นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ประกาศกร้าว วันที่ 8 เมษายนนี้เป็น “วันปฏิวัติประชาชน” หลังจากนั้นคือเวลาของการเปลี่ยนแปลง ที่เขาลั่นจะเป็นผู้กำหนดการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเขาเอง
**รื้อทิ้งโครงสร้างอำนาจ การปกครอง และพระราชประเพณีแบบขุดรากถอนโคน
คือแนวคิดของนช.ทักษิณ และขบวนการคนเสื้อแดง ที่ส่งผ่านจากเวทีชุมนุมประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล จนเกิดกระแสความหวั่นไหว และแน่นอนย่อมเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากคนไทยส่วนใหญ่ ที่เห็นว่าประเทศกำลังถูกโจรเข้ามาปล้นอำนาจ
**จึงพร้อมจะออกมาเผชิญหน้าทุกรูปแบบกับกลุ่มเสื้อแดง ไม่ยอมให้ขบวนการ “โจรผีบุญยุคดิจิตอล”ใช้กำลังหักชิงเอาอำนาจไปได้โดยง่าย
แต่นักโทษหนีคดีอาญาคนนี้ และลิ่วล้อก็หาได้หยุดยั้งความคิดไม่ เตรียมการซ่องสุ่มกำลังพลที่คุยโวว่าจะให้คนนับล้าน ออกมาเผด็จศึกยึดอำนาจรัฐให้ได้ ไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเกิดความสูญเสียอย่างไร
**จนคาดคะเนว่าวันพุธที่ 8 เม.ย. ประเทศไทยจะหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง
เพราะฝ่ายเสื้อแดงออกแบบให้เกิดเหตุรุนแรงให้ถึงเลือดถึงเนื้อ ด้วยที่เชื่อว่าความรุนแรงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ และจะเร่งเกมให้จบเร็วได้ ซึ่งหากชุมนุมประท้วงกันแบบสงบ สันติ อหิงสา ผู้บงการคือนช.ทักษิณ คิดว่าเป็นเรื่องที่รอได้ไม่ และยังเปลื้องเงินในกระเป๋าอีกมาก แล้วโอกาสจะได้ชัยชนะยังไกลเกินเอื้อมถึง
แผนการเปิดเกมแรง ก็ให้กลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ยั่วยุเจ้าหน้าที่ และจัดหา “มือที่สาม” หรือ “มือที่มองไม่เห็น” ออกมาร่วมผสมโรงให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ที่ควบคุมสถานการณ์ โอกาสเกิดความรุนแรงมีขึ้นแน่
**ม็อบจะบาดเจ็บล้มตาย ฝ่ายเสื้อแดงก็จะนำไปขยายความเผยแพร่ประณาม รัฐบาลเข่นฆ่าประชาชน
แต่คนที่จะล้มตายในสมรภูมิสงครามชิงอำนาจครั้งนี้ ก็หนีไม่พ้นประชาชนที่นช.ทักษิณ ปลุกปั่นระดมเข้ามาเป็นเครื่องมือ ขณะที่นช.ทักษิณนั่งเฝ้าดูเหตุการณ์ และบัญชาการมาจากนอกประเทศ นช.ทักษิณจะโผล่หน้าออกมาก็ต่อเมื่อปฏิวัติประชาชนสำเร็จแล้ว นับศพกันไปเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
** แต่หากการปฏิวัติกลายเป็นกบฏ หรือการเคลื่อนไหวที่กำหนดเอาไว้จะยึดประเทศไทยก่อนวันสงกรานต์ล้มเหลว นช.ทักษิณก็ยังจะเดินแผนปั่นป่วนสร้างวิกฤติแก่ชาติบ้านเมืองต่อไป
โดยคาดว่า จะปลุกปั่นระดมพลพรรคของตนออกมาท้ารบอีกครั้ง ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
ทำไมถึงต้องกำหนดวันเวลาดังกล่าว คำตอบก็เพราะแผนยุทธวิธีและเงื่อนเวลาจะไปบรรจบกันอย่างพอดีในห้วงนั้น
กล่าวคือพฤษภาคม เป็นเดือนแห่งสัญลักษณ์การปฏิวัติประชาชน เมื่อปีพ.ศ.2535 ที่มีพลังประชาชนบริสุทธิ์ ออกมาด้วยสองมือเปล่าโค่นล้มการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ด้วยภาพความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีวันเลือนหายของการต่อสู้ขบวนการประชาชนปฏิวัติจากเหตุการณ์พฤษภา 35
