ผมบินจากสุวรรณภูมิ ศุกร์ 12 เย็น ถึงหาดใหญ่ทุ่มเศษ
นอกจากการเช็กอินที่ยิ้มแย้ม ผมว่าสถานที่ ระยะทางถึงประตูเข้าเครื่องบินไกลลิบ ซ้ำต้องขึ้นลงต่างชั้น ก่อนที่จะจบลงด้วยการขนย้ายด้วยรถ และการเดินขึ้นบันไดโลหะหักข้อศอกสูงมิใช่ย่อยไปเข้าเครื่อง ทำให้นักเดินทางอาชีพอย่างผมต้องสรุปว่านี่ ทั้งการท่าฯ และการบินไทยต่างก็ไร้มารยาทและขาดน้ำใจกับผู้โดยสาร สนามบินนี้ด้อยวัฒนธรรมการบินเสียจริงต่างกับเสน่ห์ลายครามและเอกลักษณ์ของดอนเมือง
ให้นึกถึงภาษิตฝรั่ง ว่าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ขอให้ด่ารัฐบาลเอาไว้ก่อน
ผมไม่อยากด่า แต่อดสงสารนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ที่ครูซาเล้งซึ่งผมว่าเคยขึ้นเครื่องบินต่างประเทศมาไม่กี่ครั้งมีอำนาจและวาจาสิทธิ์กว่านายกฯ เพราะแกบอกว่าบินไทยต้องย้ายภายในวันที่ 29 ก็ย้ายได้จริงๆ สาธุ
ท่านผู้ใหญ่ที่รักประชาธิปัตย์ยิ่ง มีลูกหลานใหญ่โตอยู่ในนั้น ส่งจดหมายส่วนตัว และข้อมูลโกงสุวรรณภูมิเพียบถึงนายกฯ ในเดือนแรก ปรากฏว่าหายต๋อม เดี๋ยวนี้ท่านบอกว่าสาปส่งประชาธิปัตย์แล้ว เพราะเห็นว่าไม่ต่างและอาจจะเลวและคอร์รัปชันพอกับพรรคอื่นๆ
นี่ดีที่ท่านยังไม่ว่า การตัดสินใจเรื่องสุวรรณภูมิเรื่องสำคัญอื่นๆ ของคมนาคมจะต้องใช้บ้านนายเนวินเป็นที่ประชุมประจำ
การบินไทยเป็นสายการบินภายในประเทศที่ดีที่สุดในโลก ถึงผมจะนั่งขั้นประหยัดก็สบายเท่าๆ ชั้นธุรกิจภายในยุโรป แต่บางครั้งพนักงานจะเคร่งครัดเกินไปเรื่องการใช้ห้องน้ำข้ามชั้นทั้งๆ ที่ใกล้ที่นั่ง
ยิ่งแก่ผมยิ่งฐานะต่ำลง เพราะเมื่อก่อนตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไปไหนก็นั่งชั้นหนึ่งตลอด เพราะได้ทำคุณให้กับสายการบินนานาชาติหลายสายรวมทั้งการบินไทยด้วย เดี๋ยวนี้แก่แล้วประโยชน์ก็น้อยลง อีกหน่อยก็ไม่ต่างกับขอนไม้ แต่ผมก็มีความสุขที่ได้นั่งไปกับคนส่วนใหญ่
เครื่องออกได้ไม่นาน ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ก็เดินมาตามหา ท่านอดีตประธานการบินไทยถามว่าพี่ทำไมไม่ไปนั่งข้างหน้า ผมบอกว่าดีแล้ว ช่วยเจ้าภาพเขาประหยัด
ผมนั่งคิดปัญหาปักษ์ใต้ไปตลอดทาง สองสามวันนี้สถานการณ์ลุกลามเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ผมได้อ่านข้อเสนอของพลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพ 4 และติดตามข่าวอยู่เสมอรู้สึกหนักใจแทนประชาชนในพื้นที่และรัฐบาล
