ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กต๊อก"ไฟเขียวดีเอสไอตรวจสอบรถหรู "สมเด็จช่วง" เต็มที่ ยันไม่มีการล้วงลูก เผยใช้เวลา 1 เดือนรู้ผล ย้ำทำอย่างละเอียดรอบคอบ เชื่อเป็นการดี เคลียร์ข่าวปากต่อปากให้จบ เพื่อความสง่างาม ด้านกรมศิลป์เผยจดหมายเหตุงานพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช จะเสร็จสมบูรณ์เดือนพ.ค.นี้
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจสอบรถยนต์หรู ภายในวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า ไม่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพราะให้เสรีข้าราชการในการทำงานเหมือนคดีอื่นๆ จึงไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบ ทราบว่าจะใช้เวลา 1 เดือน จึงขอให้รอผลตามเวลาที่ระบุ ซึ่งไม่ได้มีการเร่งรัดการดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน
"ถือเป็นเรื่องดี หากสังคมเกิดความสงสัยอะไร ก็จะสามารถตอบได้ หากมีความชัดเจนด้านใดด้านหนึ่ง เรื่องก็จะจบ อีกทั้งเป็นเรื่องที่สำคัญกับประเทศชาติ การทำงานของกระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอ จึงต้องทำงานอย่างรอบคอบ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งเรื่องนี้ต้องคิดถึงผลได้ผลเสียของบ้านเมือง ต้องคิดในทุกมุม อย่าคิดแต่ฝ่ายตัวเอง"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
เมื่อถามว่า การเข้าไปตรวจสอบภายในวัด ถือเป็นการดิสเครดิตสมเด็จช่วงหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ถ้าจะคิดในมุมนั้น ก็คิดได้ แต่ถ้ามองอย่างเป็นธรรม เมื่อมีคนอื่นสงสัย คลางแคลงใจ ก็ควรจะดำเนินการ หากเรื่องถูกต้อง ก็อย่ากลัว และการทำเรื่องนี้ ให้กระจ่างในสังคม ยังถือว่าเป็นเครื่องยืนยันตัวเอง ถ้าหากไม่ดำเนินการ ไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง แล้วมีการพูดกันต่อไปตลอดอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่สมควร แต่หากมีความชัดเจน ก็จะเกิดประโยชน์และมีความสง่างามอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าดีเอสไอและกระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการตามหน้าที่ เพราะเมื่อมีคนมาร้องเรียน ก็ต้องดำเนินการ และคิดว่าเหมาะสมในช่วงนี้ เพราะเรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งก็ยาวนานมาพอสมควรแล้ว ต้องคิดทุกมุม อย่าคิดเพียงแต่ฝ่ายตัวเอง
นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุงานพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ว่า กรมศิลปากรกำหนดการจัดทำต้นฉบับหนังสือจดหมายเหตุงานพระศพฯ ให้แล้วเสร็จเดือนม.ค.นี้ แต่ก่อนเข้าสู่ขบวนการพิมพ์ จะส่งต้นฉบับเพื่อตรวจพิสูจน์อักษรและปรับแก้โดยผู้เชี่ยวชาญ ต่อจากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม โดยคาดว่าการจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุฯ จะแล้วเสร็จสมบูรณ์เดือนพ.ค.2559
สำหรับเนื้อหาภายในหนังสือจดหมายเหตุงานพระศพฯ จะมีการประมวลเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ การประดิษฐานพระศพ การบำเพ็ญพระราชกุศล และการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระศพ เช่น การบำเพ็ญพระราชกุศลสัตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) สตมวาร (100 วัน) เป็นต้น การจัดเตรียมงานพระราชทานเพลิงพระศพฯ ของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ตลอดจนโครงการและกิจกรรมที่ภาครัฐ ภาคเอกชนจัดทำถวาย พระเมรุและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ การซ่อมราชรถ การจัดทำซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ เครื่องประกอบพระราชพิธี และงานอื่นๆ กำหนดจัดพิมพ์จำนวน 10,000 เล่ม
ทั้งนี้ เมื่อจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุงานพระศพฯ เสร็จแล้ว จะนำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และมอบให้กับองคมนตรี คณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งแจกจ่ายให้ส่วนราชการ ตลอดจนประชาชนที่ไปร่วมงานพระศพและได้รับบัตรสำหรับรับหนังสือดังกล่าว และอีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เพื่อเก็บบันทึกเป็นข้อมูลเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในงานพระศพสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ต่อไป