**นช.ทักษิณ จึงหวังยืมภาพพฤษภา35 ที่ยังขลังใช้เป็นเครื่องมือในด้านจิตวิทยา สร้างอารมณ์การต่อสู้เพื่อแตกหักในยุทธศาสตร์ยึดอำนาจของเขา
ว่ากันว่า ก่อนการนัดพบในเดือนพฤษภา นช.ทักษิณ จะเดินหน้าสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นอีก ตามยุทธวิธีของนช.ทักษิณ ที่วางแผนสร้าง 3 วิกฤติ ให้เกิดขึ้นเพื่อทำให้สังคมไทยประสบปัญหาจนสุกงอม
ขณะนี้กับวิกฤติแรกคือ“วิกฤติศรัทธา” ได้ประสบความสำเร็จแล้ว หลังจากใส่ร้ายป้ายสีบุคคลสำคัญในวงการอำนาจ ไล่ลงมาตั้งแต่สถาบันองคมนตรี ตุลาการ กองทัพ และรัฐบาล สามารถฝังความเคืองแค้นชิงชังต่อบุคคลสำคัญอย่าง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รวมทั้งอีกหลายท่าน ที่ทำหน้าที่รับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทของพระเจ้าอยู่ เพื่อเป้าหมายเขียนภาพติดลบให้คนรอบวัง
**ล้างสมอง “คนเสื้อแดง”มีอคติต่อสถาบันกษัตริย์
แต่ขณะเดียวกัน ปาก นช.ทักษิณ ก็พร่ำบอกว่า จงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันกษัตริย์สุดชีวิต แท้จริงแล้วใครๆก็รู้ว่า มันพูดไม่จริง เพราะการมุ่งร้ายโจมตีองคมนตรี ก็เท่ากับตีกระทบชิ่งไปถึงองค์พระมหากษัตริย์
จึงพบว่า ขบวนการล้มสถาบันกษัตริย์ฮึกเหิมและกำเริบเสิบสานอย่างหนัก โดยการบงการของนช.ทักษิณนั่นเอง
**การจับกุมคนเสื้อแดงได้ที่ จ.ขอนแก่น ขณะแจกใบแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาชวนคนมาร่วมชุมนุม พร้อมกับมีข้อความกล่าวโจมตี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นหลักฐานชัดว่า นช.ทักษิณ กับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทุกระดับต้องการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ โดยอ้างการล้มอำมาตยาธิปไตยบังหน้า
หากล้มเหลวยึดอำนาจรัฐไม่ได้ในที่ 8 เม.ย.นี้ นช.ทักษิณ จะเดินแผนต่อไปอีกเพื่อสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองอีก 2 ด้าน ในยุทธวิธีที่กำหนดให้เกิดวิกฤติ 3 ด้าน
**นั่นคือสร้าง “วิกฤติเศรษฐกิจ”และ“วิกฤติการเมือง”
เดินเกมทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย ทั้งภายนอกและภายใน อันจะส่งผลให้เกิดผลกระทบซ้ำเติมไปในด้านเศรษฐกิจ เช่น การยุยงให้คนเสื้อแดงดาวกระจายไปก่อกวนบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ อย่าง คิงเพาเวอร์ เจริญโภคภัณฑ์ และธนาคารกรุงเทพ หรือ การปะทะกันของทหารเขมร กับทหารไทยที่แนวชายแดนเขาพระวิหาร ก็เชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ทำให้ไทยไร้เสถียรภาพ ด้านการลงทุน เพื่อสร้างความไม่แน่ใจแก่นักลทุนต่างชาติที่กำลังเข้ามาลงทุน
รวมทั้งการออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างหนัก ที่คาดว่าจะเป็นเนื้อหาหลักในการปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดงต่อไป
เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจก่อตัว นช.ทักษิณ ก็เชื่อว่า วิกฤติการเมืองก็จะเป็นสิ่งที่ติดตามมาอย่างแน่นอน รัฐบาลอภิสิทธิ์จะทำอะไรก็ไม่ได้รับการตอบสนอง เมื่อนั้นการจะเขี่ยรัฐบาลออกจากอำนาจเมื่อไรก็ทำได้ไม่ยาก
