เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าจับกุม "ธเนตร อนันตวงษ์" นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ร่วมโพสต์ผังราชภักดิ์ ผิดฐานหมิ่นสถาบัน ส่งฝากขังเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 ตำรวจย้ำ “แชร์-ไลค์” ผิดด้วย “เรืองไกร” เตรียมส่งข้อมูลให้บิ๊กต๊อก ขณะที่โพลแนะพัฒนาการศึกษาแก้ทุจริต
วานนี้ (13 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ควบคุมตัวนายธเนตร อนันตวงษ์ อายุ 25 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ในความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนโดยมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 (1) พร้อมกับนำตัวมาฝากขังที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 เพื่อทำการสอบสวนขยายผล แต่จะควบคุมตัวครบ 7 วันหรือไม่ ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา หลังจากนั้นจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับนายธเนตรนั้น แนวทางการสืบสวนพบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ประกอบกับมีพฤติกรรมเคยเคลื่อนไหวทางการเมืองในนาม กลุ่มนปช. ตั้งแต่ปี 2553 รวมทั้งมีพฤติกรรมโพสต์ข้อความไม่เหมาะสมในลักษณะหมิ่นประมาท ยุยงให้เกิดความแตกแยก และเข้าร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ด้วย
ในส่วนกรณีนายฐนกร หรือ เอฟ ศิริไพบูลย์ อายุ 27 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ ที่เผยแพร่แผนผังอุทยานราชภักดิ์ ในเพจเฟซบุ๊ก"สถาบันคนเสื้อแดงแห่งชาติ" ซึ่งหลังจากศาลทหารออกหมายจับ นายฐนกร ใน 3 ข้อหา และทางทหารได้กระทำการคุมตัวไว้สอบสวนครบ 7 วันแล้ว โดยในวันที่ 14 ธ.ค. ทางเจ้าหน้าที่ทหาร จะนำตัวนายฐนกร ส่งให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อนำตัวไปฝากขังต่อศาลทหารต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการที่มีกระแสข่าวว่า จะมีทนายของกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าให้การช่วยเหลือในคดีฐานความผิดนั้น ก็เป็นสิทธิของทนายความ แต่ขณะนี้ทางนายฐนกร ไม่ได้มีการร้องขอแต่อย่างใด ประกอบกับนายฐนกร ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารชุดสอบสวนจะดำเนินการสืบสวน และขอศาลออกหมายจับตัวบงการใหญ่ ที่ร่วมกระทำความผิดในลักษณะนี้อีกจำนวนหลายราย
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทราบว่ากลุ่มร่วมอุดมการณ์เดียวกับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีการเปิดเพจเฟซบุ๊กขึ้นใหม่ และกระทำการต่อต้านการจับกุมของเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมทั้งนำข้อมูลอันเป็นเท็จ มาเขียนขึ้นเองในเพจที่เกี่ยวกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ และการหมิ่นประมาทอื่นๆ ต่อเจ้าหน้าที่ทหาร โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้เตือนไปยังประชาชนแล้วว่า อย่าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มคนเหล่านี้ หากมีประชาชนคนใดเข้าไปมีส่วนร่วมในการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อให้ประชาชนส่วนมากเข้าใจผิดจะถือว่าเป็นการปลุกปั่นเพื่อไม่ให้บ้านเมืองสงบสุข หลังจากนี้ทหารจะดำเนินการจนถึงที่สุด โดยในวันนี้จะมีการแถลงข่าวความเชื่อมโยงของขบวนการดังกล่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป
***ตำรวจย้ำ “แชร์-ไลค์” ผิดด้วย
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรไชยเดช คณะพนักงานสอบสวน คดีเกี่ยวกับความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.วิจารณ์ จดแตง และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ทีมกฎหมายของทหารกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความกองบังคับการปราบปราม ในการเอาผิดผู้ที่เผยแพร่แผนผังการทุจริตอุทยานราชภักดิ์ เผยอาจจะมีการตั้งคณะทำงาน ขึ้นมาอีก 1 ชุด เกี่ยวกับคดีแผนผังอุทยานราชภักดิ์
“กำลังทำการรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมแจ้งความ ที่กองบังคับการปราบปราม โดยทราบว่า มีจำนวนหลายคนด้วยกัน ซึ่งทางตำรวจจะรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลทหารอนุมัติออกหมายจับต่อไป” พล.ต.ต.ชยพลกล่าวและว่า การตั้งคณะทำงานในคดีนี้อีก 1 ชุด เนื่องจากเริ่มมีผู้ต้องหาเพิ่มขึ้น ซึ่งคงต้องรอให้ทางหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนสั่งการมาอีกครั้งหนึ่ง และขอเตือนผู้ที่แชร์ หรือ ไลค์ แผนผังดังกล่าว ว่าหากเกี่ยวโยงก็อาจจะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไปด้วย
พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. กล่าวถึงความคืบหน้า การดำเนินคดีกับนายฐนกร หรือ เอฟ ศิริไพบูลย์ อายุ 27 ปี หนุ่มสมุทรปราการ ที่เผยแพร่แผนผังโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า หลังจากศาลทหารออกหมายจับนายฐนกรใน 3 ข้อหา และทหารคุมตัวไว้ครบ 7 วันแล้ว ในวันนี้ (14 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจะคุมตัวนายฐนกร ส่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดีตามที่ศาลออกหมายจับไว้ เพื่อนำตัวไปฝากขังต่อศาลทหารต่อไป
