xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองหมาๆ คือปัญหาหลักของแผ่นดิน

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

“ไม่น่าเขียนหมาๆ อย่างนี้เลย เป็นนักวิชาการแท้ๆ ชอบที่จะต้องเขียนบทความวิชาการจึงจะถูก”

“ก็นักวิชาการมันไม่เขียน หรือเขียนหมามันก็ไม่อ่าน”

ความจริง ผมเป็นคนรักหมา จนลูกชายเก็บเอาคำหลวงพ่อวังน้ำเขียวมาเตือนสติว่า “อย่าผูกพันกับหมาเกินไป เดี๋ยวชาติหน้าจะเกิดเป็นหมา หากเกิดเป็นหมาแล้วไม่รู้ว่าอีกกี่กัปกี่กัลป์จึงจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ยากที่สุด โอกาสที่ปลาจะผลุดออกจากรูกะลามะพร้าวที่ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรยังง่ายกว่าเสียอีก”

ผมจึงสันนิษฐานว่า นักการเมืองไทยทั้งหมดในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันที่นั่งอยู่ในครม.หรือสภาผู้แทนราษฎรไม่มีผู้ที่เป็นหมากลับชาติมาเกิดเลยสักคนเดียว

ดังนั้น ผมจึงไม่เคารพท่านเหล่านั้นเท่าหมาสักคน ยกเว้นความเป็นเดรัจฉานแล้ว หมามีคุณสมบัติน่าเคารพหลายอย่าง คือ ซื่อสัตย์ คงเส้นคงวาหาความบกพร่องมิได้จนวันสุดท้ายของชีวิต ปกป้องจงรักภักดีและรับใช้ผู้ที่เป็นนายรวมทั้งลูกหลานว่านเครือด้วยความทุ่มเทเสียสละ

คุณสมบัติที่ว่านี้ผมว่าหายากมากหรือแทบจะไม่มีเลยในบรรดาท่านผู้ทรงเกียรติที่กล่าวมา

ดังนั้น ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ไม่กี่ปีมานี้ พระเจ้าอยู่หัวทรงออก ส.ค.ส.เป็นรูปสุนัขหลายตัว คลับคล้ายคลับคลาจะทรงบรรยายด้วยว่า สี่ขาดีกว่าสองขา

ในโลกตะวันตก หมาได้รับความรักและยกย่องมาก นอกจากจะเป็นเพื่อนและเลี้ยงดูอย่างดีแล้ว หมาหลายตัวได้รับมรดกจากพินัยกรรมเป็นสิบเป็นร้อยล้านก็มี ตายแล้วหลายตัวก็มีอนุสาวรีย์

นักการเมืองที่ดีเด่นเป็นพิเศษ ก็มักจะได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นหมา เช่น วินสตัน เชอร์ชิลล์ ขวัญใจพันธมิตร อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้รับสมญาว่า บูลด็อก เป็นต้น

ยุคนี้โลกเสื่อม จึงมีนักการเมืองที่ทำให้หมาเสียชื่อ ได้แก่ผู้นำการเมืองรุ่น ประธานาธิบดี บุช จูเนียร์ทั้งหมด ถึงกับมีผู้เขียนหนังสือขายดีเอาบรรดาผู้นำแปลงรูปเป็นหมามาลงบนหน้าปกหนังสือชื่อ “ใครปล่อยหมาพวกนี้ออกมา”

นายกฯ แบลร์ของอังกฤษก็โดนลูกหลงไปด้วย ถูกค่อนขอดว่าเป็นหมาบนตักหรือแลบด็อก หรือไม่ก็ พูเดิ้ลของบุช

มีนายกฯไทย 2 ท่านที่เปรียบตัวเองเป็นหมา คือ จอมพลสฤษดิ์ ที่สาบานจะซื่อสัตย์ต่อจอมพลป.เหมือนลูกหมา และพ.ต.ท.ทักษิณที่ออดอ้อนเหมือนหมาตอนที่ตกกระป๋องไปแล้ว

ในยุคที่ทักษิณเรืองอำนาจ ผมเขียน “เรื่องหมาๆ ของทักษิณ” หลายเรื่อง รวมทั้งเรื่อง “นายกฯ หมาๆ” 4 ภาคในบทความ 14 ตอน

ก่อนที่จะลงมือเขียนบทความนี้ ผมทำวิจัยและกลับไปอ่านหนังสืออีกหลายเล่ม โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสุนัขของพาฟโลฟ “Pavlov’s Dogs” เพื่อจะพิสูจน์ให้เห็นจริงว่านักการเมืองไทยเป็นหมาพันธุ์พิเศษของ Pavlov

วิจัยย่อยหยาบๆ อีกอันหนึ่ง ก็คือเปิดถาม www.google.com ว่ามี “การเมืองหมาๆ” อยู่ที่ไหนบ้าง ค้นพบในอันดับแรกเลย คือ writer.dek-d.com/ หรือเด็กดีดอทคอมนำเรื่องของผมไปเสนอครบถ้วนทั้ง 14 บท ใช้เสรีภาพ digital เต็มที่ ผมยินดี แต่ขอเรียนว่าเรื่องอื่นๆ ของผมก็ถูกฉกไปบ่อยๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย เช่น ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ของผมถูกบิดเบือนเผยแพร่เป็นปฏิญญาฟินแลนด์ จนกระทั่งผมจะติดคุก ซึ่งผมก็ยินดีเช่นเดียวกัน แต่จำเป็นต้องอุทธรณ์เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของสถาบันยุติธรรมในอนาคต

ท่านที่ต้องการอาจกลับไปอ่านการเมืองหมาๆ ของผมได้ที่writer.dek-d.com/หรือ ผจก.ออนไลน์ตั้งแต่ 6 ก.ย. 2547 ถึง 28 ก.ย. 2547 ประกอบด้วยเรื่องต่อไปนี้ 1. ประธานาธิบดีหมาๆ 2. นายกฯ หมาๆ 3. นายกฯ หมาๆ ภาค 2 4. นายกฯ หมาๆ ภาค 3 5. นายกฯ หมาๆ ภาค 4 6. หมาหัวเน่ากับสุนัขรับใช้อเมริกา 7. ศัพท์หมากับ “เมืองเดรัจฉาน” ภาค 1 8. ศัพท์หมากับเมืองเดรัจฉานภาค 2 9. อนุสาวรีย์หมา-อนุสาวรีย์คน 10. ใครปล่อยหมาพวกนี้เข้ามา 11. คำเตือนจักรวาล..ระวังหมาร้าย จะทำลายโลก 12. เมื่อพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสุนัข 13. จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน 14. หมาเฒ่าเจ้าปัญหา : ปัญญาการในสังคมไทย

ครับ ถ้าอยากอ่านการเมืองหมาๆ แบบไทยฉบับหน้าให้อร่อย อย่าลืมอ่านบทที่ 10 ใครปล่อยหมาพวกนี้เข้ามา และบทที่ 14 ล่วงหน้าดูก่อน

เชิญท่านผู้อ่านลองทายใครเอ่ย-พรรคไหนเอ่ยจากคติพจน์หมาๆ ข้างล่างนี้ด้วย

“If you pick up a starving dog and make him prosperous, he will not bite you; that is the principal difference between a dog and a man ถ้าคุณจับหมา (หิวลิ้น) ห้อยข้างถนนมาขุนจนมันอิ่มหนำ มันจะไม่มีวันกัดคุณเลย นี่คือข้อแตกต่างสำคัญ ระหว่างหมากับคน--Mark Twain”
กำลังโหลดความคิดเห็น