xs
xsm
sm
md
lg

ลูกค้าธนาคาร นายสมหวัง พึ่งก่อการ (8)

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

ภิภพนั้นค้าขายมานาน แม้ว่าเขาจะมีเงิน 1 ล้าน และตรวจสอบด้วยการโทรศัพท์ถึงลูกสาวที่แบงก์ว่าผู้ซื้อมีเงินบัญชีพอจะจ่ายได้หรือไม่ เมื่อลูกสาวบอกว่าไม่มีปัญหา เขาไม่ได้หยุดแค่นั้น แต่โทร.ไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่กรุงเทพฯ ถามประวัตินายสมหวัง

“เฮ้ย... ไอ้ภพ ไอ้นี่ อั๊วไม่รู้จักนะ... คนเมืองเพชรเหรอ เดี๋ยวนะอั๊วรู้จักคนคนนึงนะ ลื้อก็รู้จักนี่นา เฮียแป๋งน่ะ แกกว้างขวางมาก”

เพื่อนของภิภพใช้เวลาแค่ 10 นาที ก็โทรศัพท์กลับมา

“ไอ้ภพ.... อั๊วว่าลื้ออย่าทำธุรกิจกับไอ้หมอนี่เลย ถ้าลื้อบอกชื่อ บอกลักษณะมาตรงตามนั้นนะ ก็ใช่แน่ ประวัติมันโจรดีๆ นี่เอง ฆ่าคนตายมาแล้ว ทำธนบัตรปลอม, ค้าของเถื่อน แม้แต่ยิงคู่แข่งทางการค้าตาย บริษัทขายรถ มันโดนบัญชีดำ”

“อ้าว... อั๊วก็เห็นมันมาดี ลื้อรู้ไหมมันสั่งซื้อของอั๊ว 10 กว่าล้าน วางมัดจำไว้ล้านบาท มีเงินในธนาคารหลายสิบล้าน”

“ไอ้ภพ...ลื้อไม่อยากตายนะ อย่ายุ่งกับมัน”

คลิ๊ก... เพื่อนภิภพวางสาย ทิ้งไว้ให้ตัดสินใจเอง

วันต่อมา ภิภพให้ลูกน้องถือเช็คมาส่งที่โรงแรมพร้อมแนบจดหมายมาด้วย

เรียนคุณสมหวังที่นับถือ

ผมเสียใจมากเรื่องที่ตกลงกันไว้ แต่หลังจากคุณกลับ ผมได้รับรายงานว่าเหมืองในพม่าผมระเบิด เพราะทหารพม่ารบกับพวกชนกลุ่มน้อย ทำให้เหมืองถล่มและมีคนของผมตายจำนวนหนึ่ง การค้าขายผมต้องหยุด เนื่องจากพม่าขอร้องให้ผมหยุด อย่างน้อยผมทำอะไรไม่ได้ถึง 3-6 เดือน เพชรที่เขาสัญญาจะข้ามแดนมาอย่างถูกกฎหมายก็มาไม่ได้เช่นกัน

ผมรู้สึกผิดที่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หวังว่าคุณเข้าใจ และเห็นใจ

ภิภพ

สมหวังทุบโต๊ะดังโครม เขาคาดไม่ถึงว่าแผนขั้นแรกจะล้มตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ

“เวรกรรมของกูเอง”

หลังจากอยู่เชียงรายต่ออีก 2 วัน ความคิดบ้าๆ ก็เกิดขึ้น

“ฉุด”

สันดานเดิมออกลายอีกครั้ง แต่เขาเลือกทางลัด เขาส่งรถที่สั่งให้นำมาจากกรุงเทพฯ เมอร์ซิเดสสีดำ กระจกติดฟิล์มดำทึบมาจอดหน้าธนาคาร เป็นรถเหมือนกับที่บ้านมยุรีใช้

สมหวังใช้เพทุบาย จี้เด็กในบ้านของมยุรีที่ตัวจังหวัดเชียงรายมาได้ โดยให้ขึ้นไปบอกมยุรีให้เดินทางกลับบ้านบิดา มีเรื่องด่วนเกี่ยวกับเหมือง

