“พาณิชย์”เผยแก๊งทุจริตขายข้าวจีทูจีไม่รอด อัยการสูงสุดชี้คดีทางแพ่งไม่มีหมดอายุความ เตรียมส่งสำนวนประกอบในคดีอาญาที่จะเปิดไต่สวน “บุญทรง” นัดแรก 2 มี.ค.นี้ เผยค่าเสียหายรับกันอ่วมไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท หัวโจกโดนหนักสุด ลือเพื่อไทยดิ้นพล่าน จ้างนักกฎหมายหัวกะทิทั้งในและนอก 17 ราย ช่วย “ปู”หาช่องสู้คดีปล่อยโกงจำนำและทุจริตขายข้าวจีทูจี
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานอัยการสูงสุดถึงความคืบหน้าของคดีการทุจริตขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และพวกรวม 22 รายแล้ว โดยยืนยันว่าคดีความในส่วนของเอกชน 15 ราย สามารถดำเนินการฟ้องอาญาพ่วงแพ่งได้ และคดีทางแพ่งก็จะไม่หมดอายุความ เพราะต้องรอให้การพิจารณาคดีอาญาเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งจะมีการส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะนัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 2 มี.ค.2559 นี้ นำไปประกอบไว้ในสำนวนด้วย
โดยก่อนหน้านี้ เคยมีความกังวลกันว่า คดีทางแพ่งในส่วนของเอกชนจะหมดอายุความ เพราะต้องส่งฟ้องภายในเดือนก.พ.นี้ หลังจากผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่เดือนก.พ.2558 แต่เมื่อมีการส่งฟ้องเป็นคดีอาญา แล้ว ก็จะไม่มีการหมดอายุความ เพราะต้องรอให้การพิจารณาคดีอาญาเสร็จก่อน ถึงจะเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อไป
ส่วนคดีทางแพ่งของนักการเมืองก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีอายุความ 2 ปี แต่ในเมื่อถูกดำเนินคดีอาญาแล้ว ก็จะพ่วงไปกับคดีอาญาด้วย จึงไม่ต้องมีความเป็นห่วงเรื่องอายุความอีก ขณะที่เอกชนอีก 1 ราย ที่ได้หลบหนีไป และไม่สามารถนำตัวมาส่งฟ้องได้ ซึ่งอายุความก็ไม่มีวันหมด เพราะอายุความหยุดนับตั้งแต่หลบหนี
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายในการทุจริตขายข้าวจีทูจี ได้มีการคิดคำนวณออกมาแล้ว โดยมีมูลค่าที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนักการเมือง เอกชน และข้าราชการ ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้ส่งเรื่องไปให้กระทรวงการคลังแล้ว โดยกระทรวงการคลังมีระเบียบในการคิดคำนวณว่าจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้ง 22คนในอัตราคนละเท่าใด แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ นายบุญทรง ในฐานะตัวการ น่าจะโดนมากสุด ส่วนรายอื่นๆ ค่าเสียหายที่เรียก จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นตัวหลัก และได้รับประโยชน์จากการทุจริตในครั้งนี้
ทั้งนี้ ค่าเสียหายทั้งหมดนี้ หลังจากได้รับรายละเอียดจากกระทรวงการคลังแล้ว เป็นหน้าที่ของกรมการค้าต่างประเทศ จะต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง และออกคำสั่งทางปกครองสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งผู้ที่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หากเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดทางพรรคเพื่อไทยได้ทำการว่าจ้างสำนักงานกฎหมายและทนายความชื่อดัง ทั้งในและต่างประเทศ ประมาณ 17 ราย ให้เข้ามาช่วยต่อสู้ในคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกป.ป.ช. กล่าวหาปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดความเสียหาย และคดีการทุจริตขายข้าวจีทูจี เพราะขณะนี้ ทั้ง 2คดี เริ่มเข้าสู่การพิจารณาของศาล และมีแนวโน้มที่จะแพ้คดี จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ จึงต้องเร่งระดมนักกฎหมายมือดีเข้ามาช่วยเหลือ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานอัยการสูงสุดถึงความคืบหน้าของคดีการทุจริตขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และพวกรวม 22 รายแล้ว โดยยืนยันว่าคดีความในส่วนของเอกชน 15 ราย สามารถดำเนินการฟ้องอาญาพ่วงแพ่งได้ และคดีทางแพ่งก็จะไม่หมดอายุความ เพราะต้องรอให้การพิจารณาคดีอาญาเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งจะมีการส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะนัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 2 มี.ค.2559 นี้ นำไปประกอบไว้ในสำนวนด้วย
โดยก่อนหน้านี้ เคยมีความกังวลกันว่า คดีทางแพ่งในส่วนของเอกชนจะหมดอายุความ เพราะต้องส่งฟ้องภายในเดือนก.พ.นี้ หลังจากผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่เดือนก.พ.2558 แต่เมื่อมีการส่งฟ้องเป็นคดีอาญา แล้ว ก็จะไม่มีการหมดอายุความ เพราะต้องรอให้การพิจารณาคดีอาญาเสร็จก่อน ถึงจะเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อไป
ส่วนคดีทางแพ่งของนักการเมืองก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีอายุความ 2 ปี แต่ในเมื่อถูกดำเนินคดีอาญาแล้ว ก็จะพ่วงไปกับคดีอาญาด้วย จึงไม่ต้องมีความเป็นห่วงเรื่องอายุความอีก ขณะที่เอกชนอีก 1 ราย ที่ได้หลบหนีไป และไม่สามารถนำตัวมาส่งฟ้องได้ ซึ่งอายุความก็ไม่มีวันหมด เพราะอายุความหยุดนับตั้งแต่หลบหนี
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายในการทุจริตขายข้าวจีทูจี ได้มีการคิดคำนวณออกมาแล้ว โดยมีมูลค่าที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนักการเมือง เอกชน และข้าราชการ ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้ส่งเรื่องไปให้กระทรวงการคลังแล้ว โดยกระทรวงการคลังมีระเบียบในการคิดคำนวณว่าจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้ง 22คนในอัตราคนละเท่าใด แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ นายบุญทรง ในฐานะตัวการ น่าจะโดนมากสุด ส่วนรายอื่นๆ ค่าเสียหายที่เรียก จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นตัวหลัก และได้รับประโยชน์จากการทุจริตในครั้งนี้
ทั้งนี้ ค่าเสียหายทั้งหมดนี้ หลังจากได้รับรายละเอียดจากกระทรวงการคลังแล้ว เป็นหน้าที่ของกรมการค้าต่างประเทศ จะต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง และออกคำสั่งทางปกครองสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งผู้ที่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หากเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดทางพรรคเพื่อไทยได้ทำการว่าจ้างสำนักงานกฎหมายและทนายความชื่อดัง ทั้งในและต่างประเทศ ประมาณ 17 ราย ให้เข้ามาช่วยต่อสู้ในคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกป.ป.ช. กล่าวหาปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดความเสียหาย และคดีการทุจริตขายข้าวจีทูจี เพราะขณะนี้ ทั้ง 2คดี เริ่มเข้าสู่การพิจารณาของศาล และมีแนวโน้มที่จะแพ้คดี จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ จึงต้องเร่งระดมนักกฎหมายมือดีเข้ามาช่วยเหลือ