด!!“ตู่”ลากยาวเพื่อ“เปลี่ยนผ่าน” สื่อนอกฟัน“แม้ว”หมดอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่จู่ๆ “นช.แม้ว” ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นัดให้สัมภาษณ์สื่อยักษ์ใหญ่ต่างประเทศหลายสำนัก ทั้ง “อัลจาซีรา - ไฟแนนเชียลไทม์ - วอลล์สตรีทเจอนัล - รอยเตอร์ส” ก่อนที่จะเซตคิวให้เผยแพร่ออกมาพร้อมๆกันตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

และคงไม่ใช่มาจาก “ความเหงา” เลยนัดหมายสื่อให้มาสัมภาษณ์หาเพื่อคุยให้ “คลายเหงา” ตามประสา “คนไกลบ้าน” ที่สำคัญทั้ง 4 สำนักข่าวใหญ่คงไม่ใจตรงกัน นึกครึ้มอยากสัมภาษณ์อดีตนายกฯไทยผู้หนีคดีในต่างประเทศมากว่า 10 ปีในช่วงเวลาเดียวกัน

การที่ “ทักษิณ” ที่นิ่งสงบมาเกือบตลอดช่วงที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีอำนาจ จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ราวกับ “ปลาอานนท์” ที่แบกโลกไว้ แล้ววันดีคืนดีนึกครึ้มอยากพลิกตัวขึ้นมาจนแผ่นดินไหวหลายริคเตอร์ ย่อมมี “เป้าหมาย” ที่แฝงไปด้วยนัยยทางการเมือง “สื่อไทย” บางแห่งถึงกับวิเคราะห์ด้วยว่า หมากนี้ “ทักษิณ” เสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย

น่าสังเกตว่าก่อนที่บทสัมภาษณ์ “ทักษิณ” ตัวเต็มจะออกมาก็มีกระแสข่าวในลักษณะว่า “อดีตผู้นำหนีคุก” ขอเจรจากับ “บิ๊ก คสช.” จากทีเซอร์บทสัมภาษณ์ที่ “อัล จาซีรา” นำมาเรียกน้ำย่อย เป็นคำพูดของ “ทักษิณ” ที่แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า “ผมเงียบมานานเกินไปแล้ว อะไรที่ผ่านแล้วก็ให้ผ่านไป ผมพร้อมคุยกับอีกฝ่ายในรูปแบบไหนก็ได้”

ก่อนจะโดนคว่ำข้อเสนอตั้งแต่ยังไม่ได้ทันได้ตั้งโต๊ะ โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ที่พูดสั้นๆได้ใจความว่า ต้องคุยด้วยกฎหมายเท่านั้น

แม้ “ประยุทธ์” จะทำเป็นไม่สนใจกับข้อเสนอการเจรจาของ “ทักษิณ” แต่เมื่อปรากฎชื่อของอดีตนายกฯหนีคดีตามหน้าสื่อทีไร เป็นฝ่าย “ประยุทธ์” ที่มักออกอาการฉุนเฉียวใส่สื่อมวลชนเป็นประจำ

เหมือนครั้งที่ถูก “หลอกด่า” ผ่านการโฟนอินเข้ามือถือ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา

ความหงุดหงิดงุ่นง่านของ “ประยุทธ์” ไม่ได้มาจากการลูกตื้อขอเจรจาของ “ทักษิณ” แต่เป็นคอมเมนต์ในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับรัฐบาล คสช. ทั้งคำวิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจที่ประสบปัญหาย่ำแย่ถดถอย เพราะมือไม่ถึง หรือการที่ คสช.เข้ามามีอำนาจ 2 ปีทำให้ประเทศถอยหลังลงคลอง ตลอดจนการระบุว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างโดย กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นฉบับที่เลวร้ายที่สุดเปรียบเทียบได้กับบรรดาประเทศเผด็จการสุดโต่ง

ทางหนึ่งบอกอยากเจรจา อีกทางด่ากันแบบไม่ไว้หน้า

จับทางไม่ยากว่า การออกโรงของ “ทักษิณ” แต่ละครั้งในระยะหลัง เลือก “ไทมิ่ง” ไว้แล้ว โดยเฉพาะห้วงเวลานี้ที่ “ฝ่ายตรงข้าม” กำลังเพลี่ยงพล้ำ อย่างในเวลานี้ที่ “รัฐบาล คสช.” กำลังเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืนกระแสโลกไม่ไหว หรือสถานการณ์ทางการเมืองในส่วนของ “ร่างรัฐธรรมนูญ” ที่กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ

แต่อีกมุมก็มองได้ว่า “ทักษิณ” จำเป็นต้องออกมาปกป้อง “กล่องดวงใจ” คดีความของคนในครอบครัวก็งวดเข้ามาเช่นกัน ทั้ง “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับคดีจำนำข้าว หรือ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ก็ใกล้ถึงคิวขึ้นเขียงในคดีเงินกู้แบงก์กรุงไทยที่ถูก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกสอบอยู่ในขณะนี้

