เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้อยู่ในภาวะมั่นอกมั่นใจ เริ่มต้นสมัยสองแห่งการดำรงตำแหน่งของเขาเมื่อวันจันทร์ (21ม.ค.) โดยกล่าวปราศรัยภายหลังทำพิธีสาบานตนต่อหน้าสาธารณชน ด้วยการเรียกร้องอย่างเร้าความรู้สึกให้อเมริกาสามัคคีกัน แต่ก็เตือนเหล่าปรปักษ์ของเขาว่า อย่าได้เอาแต่ยึดมั่นแนวความคิดของตนเองอย่างเหนียวแน่นสุดขั้ว จนมาขัดขวางการผลักดันกฎหมายว่าด้วยสภาพภูมิอากาศโลก การปฏิรูปเรื่องการรับผู้อพยพ สิทธิเกย์ และการควบคุมอาวุธปืน
โอบามา สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีก 4 ปีต่อหน้าฝูงชนราว 1 ล้าน ซึ่งดูบางตาลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับจำนวนผู้สนับสนุนที่มาร่วมฉลองเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก่อนกล่าวปราศรัยที่บ่งชี้วาระการบริหารประเทศต่อไปของเขาจะเป็นไปในแนวทางเสรีนิยมอย่างชัดเจน เขาประกาศแสดงความแน่วแน่ที่จะเดินหน้าว่า อเมริกา “ถือกำเนิดขึ้นเพื่อช่วงเวลาสำคัญนี้” และต้อง “ฉกฉวยช่วงเวลาสำคัญนี้ร่วมกัน”
ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกาผู้นี้ สาบานตนด้วยการวางมือบนคัมภีร์ไบเบิล 2 เล่มวางซ้อนกัน โดยเล่มหนึ่งเคยเป็นของอับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เลิกทาส และอีกเล่มเคยเป็นของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำการเรียกร้องสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น พิธีนี้ยังจัดขึ้นในวันคล้ายวันเกิดของ คิง ซึ่งปัจจุบันถือเป็นวันหยุดประจำชาติของอเมริกา
ประมุขทำเนียบขาวคนที่ 44 เรียกร้องให้ยุติการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายซึ่งเกิดขึ้นตลอด 4 ปีแรกที่ผ่านมา จากการที่เขาและฝ่ายพรรคเดโมแครต ทำการต่อสู้ขับเคี่ยวกับพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจ
“เราต้องไม่เข้าใจผิดพลาดไปว่าลัทธิยึดมั่นแนวความคิดของตนเองอย่างสุดขั้ว เป็นการรักษาหลักการ หรือเห็นว่าการเมืองคือการแสดงอันน่าตื่นเต้น หรือมองว่าการกล่าวหยาบคายเป็นการอภิปรายที่มีเหตุมีผล เราจะต้องลงมือทำ ถึงแม้ทราบว่าการกระทำของเราจะไม่มีความสมบูรณ์แบบก็ตาม”
โอบามายังสัญญาลดยอดขาดดุลของรัฐบาลโดยไม่เบียดเบียนโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคม และเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายภาษีและปรับโครงสร้างรัฐบาล
ทั้งนี้ แม้ประธานาธิบดีแห่งพรรคเดโมแครตผู้นี้ ได้ครองทำเนียบขาวสมัยสองในสภาพที่ค่อนข้างมั่นคงจากชัยชนะอันชัดเจนในการเลือกตั้ง การยุติสงครามอิรัก และการสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน ทว่า โอบามายังคงต้องรณรงค์ฝ่าฟันในรัฐสภาอย่างหนัก ทั้งในประเด็นงบประมาณ การควบคุมอาวุธปืน สิทธิชาวรักร่วมเพศ และการปฏิรูประบบการรับผู้อพยพ
ระหว่างการปราศรัยซึ่งเป็นที่ติดตามของคนทั่วโลก โอบามายังกล่าวถึงนโยบายการต่างประเทศโดยการแสดงความรังเกียจ “สงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด” และให้คำมั่นว่า จะใช้การติดต่อมีปฏิสัมพันธ์ทางการทูตชนิดที่มีนโยบายการทหารอันเข้มแข็งหนุนหลัง โดยไม่ระบุเฉพาะเจาะจงถึงกรณีใดๆ เป็นการเจาะจง เช่น วิกฤตนิวเคลียร์อิหร่าน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังประกาศรับมือความท้าทายจากภาวะโลกร้อน แม้ประเด็นนี้ยังเป็นที่เคลือบแคลงของสมาชิกรีพับลิกันบางคน และไม่สามารถผลักดันได้เต็มที่เนื่องจากติดอุปสรรคทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ
สำหรับปฏิกิริยาภายหลังการปราศรัยเนื่องในการเข้ารับตำแหน่งคราวนี้ ถึงแม้พรรครีพับลิกันแสดงท่าทีสนับสนุนการเรียกร้องความสามัคคีของโอบามา แต่บ่งชี้เช่นกันถึงความแตกแยกทางแนวคิดอุดมการณ์ที่ยังคงดำรงอยู่
มิตช์ แมกคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของรีพับลิกันในวุฒิสภา แสดงทัศนะว่า การดำรงตำแหน่งสมัยสองของโอบามาถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ในการรับมือความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นงบประมาณรายจ่ายและยอดหนี้ภาคสาธารณะ
ขณะที่ ส.ส.พอล ไรอัน อดีตผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากรีพับลิกัน แสดงความยินดีกับโอบามาแต่สำทับว่า “เราอุทิศตนเพื่อประเทศเดียวกัน ประเทศที่ยังต้องการการแก้ไข”
การทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อหน้าจอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานศาลสูงสุดเมื่อวันจันทร์ นับเป็นการทำพิธีครั้งที่ 2 ของโอบามาในรอบ 24 ชั่วโมง เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯนั้น สมัยแรกในการดำรงตำแหน่งของเขาต้องสิ้นสุดลงในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ดังนั้นโอบามาจึงทำตามประเพณีปฏิบัติที่เคยทำกันมา โดยสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในสมัยสองอย่างเป็นทางการให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญในวันอาทิตย์(20) ทว่าจัดเป็นพิธีเล็กๆ ในทำเนียบขาว จากนั้นจึงมาทำพิธีสาบานตนต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้งในวันจันทร์ (21)
หลังพิธีสาบานตนซึ่งจัดขึ้นที่ขั้นบันไดของอาคารรัฐสภา โดยสามารถมองเห็นสวนสาธารณะเนชั่นแนลมอลล์ที่อยู่เบื้องหลังแล้ว โอบามาและภรรยา มิเชล ร่วมรับประทานอาหารกับสมาชิกรัฐสภาก่อนขึ้นรถกันกระสุนกลับทำเนียบขาว
ทันทีที่ถึงทำเนียบขาว โอบามาและแขกวีไอพีได้เฝ้าชมขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองอันเอิกเกริก ที่มีวงโยธวาทิตและริ้วขบวนต่างๆ กว่า 100 ขบวน หลังจากนั้นในตอนกลางคืน โอบามาและมิเชล ได้แวะเวียนไปร่วมงานเต้นรำหลายงานซึ่งจัดโดยพวกผู้สนับสนุน
โอบามา สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีก 4 ปีต่อหน้าฝูงชนราว 1 ล้าน ซึ่งดูบางตาลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับจำนวนผู้สนับสนุนที่มาร่วมฉลองเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก่อนกล่าวปราศรัยที่บ่งชี้วาระการบริหารประเทศต่อไปของเขาจะเป็นไปในแนวทางเสรีนิยมอย่างชัดเจน เขาประกาศแสดงความแน่วแน่ที่จะเดินหน้าว่า อเมริกา “ถือกำเนิดขึ้นเพื่อช่วงเวลาสำคัญนี้” และต้อง “ฉกฉวยช่วงเวลาสำคัญนี้ร่วมกัน”
ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกาผู้นี้ สาบานตนด้วยการวางมือบนคัมภีร์ไบเบิล 2 เล่มวางซ้อนกัน โดยเล่มหนึ่งเคยเป็นของอับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เลิกทาส และอีกเล่มเคยเป็นของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำการเรียกร้องสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น พิธีนี้ยังจัดขึ้นในวันคล้ายวันเกิดของ คิง ซึ่งปัจจุบันถือเป็นวันหยุดประจำชาติของอเมริกา
ประมุขทำเนียบขาวคนที่ 44 เรียกร้องให้ยุติการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายซึ่งเกิดขึ้นตลอด 4 ปีแรกที่ผ่านมา จากการที่เขาและฝ่ายพรรคเดโมแครต ทำการต่อสู้ขับเคี่ยวกับพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจ
“เราต้องไม่เข้าใจผิดพลาดไปว่าลัทธิยึดมั่นแนวความคิดของตนเองอย่างสุดขั้ว เป็นการรักษาหลักการ หรือเห็นว่าการเมืองคือการแสดงอันน่าตื่นเต้น หรือมองว่าการกล่าวหยาบคายเป็นการอภิปรายที่มีเหตุมีผล เราจะต้องลงมือทำ ถึงแม้ทราบว่าการกระทำของเราจะไม่มีความสมบูรณ์แบบก็ตาม”
