xs
xsm
sm
md
lg

'มิคสัญญีสภ.ถลาง'ชุมนุมเดือด15ชม.จ่อเอาผิดม็อบทำลายทรัพย์สินราชการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ชุมนุมปิดถนนหน้า สภ.ถลางยอมสลายตัวแล้วหลังยึดเยื้อมากว่า 13 ชม.แต่ก็หวิดบานปลายเจรจารอบสองเหตุชาวบ้านชุมนุมปิดล้อมโรงพักถลาง ภูเก็ต หลังนัดเคลียร์ปัญหา ตอน 9 โมงเช้าที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านดอน แต่ผู้ว่าฯ ขอเปลี่ยนสถานที่เป็นศาลกลางแทน ผบ.มทบ.41 ต้องลงพื้นที่เจรจาขอย้ายสถานที่แต่ไม่เป็นผลสุดท้ายต้องยอมทำตามข้อเรียกเคลียร์ปัญหาจบแบบไม่สะเด็ดน้ำ ยังมีกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนไม่ยอมรับข้อตกลง ขณะที่รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจความเสียหายยังระบุไม่ได้ เผยนายกฯฝากแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย ส่วนความเสียหายเบื้องต้นพบรถยนต์ถูกเผาและทุบกว่า 30 คัน ตร.บาดเจ็บ 14 นาย ด้านปลัดมท. ทำหนังสือด่วน ถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ใช้“เหตุมิคสัญญี สภ.ถลาง” เป็นอุทาหรณ์รับมือในอนาคต

ภายหลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มมวลชนจำนวนมากก่อเหตุปิดถนนหน้า สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตั้งแต่บ่ายวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงเวลา 03.35 น.ของวานนี้ (11 ต.ค.) รวมระยะเวลากว่า 13 ชั่วโมงเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับวัยรุ่น 2 คนที่ขับรถจักรยานยนต์ หลบหนีขณะมีการตั้งด่านตรวจ จนกระทั้งรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นชนกับรถยนต์ของตำรวจเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าในกระเป๋าสะพายของผู้เสียชีวิตรายหนึ่งมียาบ้าจำนวนหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านมองว่าตำรวจจงใจชนและเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มชาวบ้านในครั้งนี้นอกจากจะมีการปิดถนนทั้ง 2 ช่องจราจร แล้วยังมีกาจุดไฟเผารถ และขว้างก้อนหิน ระเบิดขวดเข้าใส่ตัวอาคารของ สภ.ถลาง จนได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนั้นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงรองผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคนอยู่ภายในอาคารของ สภ.ถลาง ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มาร่วมชุมนุมขวางปาของแข็งและระเบิดขวดเข้าใส่เป็นระยะ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารและชุดควบคุมฝูงชน นำโดย พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 เข้าเจรจากับชาวบ้านขอให้สลายตัว และนัดเจรจาใหม่เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (11 ต.ค.) ที่ศาลอเนกประสงค์บ้านดอน อ.ถลาง โดยชาวบ้านยอมสลายตัวกลับไปในเวลาประมาณ 03. 35 น.วันเดียวกัน

หวิดบานปลายผู้ว่าฯ-ผบก.ไม่มาตามนัด

ต่อมาเมื่อถึงเวลานัด 09.00 น.วานนี้ ได้มีชาวบ้านรวมทั้งพ่อแม่ และญาติๆ รวมทั้งเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิตได้ไปรวมตัวกันที่ศาลาอเนกประสงค์ดังกล่าวจำนวนมาก โดย พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากมณฑลทหารบกที่ 41 ร่วมเจราจากับชาวบ้านโดยไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หรือรองผู้ว่า รวมทั้งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมแต่อย่างใด เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้ชาวบ้านไปร่วมเจรจาที่ศาลกลางจังหวัดภูเก็ต เมื่อ พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบถึงข้อเสนอดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก และต่างก็ยืนยันที่จะเจรจาที่ศาลาอเนกประสงค์ฯเท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่รออยู่

