xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยใหม่เอี่ยม (ตอน ๒...เกือกม้ากันน้ำท่วมราคาถูก)

เผยแพร่:   โดย: ทวิช จิตรสมบูรณ์

ในประเด็น “เมืองไทยใหม่เอี่ยม” (หรือนิวไทยแลนด์..ตามสำเนียงวลีหรูของรัฐบาล) ผมได้กระจายแนวคิดส่วนตัวไปสู่เครือข่าย ได้เสนอให้ขุดคลองเกือกม้ารอบกทม. แล้วเอาดินที่ขุดมาถมทำเป็นถนนเกือกม้าล้อม กทม. ด้านนอก พร้อมกักประตูน้ำ สูบน้ำลงคลองเกือกม้าที่ขุดให้ไหลออกสู่ทะเล เพื่อป้องกันน้ำท่วม กทม. 

เพื่อนรุ่นพี่วิศวโยธา อดีตผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขนาดยักษ์ตอบกลับมาว่า เห็นด้วยในหลักการ แต่ท่านว่ารัฐบาลคงทำไม่ได้หรอกเพราะมันจะเป็นเมกะโปรเจกต์ที่แพง ติดขัดเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวของนักการเมือง การเวนคืนที่ดิน (ที่บางส่วนเป็นของนักการเมืองเสียเอง)

พี่ท่านยังเมตตาให้คำแนะนำต่อว่า การขุดดินมาถมทำเป็นถนนอาจไม่ดีนัก ต้องเอาดินแข็งจากที่อื่นมาทำ (เช่น ดินลูกรัง..ผมเดา ซึ่งผมว่าการทำเช่นนั้นมันคงกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากทีเดียว พร้อมมีราคาแพง)

ทำให้ผมมาฉุกคิดต่อว่า จะทำให้โครงการนี้มันถูกลงสามเท่า และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากนักได้อย่างไร (รวมแล้วคงไม่เกินแสนล้าน) ก็เลยคิดไปว่า งั้นไม่ต้องทำถนนก็ได้ เพียงแค่ขุดดินมาทำทำนบเพื่อทำคลองก็พอแล้ว

คลองรูปเกือกม้าล้อม กทม. ยาวสัก 100 กม. กว้าง 200 ม. ลึกสัก 10 เมตร โดยการขุดหน้าดินลึก 2 เมตร แล้วโกยเอาดินมาถมทำทำนบสองด้าน สูง 8 เมตร โดยทำนบมีความกว้าง 25 เมตร ก็จะกลายเป็นคลองลึก 10 เมตร พอทำนบตัดผ่านแม่น้ำลำคลอง ก็ทำประตูน้ำ พร้อมทำสถานีสูบน้ำ เพื่อสูบน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาให้ลงคลองระหว่างทำนบ ซึ่งน้ำจะไหลออกสู่ทะเลได้สองด้านของเกือกม้า

  บนสันทำนบกว้าง ๒๕ เมตร ให้ปลูกไม้ที่ชอบน้ำ และมีกิ่งก้านสาขามาก ทั้งนี้เพื่อให้ร่มรื่น เป็นสวนสาธารณะที่พักผ่อนหย่อนใจคนกรุงได้ พร้อมให้นกน้ำมาเกาะพักอาศัย เพื่อหากินกับคลองส่งน้ำ (กลายเป็นสวรรค์คนดูนกไปเลย)

  คลองลึก 10 เมตร กว้าง 200 ม. ไหลสองด้านของเกือกม้า ยามน้ำหลาก ถ้าสูบน้ำเข้าแล้วน้ำไหลด้วยความเร็ว 0.5 เมตรต่อวินาที จะสามารถระบายน้ำออกทะเลได้ด้วยอัตรา 170 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการป้องกันน้ำท่วมกทม.ได้  

คลองนี้ยังส่งเสริมการคมนาคมทางน้ำเพื่อระบายสินค้า กีฬาทางน้ำ การประมง การเกษตร และอื่นๆ ได้อีกมากหลาย ... น่าจะ “คืนทุน” ในตัวเองได้ภายในไม่กี่ปี แล้วได้การป้องกันน้ำท่วม กทม. เป็นของแถม ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก ทำให้ดีจะเสริมสิ่งแวดล้อมเสียอีก เช่น เป็นป่าชายเลนจำลองเพื่อช่วยอภิบาลตัวอ่อนสัตว์น้ำเค็ม