อังกฤษมีปัญหาไอร์แลนด์เหนือคล้ายๆ กับปักษ์ใต้ของเรา ทั้งๆ ที่น่าจะเบากว่า เพราะเป็นความขัดแย้งของคนศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกาย คือโปรเตสแตนต์กับคาทอลิก ทั้งที่ประชาธิปไตยมีระบบพรรคการเมือง การกระจายอำนาจ การปกครองตนเองและ homerule อังกฤษเหนือเราหลายชั้น แต่กว่าจะลดความรุนแรงลงมาถึงระดับที่พอจะควบคุมได้ ก็ต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปี ทั้งๆ ที่เขาเป็นสังคมของความรู้ มีผู้นำที่ถ่อมตัวและรับผิดชอบจริงจังผู้นำของเรา เก่งแบบอวดดี หยิ่งว่าตนรู้เหนือคนอื่น และหูตึงเหมือนๆ กัน แต่ทักษิณหนักกว่าเพื่อน มีอหังการมากและเป็นผู้โหมกระพือไฟใต้ร่วมกับร.ต.อ.ปุระชัย ด้วยลัทธิตาต่อตาและวัฒนธรรมตำรวจไทย
ผมเคยเขียนเตือนเรื่อง “ระวังอย่าให้ใต้ลุกเป็นไฟ” “อย่าให้ชีวิตพี่น้องชาวใต้ถูกเหมือนราคายาง” “ไม่เข้าใจ เข้าไม่ถึง และไม่พัฒนา (3 ตอน)” และ 7 วิธีระงับเหตุก่อการร้าย” ทั้งหมดใน ผจก. แต่ไม่มีความหมายอะไร
ผมเคยยื่นบันทึกถึงทักษิณผ่านพลเอกชวลิต รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก่อนผมไปนอกและก่อนโศกนาฏกรรมกรือเซะ 2 เดือนเศษ ผมได้พูดถึงการป้องกันวินาศกรรมหรือการก่อการร้ายซ้ำ โดยทฤษฎีที่เน้นการวิเคราะห์สภาพภูมิศาสตร์หรือสถานที่เกิดเหตุ (spatial theories) และการวิเคราะห์วันเดือนปีและเวลาของการเกิดเหตุ (temporal theories)
การวิเคราะห์ “ความขลังของเวลาต่างๆ” ซึ่งมีมิติต่างกัน จะทำให้เข้าใจว่า ทำไมเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันมักจะเกิดในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ถ้าเราเข้าใจความขลังหรือความศักดิ์สิทธิ์ของวันตามลัทธิศาสนาได้ดี เราอาจจะป้องกันหรือบรรเทาความสูญเสียได้ในกรณีวันครบรอบ 60 ปีพอดีของเหตุการณ์กรือเซะ เป็นต้น
ถึงหาดใหญ่เวลาทุ่มเศษๆ เจ้าภาพเครือข่ายนิด้าคือ อนันต์ กาญจนสุวรรณ ครูอ้วน เจียรบุตร ปลัดประเสริฐ อาจารย์ระดับสูงพลังจักรวาลและอีกหลายๆ คน จัดแจงจะให้เราไปพูดที่วิทยาลัยวันศุกร์ในมหาวิทยาสงขลาฯ ทันที ดร.ชัยอนันต์จึงประท้วงว่า ข้าวเย็นก็ยังไม่ทันได้กินเลย
ชัยอนันต์พาผมหนีไปกินปลากระบอกไข่เย็น กับปูผัดผงกะหรี่ที่ร้านลือชื่อ “เจ็งง้วน” มุมถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 เจ๊เจ้าของร้านบอกว่าโชคดีที่มีที่นั่ง ตามธรรมดาร้านนี้ถ้าไม่ได้จองจะไม่ได้กิน ทั้งๆ ที่เป็นร้านเก่าไม่มีแอร์แต่อาหารอร่อย ปูผัดผงกะหรี่แห้งๆ ไม่เจิ่งน้ำและไม่หวานเหมือนปูผัดผงกะหรี่ทั่วไปอร่อยมาก
นี่ผมเผลอเล่าสไตล์ดร.ชัยอนันต์ไปแล้ว ความที่ชัยอนันต์เป็นคนรู้ที่กิน ทำให้เมียตำหนิผมว่าไม่เห็นพาลูกเมียไปกินเหมือนชัยอนันต์เลย ผมเป็นคนกินอะไรที่ไหนก็อร่อยหมด ไม่ว่าข้างถนนรนแคมหรือหาบเร่ ความรู้เรื่องที่กินอันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของชัยอนันต์และของเมืองไทยผมจึงไม่มี