มยุรีเข้าใจว่า คงเป็นธุรกิจที่บิดาเธอปฏิเสธกับนักธุรกิจรายหนึ่ง เธอก้าวขึ้นสู่รถเบนซ์โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเจอหน้าบิดาของเธอ รถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ ไม่ได้วิ่งกลับบ้านบิดา แต่วิ่งด้วยความเร็วลงมากรุงเทพฯ ภายในเวลา 10 กว่าชั่วโมง โดยมีคนนั่งข้างหลังโป๊ะยาสลบ ทำให้เธอไม่รู้สึกตัวว่าถูกลักพาเข้ากรุงเทพฯ

ที่กรุงเทพฯ สมหวังรออยู่ก่อนแล้ว....เขาซ่อนมยุรีไว้ในบ้านพักแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจชาวจีนที่เยาวราช ซึ่งคิดว่าตำรวจหรือนักสืบเอกชนไม่มีทางหาเจอ

3 วันผ่านไปมยุรีไม่ยอมกินอาหาร ไม่พูดไม่จา แต่สมหวังก็ไม่ได้พบมยุรี เพียงแค่แอบมองเธอผ่านทางรูกุญแจ หลังจากนั้น เขาสั่งให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด และดูเธอทุกอิริยบถ

ใครจะรู้ว่าสมหวังคนที่ไม่เคยผิดหวัง จะได้เคลมสาวแบงก์รายนี้หรือไม่ ความจริงเขาเองก็มีเมียมาก มีลูกก็เละเทะมาแล้วนั่นอดีต อนาคตเขาตั้งใจว่าจะเลิกราทุกอย่าง นี่เป็นคำพูดที่เขาบอกทุกคนที่ใกล้ชิด

“กูแก่แล้ว อยากมีเมียคนสุดท้าย ใช้ชีวิตในทางสุจริต”

เขารู้สึกผิดเป็นครั้งแรก และเขานึกคิด 10 กว่าศพที่เขาฆ่ามีครั้งเดียวที่เขาเชื่อว่านรกเอาเขาแน่ คือ รายเถ้าแก่ฮะ เขาทำบุญอยู่แท้ๆ แต่เขาทำบาปด้วยการฆ่า เหมือนเอานรกปะทะกับสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ชะตากรรมมีจริง

สมหวังคิดว่าเขาคงตายเมื่ออายุได้สัก 80 ปี เป็นอย่างน้อย เขาเฝ้าดูมยุรีมาสองอาทิตย์แล้ว เธอซูบผอมลงไปมาก ภาพถ่ายของเธอถูกตีพิมพ์ มีการตั้งรางวัล 1 แสนบาทจากครอบครัวของเธอ กรมตำรวจออกมาให้สัมภาษณ์ว่ากำลังได้เบาะแสเพราะมีพยานเป็นลูกค้าธนาคารให้เบาะแส แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกน้องก็บอกสมหวังหน้าตาเฉยว่ามยุรีเสียชีวิตแล้ว

“เฮ้ย... เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย”

สมหวังเปิดประตูเข้าไป เห็นเธอนอนนิ่งเป็นปกติเขาจับข้อมือเธอ พบว่าตัวมยุรีเย็นแล้ว ผิวขาวนั้นซีด เขาคุกเข่าและกราบลงที่ตัวเธอ เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่เขาเคยรู้จักกราบคน

นี่เป็นคนที่ตายแล้ว

“ยกโทษให้ผมเถอะ มยุรี...” เขารำพัน

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เขาจัดการศพมยุรีด้วยการเผาศพที่วัดในจังหวัดเพชรบุรีโดยไม่ได้ใครทราบ เมื่อกลับมากรุงเทพฯ เขาปล่อยข่าวว่า มยุรีหนีออกจากที่คุมขัง และถูกรถยนต์ชนเสียชีวิต

บิดามยุรีไม่เชื่อ และติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบวันเวลา และสถานที่พบว่าไม่มีรถชนกันหรือชนคนตาย มีแต่รถขนขยะของ กทม. ชนกับแท็กซี่และไม่ใครตาย ในบริเวณที่พวกสมหวังปล่อยข่าวออกมาเท่านั้น เป็นอันว่ามยุรียังหายตัวไป

บิดาและครอบครัวมยุรียังเชื่อว่าเธอคงมีชีวิตอยู่ (อ่านต่อวันพฤหัสฯ หน้า)
กำลังโหลดความคิดเห็น