สำหรับวิธีการขุดคลองที่ราคาถูกนั้น ขอเสนอเพื่อพิจารณาให้ใช้ขบวนรถไฟสองขบวนวิ่งคู่ขนานกันแล้วลากหัวขุดสามเหลี่ยมขนาดกว้าง 200 ม. ขุดและดันดินออกไปเป็นทำนบสองข้าง ถ้าวันหนึ่งแล่นได้สัก 1 กม. เพียง 100 วันก็เสร็จแล้ว รางรถที่วิ่งผ่านไปแล้วก็ถอดเอาไปต่อด้านหน้าให้รถไฟวิ่งต่อไป เพื่อเป็นการประหยัด

การขุดคลองด้วยรถไฟ น่าจะเป็นวิธีการใหม่ครั้งแรกของโลก ที่จะทำให้ประเทศไทยได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลกอีกด้วย (เพียงแค่คิดจะทำก็คงดังแล้วแหละ แม้อาจทำได้ไม่สำเร็จก็ตาม) วิธีนี้ว่าไปแล้วอุปมากับการไถนาด้วยการเทียมควายคู่ เพียงแต่คราวนี้เป็นควายเหล็ก (ที่ฝรั่งเรียกว่า ม้าเหล็ก หรือ iron horse)

สำหรับชาวบ้านที่ถูกเวนคืนที่ดิน ก็ให้ชดใช้ด้วยการสร้างบ้านให้อยู่บนทำนบกว้าง 25 เมตรนั่นแหละ พร้อมให้สัมปทานการประมง เกษตร และหรือการเก็บภาษีขนส่งทางน้ำที่ผ่านคลองนี้

พี่วิศวกรโยธาให้ความรู้ต่อไปว่า ดินรอบๆ กทม.เป็นดินนิ่ม ทำถนนคงยาก ทำนบพอไหวแต่ก็ยังอาจเสี่ยงต่อการยุบตัว พี่ท่านจึงให้ความรู้ว่า... 

“ในเรื่องการทำให้ดินแข็งตัว.. ขึ้นเป็นสิบ เป็นร้อยเท่า ในเวลาเพียงหนึ่งถึงสี่สัปดาห์ ได้มีการนำมาใช้งานกันจริงนานแล้ว .. มีคนไทยเราได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้แก้ปัญหาดินเหนียวอ่อน และดินทรายถล่มในงานต่างๆ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ แล้ว.....อาจลองเข้าไปอ่านบทความนี้ได้ที่http://www.thaiengineering.com/index.php?option=com_content&view=article&id=321”

ผมเสริมว่า ปัญหาสำคัญประการหนึ่งของประเทศไทยเรา คือ คนไทยเราด้วยกันเองให้ความคิดเห็นอะไรมักไม่ได้รับการนำสู่การปฏิบัติ ต้องรอให้นักวิชาการฝรั่งที่จ้างมาแพงๆ มาฝอยให้ฟังเสียก่อน ทั้งที่ฝรั่งมาแบบผิวเผิน..ไม่ได้รู้ปัญหาลึกซึ้งแบบคนไทยเราด้วยกันสักหน่อย

ส่งท้าย ผมมีความเห็นว่า เมืองไทยใหม่เอี่ยม (นิวไทยแลนด์..ตามสำเนียงปนฝรั่งของรัฐบาล) ต้องเริ่มที่การเมืองใหม่ เพราะการเมืองคือต้นธารของการพัฒนาประเทศ ถ้าการเมืองยังเป็นระบบเก่าๆ ที่เล่นพวกพ้อง โกงกิน ขาดความรู้ ขาดวิสัยทัศน์เสียแล้ว ต่อให้ประดิษฐ์วลีหรูๆ ที่ฮิตติดตลาดออกมาหาเสียงกันสักกี่ร้อยวลีก็คงไม่พ้นวงจรเก่า น้ำเน่าเดิมๆ ไปได้หรอกครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น