ก่อนบินกลับบ้านบ่ายวันเสาร์ อาจารย์หมูหรือรัชนี กัลยาณคุณาวุฒิ อาจารย์ดีเด่นประจำปี มอ. ลูกศิษย์คนโปรด พาผมและชัยอนันต์ไปกินข้าวที่ร้าน “เนินขุมทอง” ใกล้สนามบิน กินเสร็จยังซื้อของให้เราหิ้วเป็นของฝากอีก คือ ข้าวต้มสามเหลี่ยมไส้หมูหยองไข่เค็มกับมะม่วงเบาที่ดร.ชัยอนันต์ถามหา ที่แท้ก็มะม่วงกะสอธรรมดาที่เขาเอามาดองเปรี้ยวหวานทานอร่อยนี่เอง
อาหารทุกจานที่อาจารย์หมูและอาจารย์ชัยอนันต์ช่วยกันสั่งอร่อยหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้มยำกุ้งข้นใส่กะทิสดและหน่อไม้ดองวันเดียว
ท่านผู้อ่านเห็นมั้ยครับ คนเราถ้าท้องอิ่ม และมีรสดีติดปาก ก็มักจะลืมการเมืองเรื่องแบกโลกกันได้ง่ายๆ
แต่ผมไม่ดอกครับ ผมจะเล่าในฉบับต่อๆ ไปว่าเราพูดอะไรบ้างที่วิทยาลัยวันศุกร์และเครือข่ายนิด้าหาดใหญ่ ที่มีคนจาก 3 จังหวัดภาคใต้และพัทลุงกับสตูลมาร่วมฟัง
แต่ในฉบับนี้ มีของฝากให้ท่านนายกฯ จากที่ประชุม อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวหาว่า ประชาธิปัตย์พอได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ลืมความโปร่งใส ซ่อนเร้นและแอบแฝงผลประโยชน์ งุบงิบปกปิด ไม่ชี้แจงปรึกษาประชาชนเรื่องแอบลงมติเซาเทิร์นซีบอร์ดสำหรับภาคใต้ ประชาชนหรือแม้แต่อาจารย์สิ่งแวดล้อมอย่างท่านผู้ถามต่างก็ถูกปิดหูปิดตาทั้งสิ้น
อนันต์ กาญจนสุวรรณ กับอาจารย์หมู ช่วยกันรวบรวมของฝากจากหาดใหญ่ให้นายกฯ อภิสิทธิ์
อ.หมูคงจะเห็นว่า คำบรรยายแต่ละคนว่าชอบหรือไม่ชอบอภิสิทธิ์ใช้ถ้อยคำรุนแรงเกินไป จึงไปรวบรวมเสียใหม่เป็นตาราง อย่างนักวิชาการ ดังนี้
ความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ ของแต่ละคน
องครักษ์พิทักษ์นายกฯ อย่าหาผมแซะทุกวันอีกนะครับ ผมจะช่วยท่านรักษานายกฯ ต่างหาก
นอกจากการเช็กอินที่ยิ้มแย้ม ผมว่าสถานที่ ระยะทางถึงประตูเข้าเครื่องบินไกลลิบ ซ้ำต้องขึ้นลงต่างชั้น ก่อนที่จะจบลงด้วยการขนย้ายด้วยรถ และการเดินขึ้นบันไดโลหะหักข้อศอกสูงมิใช่ย่อยไปเข้าเครื่อง ทำให้นักเดินทางอาชีพอย่างผมต้องสรุปว่านี่ ทั้งการท่าฯ และการบินไทยต่างก็ไร้มารยาทและขาดน้ำใจกับผู้โดยสาร สนามบินนี้ด้อยวัฒนธรรมการบินเสียจริงต่างกับเสน่ห์ลายครามและเอกลักษณ์ของดอนเมือง
ให้นึกถึงภาษิตฝรั่ง ว่าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ขอให้ด่ารัฐบาลเอาไว้ก่อน
