xs
xsm
sm
md
lg

ชู'วันธรรมดาน่าเที่ยว'กระจายรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ว่าฯ ททท.เผยกลยุทธ์ตลาดในประเทศปี 59 สร้างรายได้ 8.7 แสนล้านบาทจาก 3 โครงการรับนโยบาย “วันธรรมดาน่าเที่ยว” กระจายรายได้สู่เมืองท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ หลังโครงการ “12 เมืองต้องาม...พลาด” ได้ผลเกินคาด สร้างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ถึง 20% มั่นใจรายได้ในประเทศทะลุ 1 ล้านล้านบาทในปี 2561

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปี 2559 ททท. มีกลยุทธ์หลักในการทำตลาดท่องเที่ยวในประเทศโดยมุ่งเน้นการกระตุ้นรายได้ทางด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับความเข้มแข็งของชุมชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวน 150.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% พร้อมรายได้ 8.6-8.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2561

นโยบายสำคัญในการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศคือโครงการ “วันธรรมดาน่าเที่ยว” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12-15 พ.ค.59 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อนำเสนอแพ็กเกจการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าในราคาพิเศษ โดยรวมผู้ประกอบการโรงแรม สปา แห่งท่องเที่ยว ผู้ให้บริการกิจกรรมต่างๆ เช่น รถเช้า บริษัททัวร์ สินค้าและบริการต่างๆ มารวมไว้ในงานเดียวกว่า 250 ราย ตั้งเป้าหมายรายได้ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2558 พร้อมมีผู้ร่วมงานไม่น้อยกว่า 2.6 แสนคน

ภายใต้โครงการ “วันธรรมดาท่องเที่ยว” ททท. จะนำเสนอมิติทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ 3 โครงการประกอบด้วย 1.โครงการ “เมืองต้องห้ามพลาด...PLUS” 2.โครงการ “เขาเล่าว่า...” และ 3.โครงการ “Outdoor Fest” โดยมีเป้าหมายในการสร้างความสดุลของการท่องเที่ยวในช่วงวันธรรมดาให้มีความคึกคักขึ้น พร้อมทั้งกระจายรายได้ไปยังเมืองท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ หรือเมืองรอง พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ รวม 36 แห่ง

สำหรับโครงการ “เมืองต้องห้ามพลาด...PLUS” เป็นโครงการต่อยอดจากความสำเร็จของโครงการ “12 เมืองต้องห้าม...พลาด” ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 20% ครอบคลุมทั้งด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร สายการบิน ตลอดจนรถโดยสารขนส่ง และอื่นๆ

โครงการ “เมืองต้องห้ามพลาด...PLUS” จะเป็นการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียง 12 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง, ลำพูน, น่าน, แพร่, เพชรบูรณ์, พิษณุโลก, เลย, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ราชบุรี, สุพรรณบุรี, สมุทรสงคราม, นครปฐม, จันทบุรี, สระแก้ว, ตราด, ระยอง, ชุมพร, ระนอง, ตรัง, สตูล, นครศรีธรรมราช, และพัทลุง

ส่วนโครงการ “เขาเล่าว่า...” เป็นโครงการที่นำเรื่องราวพื้นบ้าน หรือเรื่องเล่าในชุมชนมาเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว ทั้งในด้านแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม เรื่องราว เรื่องเล่า ความเชื่อและตำนานความศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งสิ้น 24 แห่ง เช่น สะพานอธิษฐานสำเร็จ : สะพานซูตองเป้ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน, เมืองที่ห้ามพูดโกหก : เมืองลับแล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์, พระพุทธเจ้าองค์ใหญ่ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง, วิมานเทวดา : ภูทอก อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ, ผ้าผิวสวย : ผ้าย้อมคราม จ.สกลนครและ จ.อุดรธานี, ป่าสีทอง : ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง, อุโมงค์แสงมรกต : ลานแสงมรกต ถ้ำภูผาเพชร อ.มะนัง จ.สตูล เป็นต้น

ในส่วนของโครงการ “Outdoor Fest” ถือเป็นงานแสดงสินค้าทางด้านการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่จะจัดขึ้นพร้อมกับงาน “วันธรรมดาน่าเที่ยว” โดยนำเสนอกิจกรรมทางดารท่องเที่ยวกลางแจ้ง อาทิ ขี่จักรยาน, ดำน้ำ, ตีกอล์ฟ, ปีนเขา, เดินป่า, ดูนก เป็นต้น โดยยังจะมีการนำเสนอนวัตกรรมท่องเที่ยวต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่นการจัดแข่งขันไตรกีฬาและกีฬาเอ็กซ์ตรีม ซึ่งถือเป็นการท่องเที่ยวที่กำลังได้รับกระแสนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง

นายยุทธศักดิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ททท. ยังมีนโยบายที่จะกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วยการนำเสนอแนวคิด “Thailand Check Point” โดยจะมอบรางวัลเงินสด หรือแพ็คเกจท่องเที่ยวต่างๆ ให้ผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวที่มีจำนวนท่องเที่ยวภายในระยะเวลาที่กำหนด 3 เดือน หรือ 6 เดือน โดยจะเน้น 4 กลุ่มเป้าหมายหลักคือ 1.กลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Y) 2.กลุ่มผู้หญิง (Lady) 3.กลุ่มครอบครัวที่ไม่มีบุตรและนิยมเดินทางท่องเที่ยวเป็นคู่ (DINKS) และ 4.กลุ่มคุณภาพสูงและผู้สูงวัย
กำลังโหลดความคิดเห็น