“ผู้แทนอียู” ออกแถลงการณ์จี้ไทยคืน ปชต.โดยเร็ว วอนเคารพเสรีภาพแสดงออก ด้าน “ไก่อู” โว “บิ๊กตู่” อาศัยเวทียูเอ็นแจงโรดแมป สวนฮิวแมนฯต้องเดินหน้าประชาธิปไตยเข้มแข็ง ไม่เน้นฉาบฉวย ยันใช้ ม.44 สร้างสรรค์ ปัดละเมิดสิทธิมนุษยชน “ประวิตร” แย้มได้ชื่อ กรธ.แล้ว รอนายกฯกลับมาเคาะ ปูดเด็ก พท.ขอร่วม สปท. “วิษณุ” เผย “มีชัย” ขอเวลาคิดก่อนตกลงนั่งประธาน กรธ. ให้คำตอบก่อนนายกฯกลับจากนอก ด้าน “มีชัย” ดอดตอบคำถามในเว็บไซต์ยันไม่เคยปฏิเสธ เผยสื่อไปถาม “มีชัย วีระไวทยะ“ ส่วน “พรเพชร” เชียร์เต็มที่ ชี้ร่วมหัวจมท้าย คสช.แต่ต้น “ภูมิธรรม” ย้ำแถลงการณ์ พท.ไมท่ให้สมาชิกร่วม สปท.
วานนี้ (24 ก.ย.) สำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (อียู) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องถึงรัฐบาลไทยภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยระบุความตอนหนึ่งว่า ในฐานะมิตรและหุ้นส่วนของประเทศไทย อียูได้เรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้มีการกลับเข้าสู่กระบวนการทางประชาธิปไตย และในช่วงเวลาที่ได้เริ่มมีกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทางสำนักงานคณะผู้แทนอียูขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเคารพเสรีภาพในการพูดและการชุมนุมอีกครั้ง การอภิปรายสาธารณะที่ทำได้อย่างเต็มรูปแบบและเสรีเท่านั้น ที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะสามารถได้ยินได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการปฏิรูปและความสมานฉันท์ที่แท้จริง โดยเชื่อว่าหลักนิติธรรมการปกป้องและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญแก่ความมั่นคงและความก้าวหน้า และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทางการไทยปฏิบัติตามข้อผูกพันของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง
โวนายกฯใช้เวทียูเอ็นอัพเดทโรดแมป
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยถึงกรณีที่องค์กรฮิวแมน ไรท์สวอทช์ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ สมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กดดันนายกรัฐมนตรีของไทยที่ไปร่วมประชุมให้เร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็วว่า รัฐบาลชุดนี้มีเจตนารมย์สำคัญ คือการฟื้นฟูและวางรากฐานระบอบประชาธิปไตยให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต ไม่ต้องการประชาธิปไตยแบบฉาบฉวย หรือกล่าวอ้างการเลือกตั้ง เป็นทางออกอย่างเดียวในการแก้ปัญหาของประเทศ แต่ต้องการใช้โอกาสนี้ปฏิรูปทุกภาคส่วนทุกมิติให้เดินคู่ขนานไป เพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยเข้มข็ง ซึ่งเวทีสมัชชายูเอ็นจะเป็นเวทีหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์จะส่งสัญญาณออกไปถึงนานาชาติต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของรัฐบาลว่าได้เดินตามโรดแมปที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ชัดเจน และได้รับกำลังใจจากคนไทยจำนวนมาก ทั้งในประเทศและทั่วโลก เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่า เมื่อถึงกำหนดเวลาเลือกตั้งตามโรดแมป ทุกอย่างจะมีความโปร่งใส มีความพร้อม ส่งไม้ต่อทางการเมือง ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ไม่ห้ามวิจารณ์ แต่ต้องอยู่ในกรอบ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ อ้างว่ารัฐบาลใช้มาตรา 44 ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือทำลายคนเห็นต่างนั้นไม่เป็นความจริงแต่ประการใด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อปฏิรูปและขับเคลื่อนประเทศ แก้ปัญหาที่ซับซ้อนในเวลาที่จำกัด ดังเช่น 3 เรื่องหลักๆ คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาบริหารงาน และการปราบปรามการทุจริต ขณะที่การเชิญให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปปรับทัศนคตินั้น ส่วนใหญ่มีความเห็นทางการเมืองที่ค่อนข้างรุนแรง อาจนำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติ หรือกลับไปสู่วังวนเดิม ซ้ำเติมประเทศไม่จบไม่สิ้น
“ขอยืนยันว่ารัฐบาลยังคงสนับสนุนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีคำสั่งห้าม ปิดกั้น หรือไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในขอบเขต และจรรยาบรรณของวิชาชีพ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองด้วย”
“ประวิตร” เผยสมาชิก พท.ขอเป็น สปท.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าในการสรรหากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ขณะนี้มีรายชื่อแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้นายกฯเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งตนจะทราบรายชื่อพร้อมกับประชาชน อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้มีการทาบทามนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. มาทำหน้าที่ประธาน กรธ.หรือไม่ ขณะเดียวกันเท่าที่ทราบขณะนี้มีรายชื่อของสมาชิกพรรคเพื่อไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อยู่บ้าง แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ
ปูด “บิ๊กป้อม” ตรวจชื่อ กรธ.ก่อนชงนายกฯ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าการสรรหา กรธ.จะเสร็จสิ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งนายกฯได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร จากนั้นจะเป็นผู้พิจารณารายชื่อเป็นลำดับสุดท้ายอีกครั้ง ส่วนที่มีรายชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช.นั้น ส่วนตัวฟังข้อมูลจากสื่อหลายสำนัก เห็นว่าทั้ง 2 คน ยังไม่ได้พูดยืนยันว่าจะเข้ามาหรือไม่ และยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีการทาบทามมากน้อยเพียงใด ตอนนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์อยู่ ขอให้รอวันที่ 1 ต.ค.น่าจะได้ความชัดเจนจากนายกฯอีกครั้ง
เผย“มีชัย” ยังขอคิดก่อน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯกล่าวยอมรับ ในส่วนของการสรรหา กรธ.มีหลายคนที่ตอบรับแล้ว ซึ่งบางคนยังมีเงื่อนไขอยู่บ้าง หรือบางคนขอรอเคลียร์คุณสมบัติก่อน โดยมีการทาบทามนักกฎหมายรุ่นใหม่เหมือนกัน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต้องมีทั้งคนเก่งโดยความรู้ที่มี กับคนเก่งโดยประสบการณ์มาผสมกัน ทั้งนี้การทาบทามบุคคลต่างๆไม่ใช่ตนคนเดียว คนอื่นก็ไปทาบทามด้วยเช่นเดียวกัน แล้วให้หัวหน้า คสช.เป็นคนเลือก จะบอกว่าพวกไหนมากคงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงได้ทาบทาม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช.แล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า “คุยกับท่านแล้ว ซึ่งท่านบอกว่าขอคิดก่อน เพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไม่อยากเข้ามาอยู่กับความวุ่นวายเหล่านี้”
เมื่อถามว่า ที่นายมีชัยบอกว่าขอคิดก่อนได้บอกหรือไม่ว่าขอเวลาคิดไปถึงเมื่อไร นายวิษณุ กล่าวว่า “ท่านมีชัยถามแต่เพียงว่า นายกฯกลับเมื่อไร ผมบอกกลับคืนวันที่ 1 ต.ค. ท่านเลยบอกว่า งั้นก็ยังมีเวลา เอาไว้ตอนนั้นค่อยพูดกัน”