โอบามายังสัญญาลดยอดขาดดุลของรัฐบาลโดยไม่เบียดเบียนโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคม และเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายภาษีและปรับโครงสร้างรัฐบาล
ทั้งนี้ แม้ประธานาธิบดีแห่งพรรคเดโมแครตผู้นี้ ได้ครองทำเนียบขาวสมัยสองในสภาพที่ค่อนข้างมั่นคงจากชัยชนะอันชัดเจนในการเลือกตั้ง การยุติสงครามอิรัก และการสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน ทว่า โอบามายังคงต้องรณรงค์ฝ่าฟันในรัฐสภาอย่างหนัก ทั้งในประเด็นงบประมาณ การควบคุมอาวุธปืน สิทธิชาวรักร่วมเพศ และการปฏิรูประบบการรับผู้อพยพ
ระหว่างการปราศรัยซึ่งเป็นที่ติดตามของคนทั่วโลก โอบามายังกล่าวถึงนโยบายการต่างประเทศโดยการแสดงความรังเกียจ “สงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด” และให้คำมั่นว่า จะใช้การติดต่อมีปฏิสัมพันธ์ทางการทูตชนิดที่มีนโยบายการทหารอันเข้มแข็งหนุนหลัง โดยไม่ระบุเฉพาะเจาะจงถึงกรณีใดๆ เป็นการเจาะจง เช่น วิกฤตนิวเคลียร์อิหร่าน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังประกาศรับมือความท้าทายจากภาวะโลกร้อน แม้ประเด็นนี้ยังเป็นที่เคลือบแคลงของสมาชิกรีพับลิกันบางคน และไม่สามารถผลักดันได้เต็มที่เนื่องจากติดอุปสรรคทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ
สำหรับปฏิกิริยาภายหลังการปราศรัยเนื่องในการเข้ารับตำแหน่งคราวนี้ ถึงแม้พรรครีพับลิกันแสดงท่าทีสนับสนุนการเรียกร้องความสามัคคีของโอบามา แต่บ่งชี้เช่นกันถึงความแตกแยกทางแนวคิดอุดมการณ์ที่ยังคงดำรงอยู่
มิตช์ แมกคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของรีพับลิกันในวุฒิสภา แสดงทัศนะว่า การดำรงตำแหน่งสมัยสองของโอบามาถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ในการรับมือความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นงบประมาณรายจ่ายและยอดหนี้ภาคสาธารณะ
ขณะที่ ส.ส.พอล ไรอัน อดีตผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากรีพับลิกัน แสดงความยินดีกับโอบามาแต่สำทับว่า “เราอุทิศตนเพื่อประเทศเดียวกัน ประเทศที่ยังต้องการการแก้ไข”
การทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อหน้าจอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานศาลสูงสุดเมื่อวันจันทร์ นับเป็นการทำพิธีครั้งที่ 2 ของโอบามาในรอบ 24 ชั่วโมง เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯนั้น สมัยแรกในการดำรงตำแหน่งของเขาต้องสิ้นสุดลงในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ดังนั้นโอบามาจึงทำตามประเพณีปฏิบัติที่เคยทำกันมา โดยสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในสมัยสองอย่างเป็นทางการให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญในวันอาทิตย์(20) ทว่าจัดเป็นพิธีเล็กๆ ในทำเนียบขาว จากนั้นจึงมาทำพิธีสาบานตนต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้งในวันจันทร์ (21)
หลังพิธีสาบานตนซึ่งจัดขึ้นที่ขั้นบันไดของอาคารรัฐสภา โดยสามารถมองเห็นสวนสาธารณะเนชั่นแนลมอลล์ที่อยู่เบื้องหลังแล้ว โอบามาและภรรยา มิเชล ร่วมรับประทานอาหารกับสมาชิกรัฐสภาก่อนขึ้นรถกันกระสุนกลับทำเนียบขาว
ทันทีที่ถึงทำเนียบขาว โอบามาและแขกวีไอพีได้เฝ้าชมขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองอันเอิกเกริก ที่มีวงโยธวาทิตและริ้วขบวนต่างๆ กว่า 100 ขบวน หลังจากนั้นในตอนกลางคืน โอบามาและมิเชล ได้แวะเวียนไปร่วมงานเต้นรำหลายงานซึ่งจัดโดยพวกผู้สนับสนุน