รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – รถไฟบรรทุกสินค้า 2 ขบวนประสานงากันที่ชุมทางรถไฟในมลรัฐมิสซูรี เป็นเหตุให้ตู้สินค้าสิบกว่าตู้ตกรางและพุ่งชนตอม่อของทางหลวงต่างระดับที่คร่อมอยู่จนทรุดแล้วถนนพังถล่มลงมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คนแต่ไม่มีใครเสียชีวิต กระนั้น เหตุการณ์นี้ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุในระบบการคมนาคมขนส่งครั้งที่ 3 ของสหรัฐฯในรอบระยะเวลาเพียงสัปดาห์เศษๆ กระตุ้นให้คนอเมริกันกังวลมากขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานเสื่อมสภาพภายในประเทศ
ริก วอลเตอร์ หัวหน้าฝ่ายปกครองของสก็อตต์ เคาน์ตี้ แถลงว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 คนประกอบด้วยพนักงานรถไฟ 2 คน และผู้โดยสาร 5 คนในรถยนต์ 2 คันที่กำลังอยู่บนทางหลวงยกระดับขณะเกิดเหตุ
เขาระบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นคราวนี้ เนื่องจากขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าของยูเนียน แปซิฟิก พุ่งเข้าชนด้านข้างขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าของบีเอ็นเอสเอฟ เรลเวย์ ก่อนที่จะตกรางและไถลพุ่งเข้าชนเสาตอม่อที่รองรับไฮเวย์ต่างระดับ ทำให้ทางหลวงดังกล่าวพังถล่มลงมา เมื่อตอนก่อนรุ่งสางวันเสาร์ (25) ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองแชฟฟี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมลรัฐมิสซูรี
การประสานงาของรถไฟบรรทุกสินค้า 2 ขบวนนี้ ยังทำให้เกิดไฟไหม้ เนื่องจากน้ำมันดีเซลจากเครื่องยนต์ของรถไฟขบวนหนึ่งรั่วออกมา แต่สามารถดับได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ในเวลาที่เกิดเหตุ ไม่มีรถไฟขบวนอื่นๆ แล่นเข้าออกบริเวณชุมทางแห่งนี้ ส่วนตัวทางหลวงต่างระดับที่คร่อมทางรถไฟน้น วอลเตอร์ระบุว่าอยู่ในสภาพดี ทว่าทานรับแรงกระแทกจากการพุ่งชนไม่ไหวจึงพังลงมา
ทางด้าน โรเบิร์ต ซัมวอลต์ สมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติ (เอ็นทีเอสบี) เผยว่า เอ็นทีเอสบีอาจต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับสาเหตุการชนครั้งนี้
ก่อนหน้านั้น ซัมวอลต์กล่าวว่า เอ็นทีเอสบีจะทบทวนกระบวนการทำงานและประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่รถไฟ
เทอร์รี วิลเลียมส์ โฆษกเอ็นทีเอสบีเสริมว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ จะต้องมีสัญญาณให้รถขบวนหนึ่งที่เข้าออกชุมทางรถไฟแห่งนี้หยุดไว้ก่อน
สำหรับ ยูเนียน แปซิฟิกเปิดเผยว่า ขบวนรถไฟของบริษัทที่บรรทุกชิ้นส่วนรถยนต์จากมลรัฐอิลลินอยส์ไปยังเทกซัส พุ่งชนด้านข้างของรถไฟอีกขบวน ทำให้วิศวกรและพนักงานขับรถไฟได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
คอลี ไฮต์ โฆษกหญิงของยูเนียน แปซิฟิกเสริมว่า หัวรถจักรและตู้สินค้านับสิบตู้ของบริษัทตกรางหลังจากชน และว่านี่เป็นการตกรางครั้งที่สองที่เกี่ยวข้องกับรถไฟของบริษัทบนเส้นทางเดียวกันนี้ โดยการตกรางครั้งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคมนั้นเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ
ด้านบีเอ็นเอสเอฟเผยว่า ขบวนรถไฟของบริษัทประกอบด้วยตู้สินค้า 75 ตู้ บรรทุกเศษโลหะและมุ่งหน้าลงใต้ตอนที่ถูกชน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ปรากฏว่า เหตุการณ์ล่าสุดคราวนี้ บังเกิดขึ้นหลังจากรถไฟโดยสารขบวนหนึ่งตกรางเมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาในมลรัฐคอนเนตทิคัตติกัต และพุ่งชนรถไฟอีกขบวน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 70 คนระหว่างชั่วโมงเร่งด่วนช่วงค่ำ