วิเคราะห์ร่าง “บวรศักดิ์” เป็นข้อมูล
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงคณะทำงานวิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญปี 58 ที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติไม่เห็นชอบว่า คณะทำงานชุดนี้เมื่อทำการวิเคราะห์เสร็จก็จบหน้าที่ ไม่มีหน้าที่อื่นต่อ ไม่มีเงินเดือน ค่าตอบแทน หรือเบี้ยเลี้ยงการประชุม แต่ละคนเป็นผู้หลักเป็นใหญ่ทำงานอื่นอยู่ ถ้าเสร็จภารกิจแล้วให้ไปทำอย่างอื่นอีกคงไม่เหมาะสม ส่วนผลวิเคราะห์ที่ได้ถือเป็นเรื่องประโยชน์ภายใน ไม่ถึงกับเป็นทางการ เพราะว่าถ้าพูดไปต้องมีคนพูดโต้ตอบแน่ แค่เป็นข้อมูลเอาไว้ทราบ เพื่อแก้อะไรบางอย่างเท่านั้น ไม่ถึงขนาดเอาไปใช้ร่างฉบับใหม่ เพราะ กรธ.ต้องไปทำเอง ตรงนี้เพียงดูว่าปัญหาร่างรัฐธรรมนูญของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างฯมีปัญหาตรงไหน บางเรื่องเป็นความรู้สึก บางเรื่องเป็นปัญหาทางการเมือง บางเรื่องก็เป็นปัญหาทางนิติศาสตร์
รับบ้านเมืองยังไม่ปรองดอง
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ตนพูดมาตลอดว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการประชามติ ก็ต้องผ่อนคลายความตึงเครียดลง เพื่อสนับสนุนบรรยากาศให้มีการพูดจา และจะได้บรรยากาศความปรองดองมาด้วย คนเราถ้าได้มีโอกาสพูดกัน มันก็น่าจะดีกว่าทะเลาะกัน หรือแม้แต่การที่คสช.เชิญอดีตนักการเมืองไปปรับมโนคติ หรือปรับทัศนคติ ก็มีการรวบรวมแล้วรายงานไปที่หัวหน้า คสช. ซึ่งถ้าเป็นประโยชน์กับรัฐบาลก็จะมีการกรองส่งให้
เมื่อถามว่า คสช.เข้ามาบริหารประเทศได้ปีครึ่งแล้ว เหตุใดจึงยังปรองดองไม่ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องทำด้วยกันหลายฝ่าย ภาคประชาชนทำข้างเดียว รัฐไม่ตอบสนองก็ไม่ได้ ภาครัฐทำลงไปเอกชนไม่ตอบสนองก็ไม่ได้ ต้องเข้าใจว่า บรรยากาศขณะนี้อยู่ในช่วงที่ไม่ปกติ เพราะยังเป็นบรรยากาศที่เรียกว่าอ๊าฟเตอร์ช็อกของการยึดอำนาจอยู่ เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจผู้ที่ยึดอำนาจมาว่า ต้องการอำนาจ ต้องการเวลา เขายังต้องการแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง ถ้าพูดภาษาแบบนายกฯคือยังอยู่ในโรดแม็ป ระยะที่ 2 มันยังไม่ถึงขั้นโรดแม็ประยะที่ 3
“มีชัย” ยันไม่เคยบอกปัด ปธ.กรธ.
ทางด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. ได้ตอบคำถามในเว็บไซต์ meechaithailand.com ภายหลังจากมีผู้เข้ามาตั้งคำถามเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาถึงกระแสข่าวการปฏิเสธรับตำแหน่งประธาน กรธ.ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยให้เหตุผลว่า เป็นหน้าที่คนรุ่นใหม่ และที่ผ่านมายังไม่มีใครมาทาบทามนั้น
นายมีชัย ได้ตอบคำถามดังกล่าวว่า “เป็นความไม่จริงโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่ของช่องนั้นได้มาขอโทษ และเล่าให้ฟังว่าได้โทรไปสัมภาษณ์บุคคลท่านหนึ่ง โดยเข้าใจว่าเป็นผม แต่ที่แท้เป็นคุณมีชัย วีรไวทยะ เขาเล่าว่าอย่างนั้น จนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เคยให้สัมภาษณ์ใคร เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเที่ยวได้ไปให้สัมภาษณ์”
“พรเพชร” เชียร์สุดตัว