ผมไม่อยากด่า แต่อดสงสารนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ที่ครูซาเล้งซึ่งผมว่าเคยขึ้นเครื่องบินต่างประเทศมาไม่กี่ครั้งมีอำนาจและวาจาสิทธิ์กว่านายกฯ เพราะแกบอกว่าบินไทยต้องย้ายภายในวันที่ 29 ก็ย้ายได้จริงๆ สาธุ
ท่านผู้ใหญ่ที่รักประชาธิปัตย์ยิ่ง มีลูกหลานใหญ่โตอยู่ในนั้น ส่งจดหมายส่วนตัว และข้อมูลโกงสุวรรณภูมิเพียบถึงนายกฯ ในเดือนแรก ปรากฏว่าหายต๋อม เดี๋ยวนี้ท่านบอกว่าสาปส่งประชาธิปัตย์แล้ว เพราะเห็นว่าไม่ต่างและอาจจะเลวและคอร์รัปชันพอกับพรรคอื่นๆ
นี่ดีที่ท่านยังไม่ว่า การตัดสินใจเรื่องสุวรรณภูมิเรื่องสำคัญอื่นๆ ของคมนาคมจะต้องใช้บ้านนายเนวินเป็นที่ประชุมประจำ
การบินไทยเป็นสายการบินภายในประเทศที่ดีที่สุดในโลก ถึงผมจะนั่งขั้นประหยัดก็สบายเท่าๆ ชั้นธุรกิจภายในยุโรป แต่บางครั้งพนักงานจะเคร่งครัดเกินไปเรื่องการใช้ห้องน้ำข้ามชั้นทั้งๆ ที่ใกล้ที่นั่ง
ยิ่งแก่ผมยิ่งฐานะต่ำลง เพราะเมื่อก่อนตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไปไหนก็นั่งชั้นหนึ่งตลอด เพราะได้ทำคุณให้กับสายการบินนานาชาติหลายสายรวมทั้งการบินไทยด้วย เดี๋ยวนี้แก่แล้วประโยชน์ก็น้อยลง อีกหน่อยก็ไม่ต่างกับขอนไม้ แต่ผมก็มีความสุขที่ได้นั่งไปกับคนส่วนใหญ่
เครื่องออกได้ไม่นาน ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ก็เดินมาตามหา ท่านอดีตประธานการบินไทยถามว่าพี่ทำไมไม่ไปนั่งข้างหน้า ผมบอกว่าดีแล้ว ช่วยเจ้าภาพเขาประหยัด
ผมนั่งคิดปัญหาปักษ์ใต้ไปตลอดทาง สองสามวันนี้สถานการณ์ลุกลามเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ผมได้อ่านข้อเสนอของพลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพ 4 และติดตามข่าวอยู่เสมอรู้สึกหนักใจแทนประชาชนในพื้นที่และรัฐบาล
อังกฤษมีปัญหาไอร์แลนด์เหนือคล้ายๆ กับปักษ์ใต้ของเรา ทั้งๆ ที่น่าจะเบากว่า เพราะเป็นความขัดแย้งของคนศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกาย คือโปรเตสแตนต์กับคาทอลิก ทั้งที่ประชาธิปไตยมีระบบพรรคการเมือง การกระจายอำนาจ การปกครองตนเองและ homerule อังกฤษเหนือเราหลายชั้น แต่กว่าจะลดความรุนแรงลงมาถึงระดับที่พอจะควบคุมได้ ก็ต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปี ทั้งๆ ที่เขาเป็นสังคมของความรู้ มีผู้นำที่ถ่อมตัวและรับผิดชอบจริงจังผู้นำของเรา เก่งแบบอวดดี หยิ่งว่าตนรู้เหนือคนอื่น และหูตึงเหมือนๆ กัน แต่ทักษิณหนักกว่าเพื่อน มีอหังการมากและเป็นผู้โหมกระพือไฟใต้ร่วมกับร.ต.อ.ปุระชัย ด้วยลัทธิตาต่อตาและวัฒนธรรมตำรวจไทย
ผมเคยเขียนเตือนเรื่อง “ระวังอย่าให้ใต้ลุกเป็นไฟ” “อย่าให้ชีวิตพี่น้องชาวใต้ถูกเหมือนราคายาง” “ไม่เข้าใจ เข้าไม่ถึง และไม่พัฒนา (3 ตอน)” และ 7 วิธีระงับเหตุก่อการร้าย” ทั้งหมดใน ผจก. แต่ไม่มีความหมายอะไร
