xs
xsm
sm
md
lg

'ตู่'ผุดสภาสมานฉันท์ เปิดรายชื่อที่ปรึกษาคสช.-เลื่อนเคอร์ฟิว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - คสช.สั่งผุด “ศูนย์ปรองดองฯ” ให้กองทัพภาค 1-4 ดูแล หวังสลายสีปูทางปฏิรูปประเทศ ขู่ใครปล่อย-แชร์คลิปให้ร้ายทหารโดนหนักแน่ “วินธัย” ระบุ “บิ๊กตู่” กำชับงาน 8 ด้าน เน้นต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ย้ำทหารแค่ดูแลให้งานเดิน ไม่ออฟไซต์งาน ขรก. พร้อมตั้ง 6 ที่ปรึกษาคสช. "ประวิตร-อนุพงษ์"นั่งคุมมั่นคง พร้อมปรับเวลาเคอร์ฟิวหลังเที่ยงคืน หยัน “อ๋อย” แถลงก่อนโดนรวบแค่ชิงพื้นที่สื่อ มั่นใจสื่อต่างชาติเข้าใจ แม่ทัพภาค 1 สั่งทหาร-ตำรวจ ไล่ล่าจับกุมกลุ่มคนร้ายติดอาวุธ เตือนคนรายงานตัวแล้วยังกลับไปยุยงปลุกปั่นเจอจัดการขั้นเด็ดขาด เผยรู้ตัวคนจ้างต้านคสช.-หวั่นประชาชนถูกปลุกปั่นผ่านสื่อ ขออย่าเสนอข่าวสร้างความแตกแยก ด้านข่าววิสามัญฆาตกรรมมือสังหารทหารพรานยังสับสน แกนนำแดงเชียงใหม่เจอค้นโรงแรมอีกรอบ ยึดกระสุนปืน-ระเบิดปิงปอง กลุ่มต้านเชียงรายลองของ ปลอมเอกสารเปลี่ยนเวลาเคอร์ฟิวแจกแม่ค้า-วัยรุ่น หวังขยายวงไม่เอาทหาร

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่อาคารกำลังเอก ภายในสโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้เป็นเป็นประธานในการประชุม คสช. ณ กองบัญชาการทหารบก ถนนราชดำเนิน โดยในช่วงต้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจ่ายเงินให้โครงการรับจำนข้าวให้แก่เกษตรกรชาวนา เนื่องจาก คสช.ต้องการแก้ไขความเดือดร้อนพื้นฐานของภาคเกษตรโดยเร็ว ทั้งนี้ยังได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลในส่วนของความต่อเนื่องในการดำเนินการอย่างเต็มที่ สำหรับภาคเกษตรอื่นๆที่มีปัญหารอการแก้ไขนั้น ก็ได้มอบเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานไปดำเนินการ เพื่อให้แก้ปัญหาได้เช่นเดียวกับโครงการรับจำนำข้าวที่ได้เข้าสู่การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดที่สุด

สำหรับความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวนั้น ทาง คสช.ได้ ประเมินว่าภาคธุรกิจเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นในทิศทางการแก้ไขปัญหาของประเทศที่ คสช.กำลังขับเคลื่อนอยู่ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ในการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบของทั้งภาคราชการ และเอกชน โดยในส่วนของการสร้างความเข้าใจแนวทางบริหารราชการของ คสช.ภายใต้ระบบราชการที่มีอยู่แก่ต่างประเทศ ก็ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับทูตทหาร เร่งดำเนินการเข้าชี้แจงกับทุตานุทูตของทุกประเทศ ให้เข้าใจถึงวิธีการบริหารราชการแผ่นดินปัจจุบัน ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของระบบราชการปกติภายใต้อำนาจปลัดกระทรวงทบวงกรมต่างๆ โดยมี คสช.เป็นผู้เห็นชอบ