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า นายมีชัยเป็นส่วนหนึ่งของ คสช. ทั้งนายมีชัย นายวิษณุ นายบวรศักดิ์ และตนได้อยู่กับ คสช.มาตั้งแต่แรก ดังนั้นเมื่อมีภารกิจอะไรก็ต้องนึกถึงผู้ที่อยู่ด้วยกันมาก่อน แต่นายบวรศักดิ์ ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นประธาน กมธ.ยกร่างฯ แล้วคงไม่กลับมาอีก ทั้งนี้นายมีชัยสามารถมาเป็นได้เลย โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายอะไร ส่วนจะมีความเหมาะสมหรือไม่ ควรเป็นสิ่งที่คนอื่นประเมินและ คสช.จะพิจารณา โดยต้องอยู่บนหลักการคือ ร่วมหัวจมท้ายกันมาก่อน ส่วนชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นทางเลือก แต่เราต้องดูคนของเราก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าปิดกั้นคนอื่นคสช.จะหาคนที่เหมาะสม หรือคนที่อยากเป็นก็ให้เข้ามา แต่ตนไม่ได้สัญญาณจากนายอานันท์ การทาบทามต้องเรียงตามความเหมาะสม ถ้าข้ามฟากไปต้องมีเหตุผลพิเศษ
นายพรเพชร กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเองนั้นคงไม่มีความเหมาะสมจะนั่งประธาน กรธ. เพราะถ้าจะไปเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย ทั้งนี้สำหรับบุคคลที่จะมาเป็น กรธ.นั้นไม่มีปัญหา ที่ยังไม่ลงตัวคือตำแหน่งประธานเท่านั้น ซึ่งในส่วนบุคคลที่ สนช.เสนอชื่อไปนั้น คสช.จะตัดสินใจ โดยหัวหน้า คสช. และผู้จะมาเป็นประธาน กรธ. ส่วนข้อเสนอให้ สนช.พิจารณาออกกฎหมายลูกไปก่อนนั้น หากรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนในหลักการแต่เนิ่น ก็สามารถร่างกฎหมายลูกไปพลางๆได้ แต่ถ้ารัฐธรรนูญยังโลเล สนช.คงไม่อยากร่างฟรี แต่บางอย่างสามารถเตรียมการได้ในฐานะประธานสนช.ต้องดูทิศทาง ถ้ามี สนช.เป็น กรธ.ด้วยก็ดี จะได้รู้ทิศทางเพื่อเตรียมการได้ถูกต้อง
“อ้วน” โวย พท.ไม่ร่วม สปท.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้มีคำแถลงการณ์ชัดเจนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถส่งใครเข้าร่วมเป็น สปท.ในนามพรรคได้ หากใครได้รับการประสานมาถือเป็นเรื่องที่ฝ่ายผู้ดำเนินการ ต้องประสานกับตัวสมาชิกพรรค ถ้าใครประสงค์เข้าร่วมถือเป็นสิทธิ และเป็นดุลยพินิจ แต่ต้องลาออกจากสมาชิกพรรคตามจุดยืนที่หัวหน้าพรรคได้ระบุไว้
วานนี้ (24 ก.ย.) สำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (อียู) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องถึงรัฐบาลไทยภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยระบุความตอนหนึ่งว่า ในฐานะมิตรและหุ้นส่วนของประเทศไทย อียูได้เรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้มีการกลับเข้าสู่กระบวนการทางประชาธิปไตย และในช่วงเวลาที่ได้เริ่มมีกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทางสำนักงานคณะผู้แทนอียูขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเคารพเสรีภาพในการพูดและการชุมนุมอีกครั้ง การอภิปรายสาธารณะที่ทำได้อย่างเต็มรูปแบบและเสรีเท่านั้น ที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะสามารถได้ยินได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการปฏิรูปและความสมานฉันท์ที่แท้จริง โดยเชื่อว่าหลักนิติธรรมการปกป้องและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญแก่ความมั่นคงและความก้าวหน้า และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทางการไทยปฏิบัติตามข้อผูกพันของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง
โวนายกฯใช้เวทียูเอ็นอัพเดทโรดแมป
