แล้วนายทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมา “ตีกิน” อีก โดยนัดหมายให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศหลายสำนัก ประเด็นหลักๆ คือ การโจมตีรัฐบาลทหาร โจมตีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเสนอตัวเจรจากับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ทักษิณ” กล่าวว่า ตนนิ่งเงียบเป็นเวลานานเกินไป แต่ขณะนี้พร้อมเสนอเจรจากับรัฐบาลทหารในทุกรูปแบบ โดยจะไม่ตั้งเงื่อนไขใดๆ สำหรับตัวเอง ขอเพียงให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า และได้คืนประชาธิปไตยสู่ปวงชนเท่านั้น
ถ้าใครไม่เคยรู้จักนายทักษิณ หรือใครที่หลงงมงายนักการเมืองหน้าเหลี่ยมผู้นี้ชนิดไม่ลืมหูลืมตา จะรู้สึกว่า นายทักษิณพูดเก่ง และมีความปรารถนาดีต่อประเทศอย่างเสียเหลือเกิน
แต่สำหรับคนที่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยม จะรู้โดยทันทีว่า “ทักษิณ” คนนี้กะล่อนอีกแล้ว โดยที่อ้างกับสื่อต่างประเทศว่านิ่งเงียบเป็นเวลานานเกินไปนั้น โกหกชัดๆ
เพราะ “ทักษิณ” ไม่เคยอยู่นิ่ง ไม่เคยเงียบ แต่เคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศตลอดเวลา จ้อไม่เคยหยุด ล่าสุดเพิ่ง “อัด” พล.อ.ประยุทธ์อยู่หยกๆ กล่าวหาว่าบ้าอำนาจ ขาดวุฒิภาวะไม่ใช่หรือ
ถ้า “ทักษิณ” ต้องการให้ประเทศก้าวหน้าจริง เพียงแค่หยุดก่อกวน ประเทศก็มีโอกาสก้าวไปข้างหน้าแล้ว ส่วนการคืนประชาธิปไตยสู่ปวงชนนั้น ถ้า “ทักษิณ” ไม่หลงตัวเอง ไม่ตั้งเงื่อนไขว่า
ระบอบประชาธิปไตยของไทยจะต้องมีพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ต้องมีนายทักษิณเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ปวงชนชาวไทยต้องได้คืนประชาธิปไตยไปนานแล้ว
ประชาธิปไตยในความหมายของ “ทักษิณ” หมายถึงประชาธิปไตยภายใต้ฝ่าเท้าของนายทักษิณ ซึ่งปวงชนชาวไทยไม่อยากได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ลุกฮือออกมาไล่ “ทักษิณ” จนไม่มีแผ่นดินอยู่
การทำเป็นเสนอหน้า พร้อมเจรจากับรัฐบาลทหารนั้น “ทักษิณ” กำลังสำคัญตัวผิด คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ทั้งที่เป็นเพียง “นาย” ของคนเสื้อแดง และเป็นแค่นายใหญ่ของบรรดาลูกสมุนที่หิวโหยในผลประโยชน์และลาภยศเท่านั้น แต่สำหรับปวงชนชาวไทย
“ทักษิณ” คือ นักโทษหนีคดี เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมไทย เป็นนักการเมืองจอมขี้โกง และไม่มีสำนึกในความเสียสละเพื่อแผ่นดินเกิด
การเสนอตัวเจรจากับรัฐบาลทหารนั้น ยังสงสัยกันอยู่ว่า นายทักษิณจะเจรจาในฐานะใด เจรจาประเด็นไหน และใครจะยอมเจรจาด้วย
เพราะคนในรัฐบาลทหารประสานเสียงมาแล้ว ไม่เจรจาใดๆ กับนายทักษิณ และคงไม่ต้องรอดูท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะถ้ามีโอกาสเจอหน้า ไม่รำมวยไทยใส่ก็ถือว่าบุญแล้ว บัญชีเก่าที่ด่าพล.อ.ประยุทธ์ไว้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนยังค้างชำระกันอยู่
“ทักษิณ” รู้อยู่แก่ใจว่า ข้อเสนอเจรจากับรัฐบาลทหาร ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะใครจะบ้าไปคุยกับนักโทษหนีคดี ใครจะไปคุยกับคนที่คอยยุยงให้สังคมเกิดความแตกแยก
และรัฐบาลทหารคงไม่โง่ไปคุยกับคนที่มุ่งร้าย พยายามบ่อนทำลาย หมายโค่นล้มรัฐบาล