ในส่วนของการสร้างสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ควบคู่ไปกับการสร้างความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งให้กับคนในชาติ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปด้านต่างๆ หัวหน้า คสช.ได้มอบหมายให้กองทัพภาคต่างๆจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ประชาชนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเป็นศูนย์ให้ข้อมูลความืบหน้าการแก้ไขปัญหาของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายต่างๆนำข้อมูลไปบิดเบือนให้เกิดความไม่เข้าใจ โดยได้สั่งการให้เร่งตั้งศูนย์และแนวทางปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ในสังคมออนไลน์ได้การเผยแพร่ข้อความหรือคลิปที่พยายามทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ทหารลุแก่อำนาจ ยกตัวอย่างเช่น คลิปของบุคคลแต่งกายคล้ายทหารเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เพื่อข่มขู่เอาสินค้าหรือสิ่งของ รวมไปถึงคลิปของบุคคลแต่งกายคล้ายทหารใช้คำพูดไม่เหมาะสมกับผู้ชุมนุมต่อต้าน เป็นต้น คสช.เห็นว่าการกระทำเช่นนี้ต้องการสร้างให้เกิดความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่ จึงขอให้หยุดดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารทุกคนปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกรอบ และอดกลั้นในทุกๆเรื่อง ซึ่งเป็นนโยบายนโยบายขอหัวหน้า คสช.ที่ต้องการให้ทำหน้าที่ในขอบเขตที่เหมาะสม ส่วนผู้ที่กระทำไม่เหมาะสมในการเผยแพร่หรือโพสต์ข้อความต่างๆนั้น คสช.กำลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเอาผิด

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน หัวหน้า คสช.ได้มีการสั่งการเพิ่มเติมใน 8 หัวข้อ ได้แก่ 1.การบริหารราชการกระทรวง ทบวง กรม คสช.ได้จัดให้มีคณะทำงานโดยผู้บัญชาการเหล่าทัพปฏิบัติหน้าที่ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เพื่อกำกับราชการให้เป็นไปตามนโยบายของหัวหน้า คสช. และเป็นไปตามระเบียบ โปร่งใส เป็นธรรม 2.เรื่องใดที่อยู่ในอำนาจนายกฯ และ ครม. เป็นอำนาจของหัวหน้า คสช.แต่เพียงผู้เดียว โดยให้ทุกหน่วยราชการตรวจสอบกลั่นกรองให้ถูกต้อง 3.ให้จัดตั้ง ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ประกอบด้วย ศูนย์ส่วนกลาง และศูนย์ประจำพื้นที่กองทัพภาคที่ 1-4 ทั้งนี้เพื่อสร้างความรักความสามัคคี สลายสีเสื้อ เตรียมการไปสู่แนวทางปฏิรูปในอนาคต โดยอาจให้มีการคัดผู้นำหรือแกนหลักแต่ละกลุ่ม เข้าประชุมหารือหรือเสวนาต่างๆ ซึ่งจะมีรายละเอียดแจ้งให้ทราบลอีกครั้ง

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า 4.ฝ่ายต่างๆของ คสช.ดำเนินการกำหนดแนวทางการทำงานให้ชัดเจน มีคำสั่งย่อยเพื่อสร้างความเข้าใจในระดับปฏิบัติ รวมทั้งเร่งรัดขับเคลื่อนติดตามงานของกระทรวง จัดลำดับในการทำงานแผนงานเฉพาะหน้า งานเร่งด่วน และแผนงานระยะยาว เป็นต้น โดยทุกแผนงานต้องรอบคอบ ลดงานธุรการเพื่อประโยชน์ของชาติ่ ให้ทุกหน่วยงานโปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่เสียวินัยทางด้านการเงินการคลัง 5.สำหรับแผนงานโครงการที่ริเริ่มใหม่ ให้เสนอ คสช.พิจารณาอนุมัติ เพื่อบรรจุในปีงบประมาณปี 58 หากเป็นโครงการใหญ่ต้องมีโรดแมปที่ชัดเจน หรือลดขนาดเป็นหลายโครงการเพื่อเข้าถึงประชาชนอย่างรวดเร็ว

พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า 6.การดำเนินการต่างๆต้องโปร่งใส เป็นที่พึงพอใจของประชาชน และไม่มีผลผูกพันกับรัฐบาลใหม่ หากจำเป็นให้ขออนุมัติจาก คสช. 7.การบริหารราชการทุกเรื่องไม่ใช่ทหารไปสั่งการให้ส่วนราชการทำอะไรที่ผิดระเบียบ เป็นเพียงการไปกำกับติดตามดูแล เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น โดยไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางของส่วนราชการที่ทำไว้อยู่เดิม และ

8.ในส่วนของการแต่งตั้งที่ปรึกษานั้น คสช.จะมีการแต่งตั้งใน 2 ระดับ คือ 1.ที่ปรึกษาระดับนโยบาย ได้แก่ ที่ปรึกษา คสช. และที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และ 2. ที่ปรึกษาระดับนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ของฝ่ายต่างๆชอง คสช. โดยที่ปรึกษาทุกระดับจะได้รับการพิจารณาและอนุมัติโดยหัวหน้า คสช.เท่านั้น ทั้งนี้ข้อเสนอแนะต่างๆจะทางผ่านสำนักงานเลขาธิการ คสช. เพื่อให้หัวหน้า คสช.พิจารณาแต่เพียงผู้เดียว

เปิด6ที่ปรึกษาคสช.

วานนี้ คสช. ได้มีการแต่งตั้ง 6 ที่ปรึกษา คสช. ประกอบด้วยอดีตผบ.ทบ. และอดีตรองนายกฯ ช่วยงานความมั่นคง-เศรษฐกิจ และกฎหมาย ประกอบด้วยอดีตนายทหาร และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้แก่ 1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานที่ปรึกษา 2.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ดูแลด้านความมั่นคง

3.ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านต่างประเทศ 4.ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านเศรษฐกิจ 5.ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ดูแลด้านเศรษฐกิจ และ6.ดร.วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านกฎหมายยุติธรรม

พ.อ.วินธัยยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งไม่ได้เข้ารายงานตัวตามประกาศของ คสช. และได้แถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วยว่า เป็นเพียงความต้องการช่วงชิงพื้นที่สื่อ แต่ทาง คสช.มั่นใจในเหตุผลความจำเป็น และมีข้อมูลที่เพียงพอในการความเข้าใจกับสื่อต่างประเทศว่า สิ่งที่ปฏิบัติเป็นเรื่องทางกฎหมาย

“นายจาตุรนต์มีความผิดในการฝ่าฝืนประกาศ คสช. ซึ่งขัดต่อการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการควบคุม และนำตัวเข้าสู่กระบวนการ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลทหารต่อไป” พ.อ.วินธัย ระบุ

ในส่วนของกระแสข่าวปล่อยตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการปล่อยตัวแล้วนั้น พ.อ.วินธัยกล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับการปล่อยตัวแล้วจริง โดยมีเงื่อนไขตามประกาศของ คสช.

"บิ๊กตู่"ยันไม่กำหนดจะมีนายกฯเมื่อใด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน ว่าเมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก ได้เชิญตัวนายศุภฤกษ์ ธงไชยฤทธิ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ และน.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เข้าพบที่ห้องทำงานเพื่อแจ้งข้อความจากพล.อ.ประยุทธ์ ให้รับทราบพร้อมขอความร่วมมือกรณีการตั้งคำถามกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)โดยเฉพาะหลังการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาเนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกไม่ดีต่อการที่ต้องถูกตั้งคำถามในลักษณะรุกไล่จนทำให้กระทบความเชื่อมั่นในตัวผู้นำประเทศ

“พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากมาบอกว่าวันนี้ ท่านไม่ได้เป็นแค่ ผบ.ทบ.เท่านั้นแต่เป็นถึงผู้นำในการบริหารประเทศ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร ดังนั้นการจะตอบคำถามอะไรออกไปสู่สาธารณะจำเป็นต้องใคร่ครวญอย่างดี และขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาในการตอบคำถามเหล่านั้นโดยเฉพาะการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งการถามในลักษณะจี้ถามเช่นนั้นไม่เหมาะสม ”

ในส่วนเฟสบุ๊ก ของน.ส.วาสนา นั้นทางกองทัพบกขอความร่วมมือ ตั้งระบบในการป้องกันไม่ให้บุคคลเข้ามาคอมเม้นท์เพราะทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งน.ส.วาสนา ชี้แจงว่าไม่อาจปิดคอมเม้นท์ ของตนเองได้เนื่องจากมีเพื่อน จำนวนมาก ส่วนผู้ติดตามที่เข้ามาคอมเม้นท์นั้นได้ปิดไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นประธานการประชุมคณะทำงาน คสช. โดยได้มีการพูดถึงแนวทางในการทำงานของ คสช.นับจากนี้ เพื่อเป็นรูปธรรมและเห็นผลโดยเร็วโดยเฉพาะการเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวให้เสร็จตามกำหนด แล้วให้ติดตามเรื่องผลผลิตทางเกษตรที่จะมีปัญหาตามมา ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความเป็นห่วงของกลุ่มสีต่างๆในขณะนี้โดยได้ให้แนวทางกับคณะทำงานไปหาวิธีในการสลายสีเสื้อต่างๆด้วยการตั้ง “สภาสมานฉันท์”ขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเร่งดำเนินการให้ดีที่สุดเพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมกันนี้ หัวหน้าคสช.ยังจะเดินหน้าในการตั้งสภาปฏิรูปและสภานิติบัญญัติ เพื่อเร่งหาทางทางออกนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้เมื่อใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เป็นตัวกำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมส่วนงานขึ้นตรงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกอบด้วย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี และ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยได้มีการหารือกันเพื่อกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนงานตามนโยบายและสั่งการ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยได้มีการหารือกันในเรื่องปัญหาสำคัญของแต่ละหน่วยงานที่เกิดขึ้น แผนงานระยะสั้น ระยะยาวที่ต้องดำเนินการ และการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กร

ทหารยอมรับเครื่องดื่มมีผสมยาพิษ

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันที่ผ่านมามีการส่งต่อข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างกว้างขวางว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทหาร จากกองพันททหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน 1 รอ.) ตรวจสอบพบสิ่งผิดปกติในเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่ง ที่มีประชาชนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างมาส่งมอบให้กับทหารกลางดึก ซึ่งพบว่าในขวดดังกล่าวที่ฝาเกลียวมีรอยเปิดทุกขวด และ ปริมาณน้ำในขวดไม่เท่ากัน พร้อมมีกระแสข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณถนนพระราม 2 ได้แจ้งว่า พบสิ่งแปลกปลอม เป็นกาวเหนียวผมในเครื่องดื่มชายี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ที่มีประชาชนมามอบให้ ทั้งนี้ หลังเกิดข่าวดังกล่าว ทางกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ให้ระมัดระวัง และหากมีประชาชนนำสิ่งของมามอบให้ก็ให้ถ่ายรูปรับมอบกับบุคคลคนนั้นด้วย

พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กล่าวว่า ในส่วนพี่น้องประชาชนนำสิ่งของมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติ โดยปะปนกับสิ่งของอันตรายนั้น ตนได้สั่งการไปยังทหารว่าไม่ต้องระแวง เพราะสามารถตรวจสอบ หากจับได้จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด

ขณะที่ พล.ต.ไพโรจน์ ทองมาเอง ผบ.พล.ร. 9 กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารกำลังให้ทางโรงพยาบาลตรวจสอบอยู่ ดังนั้น ขอร้องประชาชนและสื่อมวลชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช้การวางยาพิษ หรือนำสิ่งแปลกปลอมใส่ลงในเครื่องดื่ม แต่อาจจะเป็นเพราะเครื่องดื่มหมดอายุก็ได้ ซึ่งไม่ใช้ยาพิษ เพราะเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่กำลังพลไปหยิบในถัง ซึ่งไม่ใช้การยื่นส่งมอบให้โดยตรง และกำลังพลก็ไม่ได้ดื่มเข้าไป ตนเกรงว่าข่าวที่ออกไปจะเป็นการทำลายความรู้สึกของประชาชนที่หวังดี ส่วนจะเป็นอย่างใดนั้นต้องรอผลการตรวจสอบจากทางโรงพยาบาลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง อย่างไรก็ตามประชาชนก็ยังคงมีความเมตตาทหารอยู่

ประกาศเคอร์ฟิวใหม่หลังเที่ยงคืน

ล่าสุด ช่วงหัวค่ำ เมื่อวานนี้ คณะรักษาควาสมสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ออกประกาศฉบับที่ 42/2557 เกี่ยวกับการห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว โดยสรุปว่า บุคคลธรรมดาทั่วไป ห้ามออกจากเคหสถาน เวลา 00.01 - 04.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมเป็นต้นไป จากเดิมที่กำหนดเวลาเคอร์ฟิว 22.00 น. - 05.00 น.

สั่งไล่ล่าจับกุมกลุ่มคนติดอาวุธ

เมื่อเวลา 09.30น. วานนี้ (27 พ.ค.) ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) ได้เป็นประธานการประชุม ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ และข้อเน้นย้ำนโยบายสำคัญ 4 ประเด็น คือ 1. การควบคุมบุคคล ติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายที่ไม่เข้ารายงานตัว กองกำลังติดอาวุธ และแกนนำปลุกระดมมวลชนทุกคน การเข้าตรวจค้นแหล่งซุกซ่อนอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด อย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยระมัดระวังการสร้างเงื่อนไขใหม่

2. การควบคุมสื่อทั้ง 5 ประเภท ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 3. ด่านตรวจในพื้นที่รับผิดชอบเน้นการค้นอาวุธ วัตถุระเบิด สกัดมวลชนเข้ามาในพื้นที่กทม.

4.ควบคุมพื้นที่ถึงระดับหมู่บ้าน ทำความเข้าใจกับประชาชนในวัตถุประสงค์ 10 ประการ นโยบายเร่งด่วนอีก 5 ประการ โดยทำควบคู่กับนโยบายเร่งด่วน 7 ประการ และขั้นตอนการดำเนินการของ คสช. เป็น 3 ระยะ ด้วยการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบอย่างกว้างขวาง

" กลุ่มคนที่ออกมาต่อต้าน คสช. คือกลุ่มแรกที่ยังไม่เข้าใจ ทาง คสช.จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ส่วนกลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่สะสมกำลังอาวุธสงคราม กลุ่มนี้จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด สำหรับในส่วนที่มีประชาชน นำสิ่งของมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยปะปนกับสิ่งของอันตรายนั้น ตนได้สั่งการไปยังทหารว่า ไม่ต้องระแวง ซึ่งสามารถตรวจสอบ หากจับได้ จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด "

"จารุพงศ์-กี้ร์--บก.ลายจุด" ยังไม่เข้ารายงานตัว

จากคำสั่งคสช. ฉบับที่ 23/2557 เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา เรื่อง ให้บุคคลเข้ารายงานตัวเพิ่มเติม เพื่อให้การรักษาความสงบและแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม 16 ราย ณ หอประชุมกองทัพบกเทเวศร์ ในวันที่ 27 พ.ค.57 เวลา 10.00-12.00 น. อาทิ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายอุกฤษ มงคลนาวิน นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายวิทยา แก้วภราดัย น.ส.รังสิมา รอดรัศมี