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยถึงกรณีที่องค์กรฮิวแมน ไรท์สวอทช์ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ สมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กดดันนายกรัฐมนตรีของไทยที่ไปร่วมประชุมให้เร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็วว่า รัฐบาลชุดนี้มีเจตนารมย์สำคัญ คือการฟื้นฟูและวางรากฐานระบอบประชาธิปไตยให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต ไม่ต้องการประชาธิปไตยแบบฉาบฉวย หรือกล่าวอ้างการเลือกตั้ง เป็นทางออกอย่างเดียวในการแก้ปัญหาของประเทศ แต่ต้องการใช้โอกาสนี้ปฏิรูปทุกภาคส่วนทุกมิติให้เดินคู่ขนานไป เพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยเข้มข็ง ซึ่งเวทีสมัชชายูเอ็นจะเป็นเวทีหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์จะส่งสัญญาณออกไปถึงนานาชาติต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของรัฐบาลว่าได้เดินตามโรดแมปที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ชัดเจน และได้รับกำลังใจจากคนไทยจำนวนมาก ทั้งในประเทศและทั่วโลก เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่า เมื่อถึงกำหนดเวลาเลือกตั้งตามโรดแมป ทุกอย่างจะมีความโปร่งใส มีความพร้อม ส่งไม้ต่อทางการเมือง ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ไม่ห้ามวิจารณ์ แต่ต้องอยู่ในกรอบ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ อ้างว่ารัฐบาลใช้มาตรา 44 ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือทำลายคนเห็นต่างนั้นไม่เป็นความจริงแต่ประการใด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อปฏิรูปและขับเคลื่อนประเทศ แก้ปัญหาที่ซับซ้อนในเวลาที่จำกัด ดังเช่น 3 เรื่องหลักๆ คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาบริหารงาน และการปราบปรามการทุจริต ขณะที่การเชิญให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปปรับทัศนคตินั้น ส่วนใหญ่มีความเห็นทางการเมืองที่ค่อนข้างรุนแรง อาจนำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติ หรือกลับไปสู่วังวนเดิม ซ้ำเติมประเทศไม่จบไม่สิ้น
“ขอยืนยันว่ารัฐบาลยังคงสนับสนุนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีคำสั่งห้าม ปิดกั้น หรือไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในขอบเขต และจรรยาบรรณของวิชาชีพ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองด้วย”
“ประวิตร” เผยสมาชิก พท.ขอเป็น สปท.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าในการสรรหากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ขณะนี้มีรายชื่อแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้นายกฯเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งตนจะทราบรายชื่อพร้อมกับประชาชน อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้มีการทาบทามนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. มาทำหน้าที่ประธาน กรธ.หรือไม่ ขณะเดียวกันเท่าที่ทราบขณะนี้มีรายชื่อของสมาชิกพรรคเพื่อไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อยู่บ้าง แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ
ปูด “บิ๊กป้อม” ตรวจชื่อ กรธ.ก่อนชงนายกฯ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าการสรรหา กรธ.จะเสร็จสิ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งนายกฯได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร จากนั้นจะเป็นผู้พิจารณารายชื่อเป็นลำดับสุดท้ายอีกครั้ง ส่วนที่มีรายชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช.นั้น ส่วนตัวฟังข้อมูลจากสื่อหลายสำนัก เห็นว่าทั้ง 2 คน ยังไม่ได้พูดยืนยันว่าจะเข้ามาหรือไม่ และยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีการทาบทามมากน้อยเพียงใด ตอนนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์อยู่ ขอให้รอวันที่ 1 ต.ค.น่าจะได้ความชัดเจนจากนายกฯอีกครั้ง