จนเวลาประมาณ 10.00 น. นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทั้ง 3 คน ปลัดจังหวัด นายอำเภอถลาง พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และคณะ เดินทางถึงศาลาอเนกประสงค์ และร่วมหารือกับญาติผู้เสียชีวิต และตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับการแต่งตั้งมากจากกลุ่มชาวบ้านที่มาร่วมชุมนุมประมาณ 10 คน ส่วนชาวบ้านที่เหลือรออยู่ด้านนอกอาคาร โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคอยดูแลความสงบเรียบร้องและวางแนวกำลังป้องกันไม่ให้ชาวบ้านบุกเข้ามาภายในอาคาร โดยมี พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ร่วมเป็นคนกลางในการเจรจา

กลุ่มญาติรุมซัดตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

สำหรับการเจรจาในครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งบรรยากาศการเจรจาเป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากชาวบ้านที่รออยู่ด้านนอกมีการโห่ร้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเจรจาในครั้งนี้ ทางญาติของผู้เสียชีวิต นายศิริชัย ปะณะรักษ์ ซึ่งเป็นปลัดเทศบาลแห่งหนึ่ง และมีศักดิ์เป็นอาของหนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้เรียกร้องให้หน่วยงานราชการทั้งจังหวัดและทางตำรวจให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งขณะนี้ตนเองมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะที่เกิดขึ้นได้ ทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ

ส่วนเรื่องของยาเสพติดก็เช่นกันยอมรับว่าหลานตนเองเคยมีคดี และเคยติดคุกแต่ไม่เชื่อว่าเด็กจะมียาบ้าอยู่ในกระเป๋าตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่เจ้าหน้าที่กลับไล่ล่าเหมือนเด็กเป็นอาชญากรหรือโจรปล้นธนาคาร ซึ่งคิดว่าจุดนี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ รวมทั้งอยากให้ทางจังหวัดตรวจสอบเรื่องการเข้าไปขอความกล้องวงจรปิดจากหน่วยงานภาครัฐพวกตนก็ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปสั่งเจ้าหน้าที่ไม่ให้ภาพดังกล่าวกับพวกตน จึงอยากให้มีการทำงานให้โปร่งใส ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่คิดว่าไม่ได้มาจากเรื่องของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว แต่เกิดจากความเกรียดจังตำรวจของชาวบ้านมากกว่า จึงอยากให้การตรวจตรวจมีความโปร่งใสและยุติธรรม และให้จบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด

นายทวีสิทธิ์ ปะณะรักษ์ พ่อของเด็กวัยรุ่นวัย 22 ปีที่เสียชีวิตกล่าวตั้งน้ำตา ว่า ตนเองมีลูกชายคนเดียว อายุลูกยังน้อย ที่ผ่านมายอมรับว่าลูกเคยเสพยาไอซ์ และเคยติดคุกมาแล้ว เชื่อว่าคนที่ออกจากคุกมาแล้วคงไม่อยากกลับเข้าไป และไม่เชื่อว่าลูกชายตนจะมียาบ้า หรือถ้าเด็กกระทำผิดจริง การกระทำของตำรวจถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไปไม่มีใครที่จะเอาชีวิตของลูกกลับมาให้ตกได้ ถ้าลูกติดคุกก็ยังมีโอกาสได้ออกมาจากคุก แต่ครั้งนี้ลูกต้องมาเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตนรับไม่ได้ ชีวิตของเด็กทั้ง 2 คนไม่ควรที่จะจบแบบนั้น ตำรวจทำเกินกว่าเหตุทั้งที่ตอนไล่ล่าก็ไม่มีหลักฐาน หรือแม้แต่ตอนรถชนก็ไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่าว่าเด็กมียาเสพติดจริงหรือไม่

นางสุขศรี แก่นตะเคียน แม่ของเด็กวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ กล่าวว่า ถ้าลูกเกี่ยวข้องกับยาบ้าน พวกตนคงมีเงินมากกว่านี้แล้ว การกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้เด็กต้องเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุควรจะต้อถูกออกจากราชการและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเหมือนกับประชาชนทั่วไปไม่ใช่แค่ย้ายออกไปแล้วเรื่องก็จบ ซึ่งเรื่องนี้พวกตนยอมไม่ได้

ผู้ว่าภูเก็ต-ผู้การยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ส่วนนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดนั้นพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและพร้อมที่จะปกป้องประชาชนไม่ให้ถูกรังแก และจะดูแลปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งประชาชนรายใดมีหลักฐานก็สามารถส่งมาให้ทางจังหวัดได้ ซึ่งทางจังหวัดจะตั้งคณะ?งานขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ควบคู่ไปกับคณะทำงานของตำรวจและยืนยันว่าไม่มีการเข้าข้างใครแน่นอน ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ชาวบ้านไม่เชื่อมั่นก็สามารถยื่นฟ้องได้เองอีกทางหนึ่ง ส่วนเรื่องเนทำศพนั้นในส่วนของจังหวัดจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ว่าจะสามารถใช้เงินในส่วนไหนเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั้ง 2 ครอบครัว

พล.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจทั้ง 4 นาย ขณะนี้ได้สั่งย้ายออกนอกพื้นที่แล้ว ส่วนการดำเนินการกับเหตุการณ์ที่เกิดทางตำรวจจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนเช่นกัน ขั้นแรกก็เป็นเรื่องของการตรวจพิสูจน์ซึ่งจะต้องร่วมทำการกัน 4 ฝ่าย ทั้งพนักงานสอบสวน แพทย์ อัยการ และฝ่ายปกครองซึ่งในส่วนของฝ่ายปกครองได้มีการแต่งตั้งรองผู้ว่าเข้าร่วม

ส่วนกรณีที่ญาติอยากจะติดตามอย่างใกล้ชิดและร่วมรับทราบการตรวจพิสูจน์ทางตำรวจก็พร้อม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเสร็จภายใน 30 วัน หลังจากนั้นก็จะมีการนำเรื่องขึ้นศาลา หรือถ้าหากญาติเห็นว่าผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ถูกต้องก็สามารถฟ้องเองได้เลย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายนั้นจะมีการสอบสวนหากพบว่าผิดก็ว่ากันไปตามผิด รับรองว่าจะไม่มีการเข้าข้างกันแน่นอนและทุกคนจะต้องได้รับผลจากการกระทำ

ญาติ-เพื่อนผู้ตายชี้ ตร.ต้องติดคุก

อย่างไรก็ตาม จากการร่วมเจรจาในครั้งนี้ ได้สร้างความพอใจให้กับทางญาติของผู้เสียชีวิตในระดับหนึ่งและยอมที่จะรอให้ผลการตรวจสอบเสร็จเสร็จ แต่หลังจากที่มีการนำข้อมูลและข้อสรุปต่างๆมาแจ้งให้กับชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ด้านนอกได้รับทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว ก็มีชาวบ้านและกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนที่ไม่ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว และมีการตะโกน ว่าไม่ยอม ตำรวจที่ก่อเหตุจะต้องติดคุก และมีบางส่วนที่พยายามจะชักชวนกลุ่มชาวบ้านที่ไม่พอใจเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรถลางอีกครั้งในวันนี้ เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำตามข้อเรียกร้อง ซึ่งทางตัวแทนชาวบ้านก็พยายามที่จะช่วยไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่เป็นผลเท่าที่ควร และยังมีการก่อหวอดของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยอยู่เป็นระยะ

ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานราชการทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้เวลาประมาณ 17.000 น. ยังไม่พบว่ามีการรวมตัวไปชุมนุมที่สถานีตำรวจของกลุ่มชาวบ้านแต่อย่างใด ขณะที่ตำรวจยังตรึงกำลังเข้ม

เผยมีหลักฐานกลุ่มก่อเหตุเผารถยนต์

ด้าน พล.ต.พชร กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการเจรจากับตัวแทนชาวบ้านว่า ในส่วนขอตำรวจจะดำเนินการไปตามขึ้นตอนคือการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ส่วนความเยหายที่เกิดขึ้นกับสถานีตำรวจภูธรถลางนั้นตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ กระจกแตกเสียหายทั้งหลัง รถทั้งของส่วนตัวและของราชการ รวมทั้งของประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหมด 7 คัน เสียหายบางส่วนจำนวน 11 คัน