ขณะที่วันเดียวกัน คสช.ได้ขีดเส้นให้ผู้ที่มีรายชื่อตามคำสั่งฉบับที่ 12/13/14/15/16/18/19 เข้ารายงานตัวภายในเวลา 12.00 น. แต่ปรากฎว่ามีเพียง นางฐิติมา ที่เข้ามารายงานตัวเท่านั้น ขณะที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.มหาดไทย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำแนวร่วม นปช. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วม นปช. และ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำแนวร่วมนปช. ที่มีรายชื่อตามคำสั่งที่ 3/2557 ยังไม่เข้ารายงานตัว ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายชินวัฒน์ ได้มีการโพสต์เฟชบุ๊กโดยสถานที่ที่มีการโพสต์ข้อความระบุว่าอยู่ที่ประเทศกัมพูชา

ส่วน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ ซึ่งถูกเรียกตัวตามคำสั่งฉบับที่ 1/2557 ให้มารายงานตัว เมื่อวันที่ 22 พ.ค. และสั่งห้ามทำธุรกรรมทางการเงินตามคำสั่งคสช.ฉบับที่ 10/2557 ในวันนี้ได้ถูกควบคุมตัวแล้ว หลังจากที่ใช้สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อาคารมณียา ย่านเพลินจิต แถลงข่าวถึงจุดยืนคัดค้านการรัฐประหาร

พ.ต.ท.สุรทินโผล่หลังลงกบดานภาคใต้

ที่กองบังคับการตรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆิน อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าพบพล.ต.ต.บุญลือ กองบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ขอให้พาเข้ารายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ 24 ตามที่คสช.มีคำสั่งเมื่อหลายวันก่อน แต่เจ้าตัวหลบหนีไปกบดานในภาคใต้ โดยพ.ต.ท.สุรทิน กล่าวว่า ผบกงภ.จว.อุดรธานี ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อให้ตนเข้ารายงานตัวมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งตนก็เกรงใจ เพราะทหารมาหาตนที่บ้านพักหลายครั้งแต่ก็ไม่พบ ที่ผ่านมาไปอยู่ภาคใต้ เพื่อไปดูและสวนปาล์ม ไม่ได้หนีไปไหน

ข่าวมือยิงทหารพรานถูกวิฯยังสับสน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน(ฉก.นย.)ตราด ถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย ขณะเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องสงสัย ที่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 3 ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด ซึ่งเกี่ยวพันเหตุขว้างระเบิดและใช้อาวุธสงครามยิงใส่ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)ตราด ขณะเปิดเวทีปราศรัย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 เหตุเกิดวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวขอเข้าไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งได้พบนายแอ๊ช(ขอสงวนชื่อ-นามสกุล)และเพื่อนกำลังเก็บมังคุด ได้รับการยืนยันว่า นายณรงค์ กระจ่างกลาง เจ้าของบ้านและสวนผลไม้ คือ คนที่ยิง โดยขณะนั้นนายณรงค์ยืนหลบอยู่ในกอกล้วย เมื่อได้ยินเสียงสุนัขเห่าจึงได้ยิงใส่ทหารพรานที่กำลังเดินเข้าไปจนเสียชีวิต และนำปืนเอ็ม 16 ไปด้วย โดยใช้เส้นทางผ่านกอไผ่และข้ามคลองซึ่งมีฝายขวางอยู่ จากนั้นทหารได้ใช้สุนัขดมกลิ่นไล่ติดตาม จนเกิดการปะทะกันที่หมู่ 2 และถูกวิสามัญฆาตกรรมตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน

นายแอ๊ช กล่าวว่า นายณรงค์เป็นคนจ.เพชรบูรณ์ มาซื้อที่ดินในต.ประณีต เพื่อทำสวนมานานกว่า 30 ปี ระยะหลังมีคนเดินทางมาหาบ่อยครั้ง ทั้งมาด้วยรถตู้และรถยนต์ มีการขนอาวุธมาไว้ที่นี่จำนวนมาก โดยนายณรงค์เป็นการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่มีความรู้เรื่องการใช้อาวุธสงคราม ทราบว่านำมาจากประเทศกัมพูชา อีกทั้งมีความคุ้นเคยกับแกนนำฝ่ายรัฐบาลหลายคน ส่วนที่ทหารตามมาจับเพราะนายณรงค์ไปร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะ กรุงเทพฯ และเดินทางกลับบ้าน จึงถูกทหารติดตามจับกุม

ขณะเดียวกันข่าวดังกล่าวยังเป็นที่สับสน เพราะหลังเกิดเหตุทหารพรานถูกยิงเสียชีวิตบ่ายวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ต.อ.จีระวุฒิ ตันฑะศรี ผกก.สภ.เขาสมิง และพ.ต.ท.คำพันธ์ รุณพัฒน์ รองผกก. มาเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานประกอบการขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายณรงค์ ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ช่วงค่ำ ที่พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มาร่วมประชุมที่สภ.เขาสมิง และยืนยันว่านายณรงค์ยังมีชีวิต และอยู่ระหว่างการหลบหนี

ค้นรร.แดงเชียงใหม่พบกระสุน-บึมปิงปอง

ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ นำกำลังเข้าตรวจค้นโรงแรมวโรรส แกรนด์ พาเลซ ของนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำคนสำคัญกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ตั้งกลุ่มและที่ตั้งสถานีวิทยุชุมชนคลื่น 92.50 เมกกะเฮิร์ต พบเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คหลายเครื่อง และเอกสารเกี่ยวการเคลื่อนไหว กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง และระเบิดปิงปองจำนวนมาก จึงได้ยึดไปตรวจสอบ

สอบถามผู้ดูแลโรงแรมบอกว่า ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วตั้งแต่ที่มีการยึดอำนาจ ครั้งแรกตรวจยึดตู้นิรภัยที่ไม่ทราบว่าข้างในมีอะไร พร้อมปืนไม่ทราบขนาดและชนิดจำนวนหนึ่ง ส่วนครั้งที่ 2 ไม่ได้นำสิ่งใดไป

กลุ่มต้านคสช.เชียงรายปลอมเคอร์ฟิว

ที่ค่ายเม็งรายมหาราช พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการรักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัดทหารบกเชียงราย(กกล.รส.จทบ.ชร.) แถลงว่า กลุ่มต่อต้านคสช.ยังมีความพยายามทุกอย่างเพื่อหลอกลวงประชาชนให้หลงผิด ล่าสุดปลอมแปลงเอกสารคสช.และสติ๊กเกอร์ ว่าห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 03.00-05.00 น. ซึ่งของจริงที่กำหนดตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น.

โดยเอกสารปลอมขยายมาจากจ.เชียงใหม่ แจกจ่ายในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาด หรือวัยรุ่นที่ชอบเที่ยวกลางคืน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการฝ่าฝืนช่วงเคอร์ฟิว โดยพยายามใช้จุดอ่อนที่พ่อค้าแม่ค้าต้องออกค้าขายแต่เช้ามืด และนักเที่ยววัยรุ่น เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการ ก็จะก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน และขยายวงปฏิบัติการไปสู่การใช้อาวุธไปได้ ดังนั้นผู้ที่นำข้อความปลอมและสติ๊กเกอร์ไปส่งต่อในสื่ออิเล็คทรอนิกส์ จะถือว่ามีความผิดไปด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่หากพบเห็นให้ปลดออกได้เลย

ทาสีขาวทับแท่นปูน"อำเภอเสื้อแดง"