**ถ้าเกิด 3 วิกฤติขึ้นมา ทั้งวิกฤติศรัทธา วิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติการเมือง ผนวกเข้ากับอารมณ์ร่วมของการต่อสู้ที่ได้อารมณ์อย่างเหตุการณ์พฤษภา35 นช.ทักษิณ เชื่อว่า เขาจะได้กลับมายึดอำนาจประเทศทั้งหมด
** เขาจะเป็นผู้ผูกขาดการเปลี่ยนแปลง และเป็นคนกุมชะตากรรมประเทศ แต่เพียงผู้เดียว
**รื้อทิ้งโครงสร้างอำนาจ การปกครอง และพระราชประเพณีแบบขุดรากถอนโคน
คือแนวคิดของนช.ทักษิณ และขบวนการคนเสื้อแดง ที่ส่งผ่านจากเวทีชุมนุมประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล จนเกิดกระแสความหวั่นไหว และแน่นอนย่อมเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากคนไทยส่วนใหญ่ ที่เห็นว่าประเทศกำลังถูกโจรเข้ามาปล้นอำนาจ
**จึงพร้อมจะออกมาเผชิญหน้าทุกรูปแบบกับกลุ่มเสื้อแดง ไม่ยอมให้ขบวนการ “โจรผีบุญยุคดิจิตอล”ใช้กำลังหักชิงเอาอำนาจไปได้โดยง่าย
แต่นักโทษหนีคดีอาญาคนนี้ และลิ่วล้อก็หาได้หยุดยั้งความคิดไม่ เตรียมการซ่องสุ่มกำลังพลที่คุยโวว่าจะให้คนนับล้าน ออกมาเผด็จศึกยึดอำนาจรัฐให้ได้ ไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเกิดความสูญเสียอย่างไร
**จนคาดคะเนว่าวันพุธที่ 8 เม.ย. ประเทศไทยจะหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง
เพราะฝ่ายเสื้อแดงออกแบบให้เกิดเหตุรุนแรงให้ถึงเลือดถึงเนื้อ ด้วยที่เชื่อว่าความรุนแรงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ และจะเร่งเกมให้จบเร็วได้ ซึ่งหากชุมนุมประท้วงกันแบบสงบ สันติ อหิงสา ผู้บงการคือนช.ทักษิณ คิดว่าเป็นเรื่องที่รอได้ไม่ และยังเปลื้องเงินในกระเป๋าอีกมาก แล้วโอกาสจะได้ชัยชนะยังไกลเกินเอื้อมถึง
แผนการเปิดเกมแรง ก็ให้กลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ยั่วยุเจ้าหน้าที่ และจัดหา “มือที่สาม” หรือ “มือที่มองไม่เห็น” ออกมาร่วมผสมโรงให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ที่ควบคุมสถานการณ์ โอกาสเกิดความรุนแรงมีขึ้นแน่
**ม็อบจะบาดเจ็บล้มตาย ฝ่ายเสื้อแดงก็จะนำไปขยายความเผยแพร่ประณาม รัฐบาลเข่นฆ่าประชาชน
แต่คนที่จะล้มตายในสมรภูมิสงครามชิงอำนาจครั้งนี้ ก็หนีไม่พ้นประชาชนที่นช.ทักษิณ ปลุกปั่นระดมเข้ามาเป็นเครื่องมือ ขณะที่นช.ทักษิณนั่งเฝ้าดูเหตุการณ์ และบัญชาการมาจากนอกประเทศ นช.ทักษิณจะโผล่หน้าออกมาก็ต่อเมื่อปฏิวัติประชาชนสำเร็จแล้ว นับศพกันไปเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
** แต่หากการปฏิวัติกลายเป็นกบฏ หรือการเคลื่อนไหวที่กำหนดเอาไว้จะยึดประเทศไทยก่อนวันสงกรานต์ล้มเหลว นช.ทักษิณก็ยังจะเดินแผนปั่นป่วนสร้างวิกฤติแก่ชาติบ้านเมืองต่อไป
โดยคาดว่า จะปลุกปั่นระดมพลพรรคของตนออกมาท้ารบอีกครั้ง ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
ทำไมถึงต้องกำหนดวันเวลาดังกล่าว คำตอบก็เพราะแผนยุทธวิธีและเงื่อนเวลาจะไปบรรจบกันอย่างพอดีในห้วงนั้น
กล่าวคือพฤษภาคม เป็นเดือนแห่งสัญลักษณ์การปฏิวัติประชาชน เมื่อปีพ.ศ.2535 ที่มีพลังประชาชนบริสุทธิ์ ออกมาด้วยสองมือเปล่าโค่นล้มการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ด้วยภาพความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีวันเลือนหายของการต่อสู้ขบวนการประชาชนปฏิวัติจากเหตุการณ์พฤษภา 35
**นช.ทักษิณ จึงหวังยืมภาพพฤษภา35 ที่ยังขลังใช้เป็นเครื่องมือในด้านจิตวิทยา สร้างอารมณ์การต่อสู้เพื่อแตกหักในยุทธศาสตร์ยึดอำนาจของเขา
ว่ากันว่า ก่อนการนัดพบในเดือนพฤษภา นช.ทักษิณ จะเดินหน้าสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นอีก ตามยุทธวิธีของนช.ทักษิณ ที่วางแผนสร้าง 3 วิกฤติ ให้เกิดขึ้นเพื่อทำให้สังคมไทยประสบปัญหาจนสุกงอม