ผมเคยยื่นบันทึกถึงทักษิณผ่านพลเอกชวลิต รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก่อนผมไปนอกและก่อนโศกนาฏกรรมกรือเซะ 2 เดือนเศษ ผมได้พูดถึงการป้องกันวินาศกรรมหรือการก่อการร้ายซ้ำ โดยทฤษฎีที่เน้นการวิเคราะห์สภาพภูมิศาสตร์หรือสถานที่เกิดเหตุ (spatial theories) และการวิเคราะห์วันเดือนปีและเวลาของการเกิดเหตุ (temporal theories)
การวิเคราะห์ “ความขลังของเวลาต่างๆ” ซึ่งมีมิติต่างกัน จะทำให้เข้าใจว่า ทำไมเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันมักจะเกิดในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ถ้าเราเข้าใจความขลังหรือความศักดิ์สิทธิ์ของวันตามลัทธิศาสนาได้ดี เราอาจจะป้องกันหรือบรรเทาความสูญเสียได้ในกรณีวันครบรอบ 60 ปีพอดีของเหตุการณ์กรือเซะ เป็นต้น
ถึงหาดใหญ่เวลาทุ่มเศษๆ เจ้าภาพเครือข่ายนิด้าคือ อนันต์ กาญจนสุวรรณ ครูอ้วน เจียรบุตร ปลัดประเสริฐ อาจารย์ระดับสูงพลังจักรวาลและอีกหลายๆ คน จัดแจงจะให้เราไปพูดที่วิทยาลัยวันศุกร์ในมหาวิทยาสงขลาฯ ทันที ดร.ชัยอนันต์จึงประท้วงว่า ข้าวเย็นก็ยังไม่ทันได้กินเลย
ชัยอนันต์พาผมหนีไปกินปลากระบอกไข่เย็น กับปูผัดผงกะหรี่ที่ร้านลือชื่อ “เจ็งง้วน” มุมถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 เจ๊เจ้าของร้านบอกว่าโชคดีที่มีที่นั่ง ตามธรรมดาร้านนี้ถ้าไม่ได้จองจะไม่ได้กิน ทั้งๆ ที่เป็นร้านเก่าไม่มีแอร์แต่อาหารอร่อย ปูผัดผงกะหรี่แห้งๆ ไม่เจิ่งน้ำและไม่หวานเหมือนปูผัดผงกะหรี่ทั่วไปอร่อยมาก
นี่ผมเผลอเล่าสไตล์ดร.ชัยอนันต์ไปแล้ว ความที่ชัยอนันต์เป็นคนรู้ที่กิน ทำให้เมียตำหนิผมว่าไม่เห็นพาลูกเมียไปกินเหมือนชัยอนันต์เลย ผมเป็นคนกินอะไรที่ไหนก็อร่อยหมด ไม่ว่าข้างถนนรนแคมหรือหาบเร่ ความรู้เรื่องที่กินอันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของชัยอนันต์และของเมืองไทยผมจึงไม่มี
ก่อนบินกลับบ้านบ่ายวันเสาร์ อาจารย์หมูหรือรัชนี กัลยาณคุณาวุฒิ อาจารย์ดีเด่นประจำปี มอ. ลูกศิษย์คนโปรด พาผมและชัยอนันต์ไปกินข้าวที่ร้าน “เนินขุมทอง” ใกล้สนามบิน กินเสร็จยังซื้อของให้เราหิ้วเป็นของฝากอีก คือ ข้าวต้มสามเหลี่ยมไส้หมูหยองไข่เค็มกับมะม่วงเบาที่ดร.ชัยอนันต์ถามหา ที่แท้ก็มะม่วงกะสอธรรมดาที่เขาเอามาดองเปรี้ยวหวานทานอร่อยนี่เอง
อาหารทุกจานที่อาจารย์หมูและอาจารย์ชัยอนันต์ช่วยกันสั่งอร่อยหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้มยำกุ้งข้นใส่กะทิสดและหน่อไม้ดองวันเดียว