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจสอบรถยนต์หรู ภายในวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า ไม่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพราะให้เสรีข้าราชการในการทำงานเหมือนคดีอื่นๆ จึงไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบ ทราบว่าจะใช้เวลา 1 เดือน จึงขอให้รอผลตามเวลาที่ระบุ ซึ่งไม่ได้มีการเร่งรัดการดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน
"ถือเป็นเรื่องดี หากสังคมเกิดความสงสัยอะไร ก็จะสามารถตอบได้ หากมีความชัดเจนด้านใดด้านหนึ่ง เรื่องก็จะจบ อีกทั้งเป็นเรื่องที่สำคัญกับประเทศชาติ การทำงานของกระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอ จึงต้องทำงานอย่างรอบคอบ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งเรื่องนี้ต้องคิดถึงผลได้ผลเสียของบ้านเมือง ต้องคิดในทุกมุม อย่าคิดแต่ฝ่ายตัวเอง"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
เมื่อถามว่า การเข้าไปตรวจสอบภายในวัด ถือเป็นการดิสเครดิตสมเด็จช่วงหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ถ้าจะคิดในมุมนั้น ก็คิดได้ แต่ถ้ามองอย่างเป็นธรรม เมื่อมีคนอื่นสงสัย คลางแคลงใจ ก็ควรจะดำเนินการ หากเรื่องถูกต้อง ก็อย่ากลัว และการทำเรื่องนี้ ให้กระจ่างในสังคม ยังถือว่าเป็นเครื่องยืนยันตัวเอง ถ้าหากไม่ดำเนินการ ไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง แล้วมีการพูดกันต่อไปตลอดอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่สมควร แต่หากมีความชัดเจน ก็จะเกิดประโยชน์และมีความสง่างามอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าดีเอสไอและกระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการตามหน้าที่ เพราะเมื่อมีคนมาร้องเรียน ก็ต้องดำเนินการ และคิดว่าเหมาะสมในช่วงนี้ เพราะเรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งก็ยาวนานมาพอสมควรแล้ว ต้องคิดทุกมุม อย่าคิดเพียงแต่ฝ่ายตัวเอง
นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุงานพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ว่า กรมศิลปากรกำหนดการจัดทำต้นฉบับหนังสือจดหมายเหตุงานพระศพฯ ให้แล้วเสร็จเดือนม.ค.นี้ แต่ก่อนเข้าสู่ขบวนการพิมพ์ จะส่งต้นฉบับเพื่อตรวจพิสูจน์อักษรและปรับแก้โดยผู้เชี่ยวชาญ ต่อจากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม โดยคาดว่าการจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุฯ จะแล้วเสร็จสมบูรณ์เดือนพ.ค.2559
สำหรับเนื้อหาภายในหนังสือจดหมายเหตุงานพระศพฯ จะมีการประมวลเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ การประดิษฐานพระศพ การบำเพ็ญพระราชกุศล และการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระศพ เช่น การบำเพ็ญพระราชกุศลสัตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) สตมวาร (100 วัน) เป็นต้น การจัดเตรียมงานพระราชทานเพลิงพระศพฯ ของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ตลอดจนโครงการและกิจกรรมที่ภาครัฐ ภาคเอกชนจัดทำถวาย พระเมรุและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ การซ่อมราชรถ การจัดทำซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ เครื่องประกอบพระราชพิธี และงานอื่นๆ กำหนดจัดพิมพ์จำนวน 10,000 เล่ม
ทั้งนี้ เมื่อจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุงานพระศพฯ เสร็จแล้ว จะนำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และมอบให้กับองคมนตรี คณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งแจกจ่ายให้ส่วนราชการ ตลอดจนประชาชนที่ไปร่วมงานพระศพและได้รับบัตรสำหรับรับหนังสือดังกล่าว และอีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เพื่อเก็บบันทึกเป็นข้อมูลเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในงานพระศพสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ต่อไป