นอกจากนั้นยังมีอาคารถูกไฟไหม้เล็กน้อยบางส่วน มีรถจักรยานได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายคนสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย เพราะตำรวจไม่ต้องการใช้ความรุนแรง ถ้ามีการใช้ความรุนแรงก็จะเกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนคนที่ทำความผิดและทำลายทรัพย์สินนั้นขอยืนยันว่ามีการเก็บภาพไว้ทั้งหมดแล้ว

ยังประเมินความเสียหายไม่ได้

ขณะที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. (ปป2) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา สบ 10 (ดูแลความมั่นคง) พล.ต.ท.พิสิษฐ์ พิสุทธิศักดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป22) รับผิดชอบพื้นที่ ภ.8 พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติในการควบคุมสถานการณ์ปอดล้อม สภ.ถลาง โดยใช้เวลาราว 1ชม.จากนั้นได้ตรวจสอบความเสียหายภายในอาคารของสถานนีตำรวจภูธรถลาง รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ

จากการตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินเสียหายจากการขว้างปาสิ่งของเข้าไปในตัวอาคารเป็นจำนวนมาก เช่น ฝ้าเพดาน ผ้าม่าน โต๊ะ เก้าอี้เครื่องใช้สำนักงาน รวมถึงกระจกรอบตัวอาคารแตกตั้งแต่ชั้น 1-3 และบริเวณโดยรอบสถานีฯ นอกจากนั้นยังมีซึ่งรถยนต์ซึ่งเป็นทั้งของส่วนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ และของทางราชการ หรือแม้แต่รถของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตถูกเผาและถูกทุบทำลายรวมทั้งสิ้นกว่า 30 คัน ซึ่งมีรถที่ถูกเพลิงเผาวอดเสียหายทั้งคันจำนวน 9 คัน และมีรถชนิดต่างๆ ได้รับความเสียหายจากการขว้างปาของแข็ง และระเบิดเพลิง อีกจำนวนรวมจำนวน 25 คัน นอกจากนี้ยังมีรถจักยานยนต์ได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรถของผู้สื่อข่าวในพื้นที่ที่ลงตำข่าวสถานการณ์ดังกล่าวรวมอยู่ด้วย 1 คัน เบื้องต้นยังไม่มีสามารถสรุปมูลค่าความเสียหายได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน ภาค 8 ให้แล้วเสร็จ

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า จากการมาประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องนั้น เพื่อรับทราบสถานการณ์ และวางกรอบแนวทางในการทำงานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งเบื้องต้นจะยึดตามกฎหมายเป็นหลัก รวมทั้งไดตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมา โดยให้มีรองบัญชาการหนึ่งท่านดุแลในส่วนนี้ รวมทั้งผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ระหว่างการรวบรวมของพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งจะมาสรุปอีกครั้ง โดยเสียหายมากที่สุน่าจะเป็นในส่วนของรถยนต์ที่ถูกเผา “ในส่วนของคดีนั้นจะดูในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทางตำรวจและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในส่วนของตำรวจนั้นจะเน้นว่ามีความผิดในเรื่องใดบ้างอย่างไร เช่น ระเบียบ วินัย กฎหมาย เป็นต้น โดยมีทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ดูแลในส่วนนี้”

นายกรัฐมนตรีห่วงเหตุการณ์ปิดถนน

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฯ และท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความห่วงใยโดยเฉพาะผู้ที่สูญเสีย ซึ่งขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ด้วย ส่วนจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างนั้นต้องมาคุยกันอีกครั้ง ส่วนในเรื่องของคดีที่ทางญาติไม่มั่นใจนั้น ขอยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด แล ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญที่สุด คือจะมีทั้งฝ่ายปกครอง อัยการ ตำรวจ และผู้ว่าฯ ก็ลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในการดำเนินการเรื่องนี้