เผย“มีชัย” ยังขอคิดก่อน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯกล่าวยอมรับ ในส่วนของการสรรหา กรธ.มีหลายคนที่ตอบรับแล้ว ซึ่งบางคนยังมีเงื่อนไขอยู่บ้าง หรือบางคนขอรอเคลียร์คุณสมบัติก่อน โดยมีการทาบทามนักกฎหมายรุ่นใหม่เหมือนกัน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต้องมีทั้งคนเก่งโดยความรู้ที่มี กับคนเก่งโดยประสบการณ์มาผสมกัน ทั้งนี้การทาบทามบุคคลต่างๆไม่ใช่ตนคนเดียว คนอื่นก็ไปทาบทามด้วยเช่นเดียวกัน แล้วให้หัวหน้า คสช.เป็นคนเลือก จะบอกว่าพวกไหนมากคงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงได้ทาบทาม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช.แล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า “คุยกับท่านแล้ว ซึ่งท่านบอกว่าขอคิดก่อน เพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไม่อยากเข้ามาอยู่กับความวุ่นวายเหล่านี้”
เมื่อถามว่า ที่นายมีชัยบอกว่าขอคิดก่อนได้บอกหรือไม่ว่าขอเวลาคิดไปถึงเมื่อไร นายวิษณุ กล่าวว่า “ท่านมีชัยถามแต่เพียงว่า นายกฯกลับเมื่อไร ผมบอกกลับคืนวันที่ 1 ต.ค. ท่านเลยบอกว่า งั้นก็ยังมีเวลา เอาไว้ตอนนั้นค่อยพูดกัน”
วิเคราะห์ร่าง “บวรศักดิ์” เป็นข้อมูล
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงคณะทำงานวิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญปี 58 ที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติไม่เห็นชอบว่า คณะทำงานชุดนี้เมื่อทำการวิเคราะห์เสร็จก็จบหน้าที่ ไม่มีหน้าที่อื่นต่อ ไม่มีเงินเดือน ค่าตอบแทน หรือเบี้ยเลี้ยงการประชุม แต่ละคนเป็นผู้หลักเป็นใหญ่ทำงานอื่นอยู่ ถ้าเสร็จภารกิจแล้วให้ไปทำอย่างอื่นอีกคงไม่เหมาะสม ส่วนผลวิเคราะห์ที่ได้ถือเป็นเรื่องประโยชน์ภายใน ไม่ถึงกับเป็นทางการ เพราะว่าถ้าพูดไปต้องมีคนพูดโต้ตอบแน่ แค่เป็นข้อมูลเอาไว้ทราบ เพื่อแก้อะไรบางอย่างเท่านั้น ไม่ถึงขนาดเอาไปใช้ร่างฉบับใหม่ เพราะ กรธ.ต้องไปทำเอง ตรงนี้เพียงดูว่าปัญหาร่างรัฐธรรมนูญของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างฯมีปัญหาตรงไหน บางเรื่องเป็นความรู้สึก บางเรื่องเป็นปัญหาทางการเมือง บางเรื่องก็เป็นปัญหาทางนิติศาสตร์
รับบ้านเมืองยังไม่ปรองดอง
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ตนพูดมาตลอดว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการประชามติ ก็ต้องผ่อนคลายความตึงเครียดลง เพื่อสนับสนุนบรรยากาศให้มีการพูดจา และจะได้บรรยากาศความปรองดองมาด้วย คนเราถ้าได้มีโอกาสพูดกัน มันก็น่าจะดีกว่าทะเลาะกัน หรือแม้แต่การที่คสช.เชิญอดีตนักการเมืองไปปรับมโนคติ หรือปรับทัศนคติ ก็มีการรวบรวมแล้วรายงานไปที่หัวหน้า คสช. ซึ่งถ้าเป็นประโยชน์กับรัฐบาลก็จะมีการกรองส่งให้
เมื่อถามว่า คสช.เข้ามาบริหารประเทศได้ปีครึ่งแล้ว เหตุใดจึงยังปรองดองไม่ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องทำด้วยกันหลายฝ่าย ภาคประชาชนทำข้างเดียว รัฐไม่ตอบสนองก็ไม่ได้ ภาครัฐทำลงไปเอกชนไม่ตอบสนองก็ไม่ได้ ต้องเข้าใจว่า บรรยากาศขณะนี้อยู่ในช่วงที่ไม่ปกติ เพราะยังเป็นบรรยากาศที่เรียกว่าอ๊าฟเตอร์ช็อกของการยึดอำนาจอยู่ เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจผู้ที่ยึดอำนาจมาว่า ต้องการอำนาจ ต้องการเวลา เขายังต้องการแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง ถ้าพูดภาษาแบบนายกฯคือยังอยู่ในโรดแม็ป ระยะที่ 2 มันยังไม่ถึงขั้นโรดแม็ประยะที่ 3
“มีชัย” ยันไม่เคยบอกปัด ปธ.กรธ.