พ.อ.บุรินทร์กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ในค่ายทหารแห่งหนึ่ง เพื่อสอบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการในการจัดทำแผนผังอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งได้รับความร่วมมือกับนายฐนกรดีในระดับหนึ่ง และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลของตัวการใหญ่หมดแล้ว ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้จักกันดี หากมีหลักฐานครบจะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการขอออกหมายจับจากศาลต่อไป
*** 'เรืองไกร' เตรียมส่งข้อมูล 'บิ๊กต๊อก'
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (14 ธ.ค.) จะส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) หลังเปิดเผยข้อมูลแก่สื่อมวลชนถึงปัญหาการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับโครงการให้ พล.อ.ไพบูลย์ นำไปประกอบการตรวจสอบของ ศอตช.ต่อไป
ทั้งนี้ เป็นข้อมูลจากภาคเอกชนที่แสดงไว้ทางสาธารณะ ประกอบด้วยเรื่องเงินและทรัพทย์สินที่บริจาคกับการรับทำงานก่อสร้างในโครงการ โดยทรัพย์สินที่มีการบริจาคมีทั้งกระดาษสำหรับเครื่องพิมพ์ คอนกรีตผสมเสร็จ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นให้ติดตามว่ามีการออกใบรับการบริจาคอย่างไร
ส่วนงานก่อสร้างมีข้อมูลหลายส่วน เช่น งานตีเส้นจราจรและส่งวัสดุในการทำท่อและบ่อพัก นอกจากนี้ ยังมีงานก่อสร้างฐานแท่นพระบรมราชนุเสาวรีย์ที่ผู้บริหารของกลุ่ม ช.การช่าง ได้โพสต์ไว้ ภาพดังกล่าวระบุถึงการก่อสร้างและการบริจาคเงิน 100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังส่งภาพมุมสูงของอุทยานราชภักดิ์ให้ ศอตช.พิจารณาตรวจสอบว่า ทั้งโครงการมีส่วนงานใดที่ทำจากงบประมาณแผ่นดินและจากเงินที่รับบริจาคมา ขอให้ ศอตช.พิจารณาตรวจสอบการทำสัญญาของเอกชนตามรายละเอียดที่ส่งให้ทางไปรษณีย์
**โพลแนะพัฒนาการศึกษาแก้ทุจริต
ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย เป็นปัญหาร้ายแรงที่มีมานาน บ่อนทำลายประเทศชาติ และสังคมให้ย่ำแย่ แม้จะมีมาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างไรก็ไม่สามารถขจัดให้หมดไปจากสังคมไทยได้ และเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ก็ได้ออกมาแนะ 10 วิธี สร้างโปร่งใส-ไม่ทุจริต ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เน้นย้ำเรื่องการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ยึดความโปร่งใสเช่นกัน เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นและเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม สวนดุสิตโพล ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,354 คน ระหว่างวันที่ 9-12 ธ.ค.58 สรุปผลได้ ดังนี้
1. สาเหตุ ของ การทุจริตคอร์รัปชัน อันดับ 1มีความโลภ เห็นแก่ตัว อยากรวยทางลัด 86.43% อันดับ 2 ขาดคุณธรรมจริยธรรม ขาดจิตสำนึกที่ดี 83.67% อันดับ 3 การทำงานขาดการตรวจสอบที่ดี 77.81%
2. ผลเสียของ การทุจริตคอร์รัปชัน อันดับ 1 ส่งผลต่อเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศล่าช้า 89.27% อันดับ 2 เกิดความเหลื่อมล้ำ ประชาชนได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ 85.59% อันดับ 3 ส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศชาติ 76.35%
3. ทำไม การทุจริตคอร์รัปชัน จึงแก้ไขยาก อันดับ 1 ฝังรากลึกมานาน จนมองเป็นเรื่องปกติ 87.04% อันดับ 2 มาจากผู้มีอำนาจ มีอิทธิพล มีอยู่ทุกวงการ /เจ้าหน้าที่ ข้าราชการก็ร่วมทุจริตด้วย 81.92% อันดับ 3 กฎหมายไม่เด็ดขาด เจ้าหน้าที่ไม่จัดการอย่างจริงจัง 75.66%
4. วิธีป้องกันแก้ไข การทุจริตคอร์รัปชัน อันดับ 1พัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมตั้งแต่วัยเยาว์ 78.39% อันดับ 2 กฎหมายเคร่งครัด บทลงโทษชัดเจน การตรวจสอบเข้มงวด รัดกุม 75.43% อันดับ 3แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ประชาชนมีรายได้เพียงพอ72.18%
5. จากที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ให้คำแนะนำ 10 ข้อ ในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ประชาชนคิดว่าประเด็นใดมีความสำคัญมากที่สุดอันดับ 1 เริ่มที่ตัวเราต้องมีความโปร่งใสก่อน จึงค่อยไปที่คนรอบข้างและองค์กร 91.45% อันดับ 2 ควรอบรมปลูกฝังจริยธรรมตั้งแต่เด็ก 88.28% อันดับ 3กระบวนการกำจัดคนปล้นชาติ ต้องรวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด ต้องช่วยกันให้มีคนดีมากๆไม่ให้คนเลวมีที่ยืนในสังคม เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน 83.50% อันดับ 4 ไม่ปล่อยให้คนโกงลอยนวล 80.81% อันดับ 5 หยุดและเลิกระบบอุปถัมภ์ ไม่ช่วยเหลือคนโกง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก เมีย ญาติพี่น้อง แม้จะยากแต่จำเป็นและสำคัญ 77.60%.