แต่การอาศัยสื่อเพื่อส่งสาร “ขอเจรจา” แบบนี้ ก็เป็นการเผยไต๋ว่าการเจรจาใน “ทางลับ” ไม่สำเร็จเหมือนกัน

น่าสนใจไปกว่านั้นเมื่อสื่อหัวใหญ่ระดับโลกอย่าง “รอยเตอร์” ซึ่งเป็น 1 ใน 4 สำนักข่าวที่ได้ร่วมสัมภาษณ์พิเศษ “ทักษิณ” กลับปล่อยบทวิเคราะห์ในหัวข้อ “Ousted Thai PM Thaksin's influence shows signs of waning” ออกมา ให้หลังจากการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ “ทักษิณ” เพียงวันเดียว

บทสัมภาษณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาไปในทำนองว่า ความเสื่อมอิทธิพลของ “ทักษิณ” โดยระบุด้วยว่า เครือข่าย-ลิ่วล้อของ “ระบอบทักษิณ” กำลังอ่อนแออย่างหนัก หรือกระทั่ง “คนเสื้อแดง” ที่ตีตัวออกห่าง โดยอ้างคำพูดของ ธิดา ถาวรเศรษฐ์ อดีตประธาน นปช. ที่แสดงเห็นแย้งกับคำสัมภาษณ์ของ “ทักษิณ” ในหลายๆเรื่อง

ช่วงหนึ่งบทวิเคราะห์ของรอยเตอร์บอกด้วยว่า เป้าหมายของ “ทักษิณ” ในการบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล คสช.นั้นไม่ได้ผล ในทางกลับกันยังถูก “กองทัพ” กำจัดเครือข่าย และดำเนินคดีกับคนในตระกูล “ชินวัตร” จนตกที่นั่งลำบากกันทั้งบ้าน

อาจจะกล่าวได้ไปถึง “เครือข่ายทักษิณ” ในทาง “ศาสนจักร” ที่กำลังมะรุมมะตุ้มไม่แพ้ทางโลก ทั้งมหาเถรสมาคม (มส.) ที่กำลังเสื่อมศรัทธาอย่างหนัก รวมไปถึง “ลัทธิจานบิน” ที่มีคดีความเป็นหางว่าวไม่แพ้คนในตระกูล “ชินวัตร”

ขณะที่สีหน้าแววตาของ “นายใหญ่แม้ว” ในคลิปสัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศเอง ก็ดูจะแห้งเหี่ยว ไร้ราศีเศรษฐีแสนล้านที่คุ้นตา บ่งบอกถึงการอมทุกข์เป็น “สัมภเวสี” เร่ร่อน มากกว่าคนที่อิ่มเอมความสุขกับการตะลอนๆในต่างแดน

ทั้งอิทธิพลหดหาย-ลิ่วล้อเสื่อมศรัทธา หากเปรียบ “ทักษิณ” เป็น “หุ้น” ในตลาดหลักทรัพย์ ก็ถือเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุนด้วยแล้ว

ในขณะที่ “หุ้นทักษิณ” กำลังอยู่ในขาลง “รัฐบาล คสช.” ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็คงไม่จำเป็นต้องไปให้ราคาค่างวด เพราะอยู่ในฐานะที่ “ได้ปรียบ” แทบทุกประตู จริงอยู่ “ทักษิณ” และเครือข่ายอาจจะมีพลังในการกำหนดทิศทางการออกเสียงประชามติของ “สาวก” อยู่บ้าง

แต่ก็คงยากที่จะต้านทาน “ธง” ของรัฐบาล คสช.

ต้องไม่ลืมว่าข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ส่งถึง กรธ.จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ คสช. โดยเฉพาะ “ข้อ 16” ที่เป็นการตอกย้ำถึงการ "อยู่ต่อ" ซึ่งอาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก เพราะเป็นเพียงการตีความตามตัวอักษร

แต่คำพูดที่ออกจากปาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุถึงกลไกภายหลังการเลือกตั้งว่า จะมีการ "คงอำนาจ" รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ต่อเนื่องยาวนานไปอีก 5 ปี หรือที่ “บิ๊กตู่” จำกัดความว่า “ช่วงเปลี่ยนผ่าน”

เท่ากับว่าโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล คสช.วันนี้ ไม่ใช่เรื่องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน หรือการปฏิรูปประเทศอะไรที่อวดอ้าง รวมไปถึงก้าวข้ามภารกิจ “บอนไซ” พรรคเพื่อไทยไปแล้ว แต่ต้องหาช่องทางอยู่ค้ำยันอำนาจรัฐบาลใหม่ในทางใดทางหนึ่ง ถอดบทเรียนมาจาก “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้นำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ว่าอะไรที่ล้มเหลวจากรอบนั้นบ้าง