ข้อเสนอการเจรจานั้น เป็นกลยุทธ์ที่นายทักษิณใช้มาตลอด แต่ใช้ในยามที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำ ถ้าอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ อำนาจเต็มไม้เต็มมือ “ทักษิณ” ไม่เคยเจรจากับใคร นอกจากใช้อำนาจ “เล่นงาน” ลูกเดียว
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยหลวมตัวมาแล้ว ยอมนั่งโต๊ะเจรจากับลูกสมุน “ทักษิณ” ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองตึงเครียด มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงก่อความวุ่นวาย
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หวังว่า จะคลี่คลายสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองได้ แต่ปรากฏว่า การเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงต้องคว้าน้ำเหลว ก่อนมีคำบงการให้เผาบ้านเผาเมืองในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคมปี 2553
การนัดสื่อต่างประเทศมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ คงมีการวิ่งเต้น เพราะมากันพร้อมเพรียงหลายสำนัก และ “ทักษิณ” ก็มีงบจ้างล็อบบี้ยิสต์อยู่แล้ว ส่วนเป้าหมายการออกมาเคลื่อนไหว น่าจะมีเป้าหมายบดขยี้รัฐบาลทหารที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในทุกด้าน ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
และเป็นการสร้างภาพหลอกชาวโลกว่า “ทักษิณ” มีความตั้งใจดี พร้อมอาสาเจรจากับรัฐบาลทหารเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ
“ทักษิณ” จะหลอกฝรั่งหัวแดง จะหลอกคนไทยที่ไม่ฉลาดก็หลอกไป แต่สำหรับคนที่รู้ทันเล่ห์คนหน้าเหลี่ยม รู้ไส้รู้พุงคนอย่าง “ทักษิณ” ดีว่า
การเสนอหน้าเจรจากับรัฐบาลทหาร เป็นเพียงยุทธวิธี เอาดีใส่ตัว “ทักษิณ” เอาชั่วโยนให้รัฐบาลทหารเท่านั้น
“ทักษิณ” กล่าวว่า ตนนิ่งเงียบเป็นเวลานานเกินไป แต่ขณะนี้พร้อมเสนอเจรจากับรัฐบาลทหารในทุกรูปแบบ โดยจะไม่ตั้งเงื่อนไขใดๆ สำหรับตัวเอง ขอเพียงให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า และได้คืนประชาธิปไตยสู่ปวงชนเท่านั้น
ถ้าใครไม่เคยรู้จักนายทักษิณ หรือใครที่หลงงมงายนักการเมืองหน้าเหลี่ยมผู้นี้ชนิดไม่ลืมหูลืมตา จะรู้สึกว่า นายทักษิณพูดเก่ง และมีความปรารถนาดีต่อประเทศอย่างเสียเหลือเกิน
แต่สำหรับคนที่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยม จะรู้โดยทันทีว่า “ทักษิณ” คนนี้กะล่อนอีกแล้ว โดยที่อ้างกับสื่อต่างประเทศว่านิ่งเงียบเป็นเวลานานเกินไปนั้น โกหกชัดๆ
เพราะ “ทักษิณ” ไม่เคยอยู่นิ่ง ไม่เคยเงียบ แต่เคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศตลอดเวลา จ้อไม่เคยหยุด ล่าสุดเพิ่ง “อัด” พล.อ.ประยุทธ์อยู่หยกๆ กล่าวหาว่าบ้าอำนาจ ขาดวุฒิภาวะไม่ใช่หรือ
ถ้า “ทักษิณ” ต้องการให้ประเทศก้าวหน้าจริง เพียงแค่หยุดก่อกวน ประเทศก็มีโอกาสก้าวไปข้างหน้าแล้ว ส่วนการคืนประชาธิปไตยสู่ปวงชนนั้น ถ้า “ทักษิณ” ไม่หลงตัวเอง ไม่ตั้งเงื่อนไขว่า
ระบอบประชาธิปไตยของไทยจะต้องมีพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ต้องมีนายทักษิณเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ปวงชนชาวไทยต้องได้คืนประชาธิปไตยไปนานแล้ว