ส่วนการเยียวยานั้นทางกองทุนยุติธรรมของกระทรวงยุติธรรมจะเข้ามาช่วยเบื้องต้นรายละ 100,000 บาท ส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ จะมีการมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และสำหรับในส่วนของตำรวจทั้ง 4 นายที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั้น ก็ได้ให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน ทั้งนี้ในส่วนของการให้บริการประชาชนของ สภ.ถลาง นั้น จะมีการจัดพื้นที่บางส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายไว้คอยให้บริการประชาชนเป็นการชั่วคราว 1-2 ห้อง ส่วนโดยรวมก็ต้องดูอีกครั้ง เนื่องจากต้องใช้เวลา

นายกฯเสียใจเหตุจลาจลถลาง

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับทราบรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.จักร์ทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และเข้าใจในหัวอกผู้เป็นพ่อแม่และญาติของผู้เสียชีวิต

พร้อมกันนี้นายกฯ ยังได้ยืนยันว่า จะกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความเป็นธรรมกับทุกส่วน ทั้งด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เสียชีวิต จึงขอทุกส่วนอย่าเป็นกังวล ซึ่งรัฐบาลจะไม่ปกป้องคนผิด ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้นายกฯได้ฝากถึงประชาชน ไม่อยากให้มีการทำลายทรัพย์สินของราชการ หรือทรัพย์สินของคนอื่น เนื่องจากทรัพย์สินเหล่านี้ ล้วนมาจากภาษีอากรประชาชนทั้งสิ้น และขอให้ประชาชน มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่รัฐบาลไม่ขอลงรายละเอียกอื่นๆ เพราะเจ้าหน้าที่ จะทำงานลำบาก ขณะนี้เราต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามกระบวนการ

ผบ.ตร.กำชับให้ทำคดีตรงไปตรงมา

ด้าน พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ 10 และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเหตุจลาจลที่ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า ล่าสุดทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งกำชับให้ ตำรวจในพื้นที่ดูแลคดีดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยให้นายตำรวจที่รับผิดชอบเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังโกรธให้ดีที่สุด เน้นการเจรจาคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงวุ่นวาย ต้องทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

ขณะเดียวกันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป2) พร้อมด้วย พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา สบ 10 ,พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป22) ที่รับผิดชอบพื้นที่ ภ.8 เรียกประชุม ผบช.ภ.8, ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติ เพื่อสรุปเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง หน้า สภ.ถลาง ณ ห้องประชุม ภ.จว.ภูเก็ต ในวันเดียวกันนี้

ใช้“มิคสัญญี สภ.ถลาง” เป็นอุทาหรณ์

วานนี้(11 ต.ค.) มีรายงานจากระทรวงมหาดไทย ว่า นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้ลงนาม วันที่ 11 ต.ค. 58 มีคำสั่งด่วน ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเพิ่มเติม หลักจากเกิดเหตุการณ์การเผาทำลายทรัพย์สินหน้า สภ.ถลาง รวมถึงกรณีผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 2 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ขอให้คณะกรรมการสอบสวนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตั้งขึ้นเพื่อการนี้ ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2 เหตุการณ์ คือ 1.กรณีผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 2 ราย และ 2. เหตุการณ์เผาทำลายทรัพย์สิน หน้า สภ.ถลาง

2. เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วให้ทางจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย

3. ขอให้จังหวัดภูเก็ต กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูเก็ต ให้เพิ่มความระมัดระวังในการปฎิบัติหน้าที่ และในกรณี สภ.ถลาง ได้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนหลายครั้งแล้ว จึงให้เพิ่มกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์กับประชาชนให้มากขึ้นกว่าปกติด้วย

4.ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ชี้แจ้งประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนด้วยว่า การเข้ามาทำลายทรัพย์สินนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หากมีเหตุที่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ให้มาร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งจังหวัดพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่ใช้การกระทำผิดกฎหมายมากดดันเจ้าหน้าที่รัฐ.

มีรายงานว่า ยังมีหนังสือสั่งการกรณีนี้ ส่งไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อรับมือในกรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในลักษณะคล้ายคลึงจังหวัดภูเก็ต โดยให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัด ให้ถือปฎิบัติตามข้อ 1.- ข้อ 4. ด้วย ทั้งนี้การชี้แจ้งทำความเข้าใจกับประชาชนให้ใช้สื่อทุกชนิดเป็นช่องทางในการดำเนินการ
กำลังโหลดความคิดเห็น