ข้อแรกคือ รัฐประหารรอบนี้จะต้องไม่ “เสียของ” จะไม่ใช่แค่กรรมการห้ามมวย สั่งหยุดชั่วคราว แล้วไปร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกติกาใหม่เพื่อให้ “ระบอบทักษิณ” เสียเปรียบเท่านั้น แต่ต้องถอนรากถอนโคนรากเหง้าของระบอบนี้ให้หมด และข้อสอง ต้องอยู่ประคองใน “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” เพื่อให้แน่ใจว่า สถานการณ์ทุกอย่างนั้นนิ่งแล้ว โดยมี คสช.หรือจะแปลงสภาพเป็นรูปคณะกรรมการอื่นจะอยู่ต่อไปอย่างน้อยอีก 5ปี

คือต้องทำยังไงก็ได้ให้ช่วง “เปลี่ยนผ่าน” จากยุคหนึ่งไปอีกยุคหนึ่ง ให้ “ราบรื่น” ทุกอย่างต้องนิ่งที่สุดอย่างเป็นรูปธรรม

ตรงเผงกับคำพูดของ “ดร.ปื๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาทิ้งบอมบ์ระบายความอัดอั้นตันใจนั่นแหละที่ว่า แรกๆ รู้สึกเสียใจที่ถูกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คว่ำร่างรัฐธรรมนูญทิ้ง แต่พอรู้ความจริงว่า “แป๊ะอยากอยู่ยาว!” เลยทำใจได้

“แป๊ะอยากอยู่ยาว!” นี่เองที่เป็นโจทย์สำคัญของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธาน กรธ. ร่วมกับ “ศิษย์เอก” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีการนัดสุมหัวคุยกันไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีการเซตให้ “มีชัย” วางฟอร์มเอ๋อๆ งงๆ กับข้อเสนอของ ครม.ก่อนหน้านี้จนต้องนัดคุยกับ “วิษณุ” กันที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อทำความเข้าใจ

ก่อนจะมีข้อสรุปตรงกันว่า ที่ต้องออกแบบ “บทเฉพาะกาล” ของร่างรัฐธรรมนูญ ให้ตรงใจ “แป๊ะ” ที่ต้องอยู่ค้ำยันอำนาจในรูปแบบที่ถ่วงดุล หรืออาจเลยเถิดไปถึงควบคุมอำนาจ “บริหาร - นิติบัญญัติ - ตุลาการ” ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตลอดจนสถาปนาอำนาจที่ 4 - 5 ติดอาวุธหนักให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” หรือการลัดคิวตั้ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ” คุมเกมยาวไป 20 ปี แบบเนียนๆ เพื่อกุมสถานการณ์และปฏิบัติภารกิจตัวเองให้เสร็จสิ้นบริบูรณ์เสียก่อน

มันก็แค่ละครฉากๆ หนึ่งที่เซตกันเอาไว้แล้ว อย่าลืมว่า “วิษณุ” เป็นคนเขียนหนังสือที่ชื่อ “โลกนี้คือละคร”

ซึ่งความคิดนี้มีมาตั้งแต่ยุค “อ.ปื๊ด” นั่งร่างรัฐธรรมนูญแล้ว โดยครั้งนั้นพยายามหาช่อง “อยู่ต่อ” โดยการยัดไส้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและสร้างความปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ไปให้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่พอถูกต่อต้านอย่างหนัก เพราะรูปแบบคล้าย “โปลิตบูโร” ของคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย สุดท้ายจึงกลับลำหักหลัง “อ.ปื๊ด” ด้วยการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในชั้น สปช.

แต่มาถึงหนนี้ การจะสร้างองค์กรพิเศษหรือ “คปป.ภาค 2” นั่นเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบาก ยากจะหนีกระแสต่อต้าน จึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีใหม่ซึ่งต้องทำให้แยบยลกว่าเดิม ซึ่งไม่เหนือบ่ากว่าแรงอ๋องกฎหมายอย่าง “มีชัย - วิษณุ” ที่เชี่ยวชาญการวางกับดักทางกฎหมายอยู่แล้ว

อย่างแรกคือ ถอดบทเรียนจากครั้ง “อ.ปื๊ด” โดยไม่เอาอะไรแผลงๆ ไปไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรอีก เพื่อไม่ให้เป็น “สายล่อฟ้า” ดังจะเห็นว่า ไม่มีคณะกรรมการอะไรแปลกๆ โผล่เข้ามาให้เซอร์ไพร์ส นอกจากกติกาสกัดกั้น “ระบอบทักษิณ” ที่ยังเข้มข้นเหมือนเดิม