นายวสันต์ เขื่อนแก้ว ปลัดอาวุโสอำเภอจุน จ.พะเยา พ.ต.อ.ทศภูมิ เจริญพร ผกก.สภ.จุน พ.ต.เรืองฤทธิ์ สุทธสาร สัสดีอำเภอจุน นายสมเกียรติ เสมอเชื้อ ปลัดฝ่ายปกครองอำเภอจุน พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอจุน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันใช้สีขาวมาทาทับแท่นปูนป้ายอำเภอเสื้อแดง สูง 3 เมตรครึ่ง กว้าง 3 เมตร บนเนินดินริมถนนพะเยา-เชียงคำ เขตติดต่อเทศบาลตำบลห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ เขตเทศบาลตำบลห้วยข้าวก่ำ อ.จุน กม. 35 กิ่วแก้วหรือประตูเวียงลอ เขตเทศบาลตำบลห้วยข้าวก่ำ อ.จุน เพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่แบ่งแยกเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ด้านนายธนพัฒน์ ชัยชนะ ผู้ประสานงานกลุ่มแดงพะเยาหลังเขาจุน จ.พะเยา กล่าวว่า แม้วทำใจยอมรับได้ยากอยู่บ้าง ที่ต้องเปลี่ยนสีหลักอำเภอเสื้อแดงมาเป็นสีขาว แต่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ก็คิดว่าเป็นเพียงการเปลี่ยนสีเท่านั้น แต่หลักคิดในใจที่สนับสนุนเรื่องประชาธิปไตยยังคงอยู่ ขอเพียงบ้านเมืองสงบตนก็ยินดี

ขรก.-อปท.บุรีรัมย์แห่ขอออกนอกพื้นที่

ที่จังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ที่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ ต่างมายื่นขออนุญาตหรือหนังสือรับรองจากจังหวัดทหารบก ทั้งเพื่อศึกษาดูงาน ประชุมสัมมนา และทำธุระส่วนตัว โดยตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม มายื่นขออนุญาตแล้วกว่า 200 ราย

ทั้งนี้ ยังไม่พบกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวต่อต้านหรือสร้างความวุ่นวาย ไม่พบสถานประกอบการ หรือประชาชนรายใดฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว เพราะส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ จึงให้ความร่วมมือ และหากมีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นหมู่คณ ให้ยื่นขออนุญาตได้ โดยต้องนำเอกสารจัดการประชุมสัมมนา หรือโครงการที่จะไปศึกษาดูงานมายื่นประกอบด้วย

ชาวชลบุรีมอบดอกไม้-สิ่งของให้ทหาร

ที่ทางเข้าค่ายนวมินทราชินี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ อ.เมือง จ.ชลบุรี ประชาชน ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า นักศึกษาจาก 11 อำเภอกว่า 500 คน นำดอกไม้ เครื่องชูกำลัง น้ำ และอาหารสำเร็จรูปหลายพันชุด มามอบให้ทหารเพื่อเป็นกำลังใจ เนื่องจากการที่ทหารออกมานั้น เป็นการสร้างความสงบสุขให้กลับคืนสู่ประเทศ จ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาทั่วประเทศ ป้องกันการทุจริต คอร์รัปชัน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงทำให้รู้สึกดีที่ทหารเข้ามาคุมอำนาจและบริหารประเทศเป็นการชั่วคราว โดยมีพ.อ.ประเทือง แก้วทุย เป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมกับรับสิ่งของดังกล่าวหลายพันชุด ไปแจกจ่ายให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพมหานครและใกล้เคียง

กำนัน-ผญบ.เมืองกล้วยไข่ให้กำลังใจ

ที่ศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวนากว่า 500 คน รวมตัวแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านทางพ.อ.โสภณ นันทสุวรรณ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 14 ค่ายวชิรปราการ โดยนายอุดมทรัพย์ นาคพงษ์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวขอบคุณที่พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า จะคงรูปแบบการบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น จะคงไว้ซึ่งสถาบันกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ที่ถือเป็นสถาบันหลักในตำบลและหมู่บ้านมากว่า 100 ปี ชมรมจึงขอสนับสนุน พร้อมให้กำลังใจและยินดีให้ความร่วมมือกับคสช.
กำลังโหลดความคิดเห็น