นอกจากนี้ วันพฤหัสบดี (23) ที่แล้ว ยังเกิดเหตุรถบรรทุกพุ่งชนสะพานในมลรัฐวอชิงตัน ทำให้โครงสร้างสะพานทรุดลงบางส่วน และรถ 2 คันตกลงในแม่น้ำสกากิต ทว่าเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ 3 คนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ ซึ่งก่อสร้างและใช้งานกันมานานแล้ว และเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา จนอาจถึงจุดมีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย
ริก วอลเตอร์ หัวหน้าฝ่ายปกครองของสก็อตต์ เคาน์ตี้ แถลงว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 คนประกอบด้วยพนักงานรถไฟ 2 คน และผู้โดยสาร 5 คนในรถยนต์ 2 คันที่กำลังอยู่บนทางหลวงยกระดับขณะเกิดเหตุ
เขาระบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นคราวนี้ เนื่องจากขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าของยูเนียน แปซิฟิก พุ่งเข้าชนด้านข้างขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าของบีเอ็นเอสเอฟ เรลเวย์ ก่อนที่จะตกรางและไถลพุ่งเข้าชนเสาตอม่อที่รองรับไฮเวย์ต่างระดับ ทำให้ทางหลวงดังกล่าวพังถล่มลงมา เมื่อตอนก่อนรุ่งสางวันเสาร์ (25) ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองแชฟฟี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมลรัฐมิสซูรี
การประสานงาของรถไฟบรรทุกสินค้า 2 ขบวนนี้ ยังทำให้เกิดไฟไหม้ เนื่องจากน้ำมันดีเซลจากเครื่องยนต์ของรถไฟขบวนหนึ่งรั่วออกมา แต่สามารถดับได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ในเวลาที่เกิดเหตุ ไม่มีรถไฟขบวนอื่นๆ แล่นเข้าออกบริเวณชุมทางแห่งนี้ ส่วนตัวทางหลวงต่างระดับที่คร่อมทางรถไฟน้น วอลเตอร์ระบุว่าอยู่ในสภาพดี ทว่าทานรับแรงกระแทกจากการพุ่งชนไม่ไหวจึงพังลงมา
ทางด้าน โรเบิร์ต ซัมวอลต์ สมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติ (เอ็นทีเอสบี) เผยว่า เอ็นทีเอสบีอาจต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับสาเหตุการชนครั้งนี้
ก่อนหน้านั้น ซัมวอลต์กล่าวว่า เอ็นทีเอสบีจะทบทวนกระบวนการทำงานและประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่รถไฟ
เทอร์รี วิลเลียมส์ โฆษกเอ็นทีเอสบีเสริมว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ จะต้องมีสัญญาณให้รถขบวนหนึ่งที่เข้าออกชุมทางรถไฟแห่งนี้หยุดไว้ก่อน
สำหรับ ยูเนียน แปซิฟิกเปิดเผยว่า ขบวนรถไฟของบริษัทที่บรรทุกชิ้นส่วนรถยนต์จากมลรัฐอิลลินอยส์ไปยังเทกซัส พุ่งชนด้านข้างของรถไฟอีกขบวน ทำให้วิศวกรและพนักงานขับรถไฟได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
คอลี ไฮต์ โฆษกหญิงของยูเนียน แปซิฟิกเสริมว่า หัวรถจักรและตู้สินค้านับสิบตู้ของบริษัทตกรางหลังจากชน และว่านี่เป็นการตกรางครั้งที่สองที่เกี่ยวข้องกับรถไฟของบริษัทบนเส้นทางเดียวกันนี้ โดยการตกรางครั้งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคมนั้นเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ
ด้านบีเอ็นเอสเอฟเผยว่า ขบวนรถไฟของบริษัทประกอบด้วยตู้สินค้า 75 ตู้ บรรทุกเศษโลหะและมุ่งหน้าลงใต้ตอนที่ถูกชน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ปรากฏว่า เหตุการณ์ล่าสุดคราวนี้ บังเกิดขึ้นหลังจากรถไฟโดยสารขบวนหนึ่งตกรางเมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาในมลรัฐคอนเนตทิคัตติกัต และพุ่งชนรถไฟอีกขบวน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 70 คนระหว่างชั่วโมงเร่งด่วนช่วงค่ำ
นอกจากนี้ วันพฤหัสบดี (23) ที่แล้ว ยังเกิดเหตุรถบรรทุกพุ่งชนสะพานในมลรัฐวอชิงตัน ทำให้โครงสร้างสะพานทรุดลงบางส่วน และรถ 2 คันตกลงในแม่น้ำสกากิต ทว่าเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ 3 คนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ ซึ่งก่อสร้างและใช้งานกันมานานแล้ว และเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา จนอาจถึงจุดมีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย
