xs
xsm
sm
md
lg

SITHAI เร่งผลิตชิ้นส่วนพลาสติกเหตุเมลามีนแรงงานขาดวัตถุดิบพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ปีนี้ลดบทบาทเมลามีนลง เหตุค่าแรงสูงและหายาก อีกทั้งวัตถุดิบแพงตามราคาน้ำมัน หันขยายชิ้นส่วนพลาสติกชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องไฟฟ้า เป็นหลัก เน้นลงทุนเพิ่มในเวียดนาม หลังพบความต้องการสูงและยอดขายเติบโตต่อเนื่อง คาดปีนี้กวาดรายได้ 7,900 ล้านบาท หรือโตจากปี53กว่า 10% เล็งขยายงานในประเทศเพื่อนบ้านหวังใช้เป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกอีกแห่ง

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด ( มหาชน ) หรือ SITHAI เปิดเผยว่าปี2555 ว่า ธุรกิจเมลามีนคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจพลาสติกยังคงใช้กลยุทธเดิมคือจะลดสินค้าที่สั่งจ้างผลิตหรือ OEM และเพิ่มในส่วนของพลาสติกชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องไฟฟ้า ตลอดจนขวดพลาสติกอย่างขวดเพทหรือPET และขวดน้ำผลไม้

" การผลิตสินค้า OEM จะใช้แรงงานเยอะมาก และเราหาแรงงานลำบาก การเพิ่มแรงงานเป็นสิ่งที่หายากมากครับในปัจจุบัน อีกอย่างค่าแรงงานขั้นต่อต่ำต่อวันก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้เราต้องปรับตัวรับมือด้วยครับ "

อย่างไรก็ดี ปีนี้ SITHAI ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7,050 ล้านบาท และเมื่อรวมกับรายได้อื่น ๆ และรายได้จากบริษัทลูก รวมทั้งธุรกิจอาหารเสริมด้วยคาดว่าจะมีรายได้สูงถึง 7,900 ล้านบาท จากปี 53 ที่บริษัททำยอดขายไว้ที่ 6,995 ล้านบาท หรือเติบโตได้เกินกว่า 10% ถือเป็นการเติบโตปกติของบริษัทที่ตั้งเป้าไว้ที่ปีละ 10-15%

นายสนั่นกล่าวว่าปีนี้ SITHAI จะขยายงานเพิ่มขึ้น โดยตั้งงบประมาณไว้ที่ 1 พันล้านบาท ซึ่งเป้าหมายหลักคือการขยายการลงทุนในเวียดนามคือธุรกิจเป่าพลาสติกให้เป็นหลอด (preform )ก่อนนำไปผลิตขวดเพท และฝาปิดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง เพราะตลาดมีความต้องการต่อเนื่อง ขณะที่พม่าเองก็จะเปิดสำนักงานสาขาเพิ่มอีก เพื่อจำหน่ายสินค้าของบริษัท

" เราจะลงทุนเพิ่มในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว พม่า กัมพูชา และขณะเราอาจต้องลงทุนเพิ่มในเวียดนามด้วย เพราะประชากรเยอะ และพบว่าการขายสินค้าของเราก็ไปได้ดีครับ และขณะนี้กำลังศึกษาการลงทุนในพม่า เพราะปกติเราก็ขายเมลามีนและอื่น ๆ หลายอย่างผมคือว่าเราไปใช้ฐานการผลิตในนั้นน่าจะดี เพราะแรงงานพม่าก็ใช้ในนั้นด้วย และจะเป็นฐานการส่งออกไปทั่วโลกในตลาดที่เราขายสินค้าด้วยครับ "

ทั้งนี้ SITHAI จะลดบทบาทในการผลิตเมลามีนลง เนื่องจากปัญหาแรงงานที่หายากประกอบกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำต่อวันที่ขยับเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหากจะขยายกำลังผลิตจะเน้นขยายในเวียดนามตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะดูแนวโน้มแล้วมีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่อินเดียซึ่งถือเป็นอีกตลาหนึ่งที่พบว่ายอดขายเติบโตต่อเนื่องทุกปี ส่วนหนึ่งเพราะจำนวรประชากรที่หนาแน่นมาก ซึ่งการลงทุนในอินเดียต้องศึกษาเรื่องกฎหมายและภาษีให้ชัดเจนก่อน

โดยบริษัทจะเข้าไปลักษณะ เป็น การซื้อซื้อโรงงานให้เช่า แทนการก่อสร้างโรงงานใหม่ เพราะย่นระยะเวลาในการผลิตสินค้าและสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้เร็วกว่า เนื่องจากการสร้างโรงงานต้องใช้เวลาร่วม 8 เดือนกว่าจะผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายได้ทันกับออร์เดอร์ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง และพบว่าผลิตสินค้าไม่ทัน ลูกค้าทั้งอาฟต้าและเอเชียโตตัวเลขก้าวกระโดด ขณะที่โรงงานที่จังหวัด
นครราสีมาก็เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตแล้ว การเพิ่มเครื่องจักรใหม่เพื่อให้กำลังการผลิตเพิ่มและการสั่งและส่งสินค้าต้องให้รวดเร็วมากขึ้น ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจอย่างมาก

" ในประเทศเราก็เข้าไปซื้อกิจการที่ล้มละลายหรือปิดกิจการ แทนการสร้างโรงงานใหม่ เพราะเข้าไปแล้วเราก็ผลิตได้เลย อาจต้องเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่หลายตัวก็ต้องแลกเพื่อย่นเวลาในการผลิตสินค้าเพื่อขายให้รวดเร็วมากขึ้นครับ เป็นการสนองความต้องการลูกค้า "

นอกจากนี้SITHAI ยังจะเน้นพัฒนาวิจัยปรับปรุงการผลิต ตลอดจนแม่พิมพ์ต่าง ๆ ให้มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งจะเน้นขยายเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์กล่องบรรจุอาหาร เครื่องดื่ม ฝาปิด ขวดเพ็ทและอื่น ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการขายในประเทศ 70% และที่เหลือ 30% เป็นการส่งออกและสินค้าที่บริษัทผลิตนั้นมีกำไรขั้นต้น ( กรอสมาร์จิ้น ) เพิ่มขึ้นอีก 1% คือจากปีก่อนที่มีกรอสมาร์จิ้น 20% ขยับเพิ่มเป็น 21%

สำหรับผลการดำเนินงานงวดล่าสุดปี 54 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 54 พบว่า SITHAI มีกำไรสุทธิ 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 267.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.04 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.24% เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและงานรับจ้างรวม 7,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 693 ล้านบาทหรือเกิน 10% ผลจากรายได้จากทุกสายธุรกิจเติบโต
กำลังโหลดความคิดเห็น