แต่ขณะเดียวกัน ก็เลือกที่จะใช้วิธีการ “กระจายอำนาจ” ไปยังหน่วยงานต่างๆ คละเคล้ากันไป ไม่หนักที่ใครจนเป็นจุดเด่น โดยการกระจายไปในรูปคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติบ้าง ศาลรัฐธรรมนูญบ้าง รวมไปถึงรัฐบาลที่จะเกิดตามรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งดีไซน์เอาไว้แล้ว

เลือกที่จะแสดงความต้องการของตัวเองผ่านข้อเสนอแนะไปยังกรธ.ว่า ให้ร่างแบบตอบโจทย์ปัญหาก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งต้องมีทางออก แต่ไม่บอกวิธีเพื่อป้องกันข้อครหา “ใบสั่ง”

โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านดังกล่าวที่จะให้อยู่ใน “บทเฉพาะกาล” นั้น แน่นอนว่า ไม่ใช่การให้ คสช.อยู่ต่อแบบโต้งๆ หรือมีคณะกรรมการพิเศษใดๆโจ้งแจ้งเกินไป ตามคิวที่ “วิษณุ” ออกมาแย้มๆแนวทางว่า เป็นไปในลักษณะของการผ่อนปรนเรื่องประเด็นร้อนๆ ที่ “ฝ่ายการเมือง” ค้านหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่มาส.ว. นายกฯคนนอก การเปิดรายชื่อว่าที่นายกฯก่อนเลือกตั้ง การใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยากมากๆ

โดยในบทเฉพาะกาลจะเขียนให้มาตราเหล่านี้สามารถแก้ไขได้หลังจากผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านไปแล้ว หรือประมาณ 5 ปี อย่างที่ “บิ๊กตู่” พูดเอาไว้

โดยในช่วงแรกนี้ อาจจะให้ ส.ว.ที่เดิม กรธ.กำหนดว่าจะต้องมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ให้มาจากการแต่งตั้ง 100% เหมือนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอไปก่อน เพราะพ้นช่วงเปลี่ยนผ่านก็กลับไปสู่สิ่งที่บัญญัติไว้ในบทถาวร

ขณะที่ “นายกฯคนนอก” เมื่อผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านไปแล้วจะมาจาก ส.ส. เหมือนที่ “ฝ่ายการเมือง” เรียกร้อง เช่นเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยากมาก แต่เมื่อหมดระยะเวลาที่บทเฉพาะกาลกำหนดไว้ จะสามารถแก้ได้ง่ายขึ้น

เป็นการส่งสัญญาณชัดๆ ไปยังนักการเมืองเลยว่า 5 ปีนี้ “แป๊ะขอ” หลังจากนั้นค่อยว่ากัน เหมือนๆ กับปี 2550 ที่ใช้แคมเปญ “รับไปก่อน แก้ทีหลัง” เพียงแต่รอบนี้กำหนดเวลาให้ว่าจะแก้ได้เมื่อไร

อาจต้องแสลงหูกับข้อกล่าวหาที่ว่า “ต่อท่ออำนาจ” หรือ “เสพติดอำนาจ” บ้าง แต่มันก็จำเป็น

เมื่อโครงสร้างอำนาจในเมืองไทยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” การวางแผนจัดการต้องลงตัวที่สุด การประกาศ “โรดแมปใหม่” ที่จำเป็นต้องประคองการเมืองไปอีก 5 ปี

เป็นเหตุให้ “บิ๊กตู่” ต้องทำให้ทุกอย่างนิ่งที่สุด.




“บิ๊กป้อม” คาด “วิษณุ” ไม่ได้ส่งซิกคว่ำร่างฯ ได้ การันตี รธน.ประชาธิปไตยแน่นอน
“บิ๊กป้อม” คาด “วิษณุ” ไม่ได้ส่งซิกคว่ำร่างฯ ได้ การันตี รธน.ประชาธิปไตยแน่นอน
รองนายกฯ และรมว.กลาโหม คาด “วิษณุ” บอกพูดคว่ำร่าง รธน.ได้คงหมายถึงจ้อเนื้อหาที่ไม่ดีมากกว่าส่งสัญญาณให้ไม่รับ ติพวกเอาแต่จ้อแต่ไม่ส่งความเห็นให้ กรธ.ไม่เกิดประโยชน์ คาดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ทุกเรื่อง แต่ถ้ามีองค์กรตัดสินหน้าที่รัฐให้ชัดก็น่าจะดี ยัน ครม.รอพิจารณาต่อ ส่วนประชามติเสียงบก็ต้องทำเพื่อให้คนยอมรับ นับแค่คนมาใช้สิทธิ การันตีฉบับ “มีชัย” ประชาธิปไตยแน่นอน แย้มบทเฉพาะกาลดูตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ย้ำเลือกตั้งไม่เกิน ธ.ค. 60 เชื่อไม่วุ่นจ่อเขียนคุมไว้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น