ขณะนี้กับวิกฤติแรกคือ“วิกฤติศรัทธา” ได้ประสบความสำเร็จแล้ว หลังจากใส่ร้ายป้ายสีบุคคลสำคัญในวงการอำนาจ ไล่ลงมาตั้งแต่สถาบันองคมนตรี ตุลาการ กองทัพ และรัฐบาล สามารถฝังความเคืองแค้นชิงชังต่อบุคคลสำคัญอย่าง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รวมทั้งอีกหลายท่าน ที่ทำหน้าที่รับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทของพระเจ้าอยู่ เพื่อเป้าหมายเขียนภาพติดลบให้คนรอบวัง
**ล้างสมอง “คนเสื้อแดง”มีอคติต่อสถาบันกษัตริย์
แต่ขณะเดียวกัน ปาก นช.ทักษิณ ก็พร่ำบอกว่า จงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันกษัตริย์สุดชีวิต แท้จริงแล้วใครๆก็รู้ว่า มันพูดไม่จริง เพราะการมุ่งร้ายโจมตีองคมนตรี ก็เท่ากับตีกระทบชิ่งไปถึงองค์พระมหากษัตริย์
จึงพบว่า ขบวนการล้มสถาบันกษัตริย์ฮึกเหิมและกำเริบเสิบสานอย่างหนัก โดยการบงการของนช.ทักษิณนั่นเอง
**การจับกุมคนเสื้อแดงได้ที่ จ.ขอนแก่น ขณะแจกใบแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาชวนคนมาร่วมชุมนุม พร้อมกับมีข้อความกล่าวโจมตี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นหลักฐานชัดว่า นช.ทักษิณ กับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทุกระดับต้องการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ โดยอ้างการล้มอำมาตยาธิปไตยบังหน้า
หากล้มเหลวยึดอำนาจรัฐไม่ได้ในที่ 8 เม.ย.นี้ นช.ทักษิณ จะเดินแผนต่อไปอีกเพื่อสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองอีก 2 ด้าน ในยุทธวิธีที่กำหนดให้เกิดวิกฤติ 3 ด้าน
**นั่นคือสร้าง “วิกฤติเศรษฐกิจ”และ“วิกฤติการเมือง”
เดินเกมทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย ทั้งภายนอกและภายใน อันจะส่งผลให้เกิดผลกระทบซ้ำเติมไปในด้านเศรษฐกิจ เช่น การยุยงให้คนเสื้อแดงดาวกระจายไปก่อกวนบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ อย่าง คิงเพาเวอร์ เจริญโภคภัณฑ์ และธนาคารกรุงเทพ หรือ การปะทะกันของทหารเขมร กับทหารไทยที่แนวชายแดนเขาพระวิหาร ก็เชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ทำให้ไทยไร้เสถียรภาพ ด้านการลงทุน เพื่อสร้างความไม่แน่ใจแก่นักลทุนต่างชาติที่กำลังเข้ามาลงทุน
รวมทั้งการออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างหนัก ที่คาดว่าจะเป็นเนื้อหาหลักในการปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดงต่อไป
เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจก่อตัว นช.ทักษิณ ก็เชื่อว่า วิกฤติการเมืองก็จะเป็นสิ่งที่ติดตามมาอย่างแน่นอน รัฐบาลอภิสิทธิ์จะทำอะไรก็ไม่ได้รับการตอบสนอง เมื่อนั้นการจะเขี่ยรัฐบาลออกจากอำนาจเมื่อไรก็ทำได้ไม่ยาก
**ถ้าเกิด 3 วิกฤติขึ้นมา ทั้งวิกฤติศรัทธา วิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติการเมือง ผนวกเข้ากับอารมณ์ร่วมของการต่อสู้ที่ได้อารมณ์อย่างเหตุการณ์พฤษภา35 นช.ทักษิณ เชื่อว่า เขาจะได้กลับมายึดอำนาจประเทศทั้งหมด
** เขาจะเป็นผู้ผูกขาดการเปลี่ยนแปลง และเป็นคนกุมชะตากรรมประเทศ แต่เพียงผู้เดียว