ท่านผู้อ่านเห็นมั้ยครับ คนเราถ้าท้องอิ่ม และมีรสดีติดปาก ก็มักจะลืมการเมืองเรื่องแบกโลกกันได้ง่ายๆ
แต่ผมไม่ดอกครับ ผมจะเล่าในฉบับต่อๆ ไปว่าเราพูดอะไรบ้างที่วิทยาลัยวันศุกร์และเครือข่ายนิด้าหาดใหญ่ ที่มีคนจาก 3 จังหวัดภาคใต้และพัทลุงกับสตูลมาร่วมฟัง
แต่ในฉบับนี้ มีของฝากให้ท่านนายกฯ จากที่ประชุม อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวหาว่า ประชาธิปัตย์พอได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ลืมความโปร่งใส ซ่อนเร้นและแอบแฝงผลประโยชน์ งุบงิบปกปิด ไม่ชี้แจงปรึกษาประชาชนเรื่องแอบลงมติเซาเทิร์นซีบอร์ดสำหรับภาคใต้ ประชาชนหรือแม้แต่อาจารย์สิ่งแวดล้อมอย่างท่านผู้ถามต่างก็ถูกปิดหูปิดตาทั้งสิ้น
อนันต์ กาญจนสุวรรณ กับอาจารย์หมู ช่วยกันรวบรวมของฝากจากหาดใหญ่ให้นายกฯ อภิสิทธิ์
อ.หมูคงจะเห็นว่า คำบรรยายแต่ละคนว่าชอบหรือไม่ชอบอภิสิทธิ์ใช้ถ้อยคำรุนแรงเกินไป จึงไปรวบรวมเสียใหม่เป็นตาราง อย่างนักวิชาการ ดังนี้
ความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ ของแต่ละคน
คนที่ | ไม่ชอบอภิสิทธิ์ | ชอบอภิสิทธิ์ |
1 | - ตัดสินใจช้า - ใจไม่ถึง - ตัดสินใจไม่เด็ดขาด | - รูปหล่อ - พูดดี - สุภาพ |
2 | - อึมครึม - ไม่ชัดเจน - ซื้อเวลา | - สุภาพ - อดทน - เก็บความรู้สึกดี |
3 | - ไม่เด็ดขาด - วางลีลาแบบการเมืองรุ่นเก่า (ต้องทำดีรักษาความดีเหมือนเกลือรักษาความเค็ม) | - จริงจัง - ถูกต้อง |
4 | - ไม่ยึดหลักการ พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง - รมต.ร่วมรัฐบาลโกง ตัวเองทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ - ไปคบกับคนพาลแค่เพื่อให้ได้เป็นนายกฯ | - รูปหล่อ - พูดดี - ซื่อสัตย์ |
5 | - ยังไม่เด็ดขาด - ผลงานไม่ชัดเจน - ทำตามที่พูดยังไม่ได้ | - ประวัติไม่ด่างพร้อย (เป็นความหวัง) - ดูเป็นคนจริงใจ - มีความรู้ดี สุภาพ |
6 | - เป็นผู้นำที่เหมาะสม อยากให้เป็นผู้นำสากล | - อยู่พรรคประชาธิปัตย์ |
7 | - ยังทำการเมืองแบบผลประโยชน์ - ยังไม่สามารถจัดการปัญหาทางการเมืองได้ | - ภาวการณ์เป็นผู้นำ - บุคลิกส่วนตัว |
8 | - ไม่ชอบที่เอาไม้ผุมาสร้างบ้าน (พรรคภูมิใจไทยคบค้ากับพม่า) | - มีความรู้สึกที่คิดว่าดีและเก่ง |
9 | - ตัดสินใจช้า - ไม่เด็ดขาด | - เป็นคนหนุ่ม น่าจะมีความคิดกว้างไกล - เป็นคนมีการศึกษาดี -รากฐานทางสังคมดี |
10 | -ควรเป็นรัฐบาลเปิดเผย ไม่ปิดบัง เช่น โครงการเซาเทิร์นซีบอร์ดควรแถลงให้ประชาชนรู้ | - |
องครักษ์พิทักษ์นายกฯ อย่าหาผมแซะทุกวันอีกนะครับ ผมจะช่วยท่านรักษานายกฯ ต่างหาก