ประชาธิปไตยในความหมายของ “ทักษิณ” หมายถึงประชาธิปไตยภายใต้ฝ่าเท้าของนายทักษิณ ซึ่งปวงชนชาวไทยไม่อยากได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ลุกฮือออกมาไล่ “ทักษิณ” จนไม่มีแผ่นดินอยู่
การทำเป็นเสนอหน้า พร้อมเจรจากับรัฐบาลทหารนั้น “ทักษิณ” กำลังสำคัญตัวผิด คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ทั้งที่เป็นเพียง “นาย” ของคนเสื้อแดง และเป็นแค่นายใหญ่ของบรรดาลูกสมุนที่หิวโหยในผลประโยชน์และลาภยศเท่านั้น แต่สำหรับปวงชนชาวไทย
“ทักษิณ” คือ นักโทษหนีคดี เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมไทย เป็นนักการเมืองจอมขี้โกง และไม่มีสำนึกในความเสียสละเพื่อแผ่นดินเกิด
การเสนอตัวเจรจากับรัฐบาลทหารนั้น ยังสงสัยกันอยู่ว่า นายทักษิณจะเจรจาในฐานะใด เจรจาประเด็นไหน และใครจะยอมเจรจาด้วย
เพราะคนในรัฐบาลทหารประสานเสียงมาแล้ว ไม่เจรจาใดๆ กับนายทักษิณ และคงไม่ต้องรอดูท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะถ้ามีโอกาสเจอหน้า ไม่รำมวยไทยใส่ก็ถือว่าบุญแล้ว บัญชีเก่าที่ด่าพล.อ.ประยุทธ์ไว้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนยังค้างชำระกันอยู่
“ทักษิณ” รู้อยู่แก่ใจว่า ข้อเสนอเจรจากับรัฐบาลทหาร ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะใครจะบ้าไปคุยกับนักโทษหนีคดี ใครจะไปคุยกับคนที่คอยยุยงให้สังคมเกิดความแตกแยก
และรัฐบาลทหารคงไม่โง่ไปคุยกับคนที่มุ่งร้าย พยายามบ่อนทำลาย หมายโค่นล้มรัฐบาล
ข้อเสนอการเจรจานั้น เป็นกลยุทธ์ที่นายทักษิณใช้มาตลอด แต่ใช้ในยามที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำ ถ้าอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ อำนาจเต็มไม้เต็มมือ “ทักษิณ” ไม่เคยเจรจากับใคร นอกจากใช้อำนาจ “เล่นงาน” ลูกเดียว
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยหลวมตัวมาแล้ว ยอมนั่งโต๊ะเจรจากับลูกสมุน “ทักษิณ” ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองตึงเครียด มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงก่อความวุ่นวาย
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หวังว่า จะคลี่คลายสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองได้ แต่ปรากฏว่า การเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงต้องคว้าน้ำเหลว ก่อนมีคำบงการให้เผาบ้านเผาเมืองในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคมปี 2553
การนัดสื่อต่างประเทศมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ คงมีการวิ่งเต้น เพราะมากันพร้อมเพรียงหลายสำนัก และ “ทักษิณ” ก็มีงบจ้างล็อบบี้ยิสต์อยู่แล้ว ส่วนเป้าหมายการออกมาเคลื่อนไหว น่าจะมีเป้าหมายบดขยี้รัฐบาลทหารที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในทุกด้าน ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
และเป็นการสร้างภาพหลอกชาวโลกว่า “ทักษิณ” มีความตั้งใจดี พร้อมอาสาเจรจากับรัฐบาลทหารเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ
“ทักษิณ” จะหลอกฝรั่งหัวแดง จะหลอกคนไทยที่ไม่ฉลาดก็หลอกไป แต่สำหรับคนที่รู้ทันเล่ห์คนหน้าเหลี่ยม รู้ไส้รู้พุงคนอย่าง “ทักษิณ” ดีว่า
การเสนอหน้าเจรจากับรัฐบาลทหาร เป็นเพียงยุทธวิธี เอาดีใส่ตัว “ทักษิณ” เอาชั่วโยนให้รัฐบาลทหารเท่านั้น