ทางด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. ได้ตอบคำถามในเว็บไซต์ meechaithailand.com ภายหลังจากมีผู้เข้ามาตั้งคำถามเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาถึงกระแสข่าวการปฏิเสธรับตำแหน่งประธาน กรธ.ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยให้เหตุผลว่า เป็นหน้าที่คนรุ่นใหม่ และที่ผ่านมายังไม่มีใครมาทาบทามนั้น
นายมีชัย ได้ตอบคำถามดังกล่าวว่า “เป็นความไม่จริงโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่ของช่องนั้นได้มาขอโทษ และเล่าให้ฟังว่าได้โทรไปสัมภาษณ์บุคคลท่านหนึ่ง โดยเข้าใจว่าเป็นผม แต่ที่แท้เป็นคุณมีชัย วีรไวทยะ เขาเล่าว่าอย่างนั้น จนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เคยให้สัมภาษณ์ใคร เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเที่ยวได้ไปให้สัมภาษณ์”
“พรเพชร” เชียร์สุดตัว
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า นายมีชัยเป็นส่วนหนึ่งของ คสช. ทั้งนายมีชัย นายวิษณุ นายบวรศักดิ์ และตนได้อยู่กับ คสช.มาตั้งแต่แรก ดังนั้นเมื่อมีภารกิจอะไรก็ต้องนึกถึงผู้ที่อยู่ด้วยกันมาก่อน แต่นายบวรศักดิ์ ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นประธาน กมธ.ยกร่างฯ แล้วคงไม่กลับมาอีก ทั้งนี้นายมีชัยสามารถมาเป็นได้เลย โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายอะไร ส่วนจะมีความเหมาะสมหรือไม่ ควรเป็นสิ่งที่คนอื่นประเมินและ คสช.จะพิจารณา โดยต้องอยู่บนหลักการคือ ร่วมหัวจมท้ายกันมาก่อน ส่วนชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นทางเลือก แต่เราต้องดูคนของเราก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าปิดกั้นคนอื่นคสช.จะหาคนที่เหมาะสม หรือคนที่อยากเป็นก็ให้เข้ามา แต่ตนไม่ได้สัญญาณจากนายอานันท์ การทาบทามต้องเรียงตามความเหมาะสม ถ้าข้ามฟากไปต้องมีเหตุผลพิเศษ
นายพรเพชร กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเองนั้นคงไม่มีความเหมาะสมจะนั่งประธาน กรธ. เพราะถ้าจะไปเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย ทั้งนี้สำหรับบุคคลที่จะมาเป็น กรธ.นั้นไม่มีปัญหา ที่ยังไม่ลงตัวคือตำแหน่งประธานเท่านั้น ซึ่งในส่วนบุคคลที่ สนช.เสนอชื่อไปนั้น คสช.จะตัดสินใจ โดยหัวหน้า คสช. และผู้จะมาเป็นประธาน กรธ. ส่วนข้อเสนอให้ สนช.พิจารณาออกกฎหมายลูกไปก่อนนั้น หากรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนในหลักการแต่เนิ่น ก็สามารถร่างกฎหมายลูกไปพลางๆได้ แต่ถ้ารัฐธรรนูญยังโลเล สนช.คงไม่อยากร่างฟรี แต่บางอย่างสามารถเตรียมการได้ในฐานะประธานสนช.ต้องดูทิศทาง ถ้ามี สนช.เป็น กรธ.ด้วยก็ดี จะได้รู้ทิศทางเพื่อเตรียมการได้ถูกต้อง
“อ้วน” โวย พท.ไม่ร่วม สปท.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้มีคำแถลงการณ์ชัดเจนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถส่งใครเข้าร่วมเป็น สปท.ในนามพรรคได้ หากใครได้รับการประสานมาถือเป็นเรื่องที่ฝ่ายผู้ดำเนินการ ต้องประสานกับตัวสมาชิกพรรค ถ้าใครประสงค์เข้าร่วมถือเป็นสิทธิ และเป็นดุลยพินิจ แต่ต้องลาออกจากสมาชิกพรรคตามจุดยืนที่หัวหน้าพรรคได้ระบุไว้
