xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง"มาร์ค"โละทีมสอบ7ตุลาเลือด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-พันธมิตรฯบุกทำเนียบฯร้องนายกฯเปลี่ยนทีมสอบสวนคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ ระบุไม่มีความชอบธรรม เนื่องจากถูกกก.สิทธิฯ–ส.ว.ชี้มูลความผิด และเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของป.ป.ช. ยัน 30 มี.ค. พร้อมขึ้นโรงพักพร้อมรับทราบข้อกล่าวหา "มาร์ค"รับข้อเสนอไว้พิจารณา ด้าน"สุเทพ"ยันไม่มีปัญหาขัดแย้ง "สนธิ" ยินดีรับคำแนะนำโดยยึดประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก

เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้(10มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายเทิดภูมิ ใจดี นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ได้เดินทางมายื่นหนังสือ ของความเป็นธรรม และเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯได้ขอคัดค้านพนักงานสอบสวนที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ ในการสอบสวนเกี่ยวกับคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งหมด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 คือ

1. พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน 2. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งมีหน้าที่ ดูแลด้านการปฏิบัติการ 3.พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.ที่ดูแลรับผิดชอบตามแผนกรกฏา 48 4. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่อยู่ในการประชุมวางแผน ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล(ดอนเมือง) และกองบัญชาการตำรวจนครบาล 5. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และผู้บัญชาการเหตุการณ์ 6. พล.ต.ต.วิบูลย์ วังท่าไม้ รองผบช.น. และรองผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในวันที่ 6 ต.ค. 7. พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รอง ผบช.น. 8. พล.ต.ต.เอกรัฐ มีปรีชา รองผบ.ตร. 9. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ช.น. 10. พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณกุล ผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 11. พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รองผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งเป็นผู้ขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาใส่ประชาชน 12. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ที่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อาทิ ผู้ชุมนุมที่ขาขาดเพราะระเบิดปิงปองของตัวเอง 13. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ซึ่งซึ่งถูกฟ้องในคดีอาญา ที่แถลงข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า พบสารซีโฟร์ ที่เสื้อของน.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ แล 14. พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์

นายสุริยะใส กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นหนึ่งใน 21 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียก และ เราได้แจ้งไปแล้วว่า ในวันที่ 30 มี.ค. เวลา 09.00 น. ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกทั้ง 21 คน จะไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เป็นไปตามนั้น และวันนี้ ที่มาจะมาร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง และได้ทำสำเนาหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย เพื่อให้เปลี่ยนตัวทีมพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีความของพันธมิตรฯ ทั้งหมด โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 ซึ่งยังเป็นพนักงานสอบสวนชุดเดิม ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว

ที่สำคัญรายงานการสอบสวนกรณี เหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และอนุกรรมาธิการของวุฒิสภา ยืนยันตรงกันว่า พนักงานสอบสวนทั้ง 14 ท่าน เกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาชนในวันที่ 7 ตุลาฯ ฉะนั้นพันธมิตรฯเห็นว่า ถ้าจะปล่อยให้ทั้ง 14 ท่าน มีอำนาจหน้าที่ทำสำนวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับแกนนำพันธมิตรฯ เราเชื่อว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และจะทำให้การต่อสู้ในชั้นศาล เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของพวกตน ทำด้วยความยากลำบากมากขึ้น ฉะนั้นมาเพื่อวิงวอนนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนทั้ง 14 ท่านด้วย

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า การขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนนี้ไม่ใช่เพื่อเป็นการถ่วงเวลาของพนักงานสอบสวน เมื่อเปลี่ยนตัวแล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนปกติเหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังว่านายกฯ และรองนายกฯ จะให้ความสำคัญกับพันธมิตรฯ แค่ไหน นายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของท่าน ตนเข้าใจรัฐบาล ซึ่งต้องระมัดระวังข้อกล่าวหา เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะคดีความของพันธมิตรฯ ถูกหยิบไปเป็นประเด็นทางการเมือง จากฝ่าย นปช. ตลอดเวลา

"ผมอยากถามกลับไปทางนปช.ว่า คดีความที่คนเหล่านั้นไปบุกรุกก่อจลาจล ที่หน้าบ้านสี่เสา เกิดเหตุก่อนพันธมิตรฯ ชุมนุม ร่วมหนึ่งปี แต่วันนี้คดีไม่คืบหน้า ดำเนินการกับพันธมิตรฯได้ ขณะเดียวกันอยากให้ทางรัฐบาลชี้แจง ความคืบหน้าคดีความทั้งหมดของฝ่าย นปช.ด้วย ว่าถึงไหน อย่างไร ใช้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ต้องเป็นปัญหาอะไร ผมคิดว่า 21 คน ที่ถูกออกหมายเรียกยินดี และไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว ใช้สิทธิ์ทางศาล ทุกช่องทางที่เปิดให้" นายสุริยะใส กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่มีการเปลี่ยนตัว จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป นายสุริยะใส กล่าวว่า เรายกเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้ว่ากระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ไม่เป็นธรรมกับเรา ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ต้องกลับไปคิดว่าสุดท้าย ก็อาจจะเป็นคุณกับเราในแง่ของรูปคดีก็ได้ แต่ในทางการเมือง คิดว่ารัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ จะต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน เพราะการที่นายกฯ เข้ามา คำปราศรัยของท่านวันแรกหลังจากมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง คือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตอนนี้ถึงเวลาที่ท่านต้องพิสูจน์ในสิ่งที่ท่านพูดไว้ว่า ทำจริงหรือเปล่า โดยประชาชนเป็นคนตัดสิน

เมื่อถามว่า พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น ระบุว่าปฎิบัติตามเจ้าหน้าที่พนักงาน ฟังขึ้นหรือไม่ นายุสุริยะใส กล่าวว่า พล.ต.ต.อำนวย พูดสองฐานะ ถ้าพูดในฐานะพนักงานสอบสวนปกติธรรมดา มันก็น่าเชื่อถือ แต่ถ้าพูดในฐานะผู้ที่ถูก กรรมการสิทธิฯ ชี้มูล และ ส.ว.ชี้มูล และกำลังจะถูกป.ป.ช.ชี้มูลอีก มันน่าเชื่อถือหรือไม่ ฝากสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนไตร่ตรองด้วย ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เป็นการวางบรรทัดฐาน ในแง่การทำคดีความกับพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั่วไป ไม่ใช่แค่พันธมิตรฯ 21 คน เท่านั้น เพราะประชาชนบางคนถูกกลั่นแกล้งจากพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนก็ใช้หมายเรียก หมายจับ กลั่นแกล้งชาวบ้านก็มี เกิดบ่อยซ้ำซาก ถ้าเราวางบรรทัดฐาน แล้วทำให้ประเด็นนี้ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ

ในขณะที่ นายสำราญ รอดเพชร กล่าวเสริมว่า ขอย้ำว่าอันนี้เป็นคดีชุมนุมที่สภา วันที่ 7 ตุลาฯ ไม่ใช่ที่ทำเนียบรัฐบาล สื่อมวลชนที่ทำข่าว ก็เห็นว่าพันธมิตรฯ ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรง ไปชุมนุมเพื่อพูดจากันทางการเมือง และเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดแถลงนโยบายไว้ก่อนเท่านั้นเอง

"มาร์ค"รับพิจารณาข้อเสนอพธม.

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยื่นขอเปลี่ยนตัวชุดคณะสอบสวน 14 คน กรณีการบุกรุกยึดทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมพันธมิตรฯไม่ไปยื่นกับผบ.ตร. นายกฯกล่าว่า อาจเป็นเพราะตอนนั้นสื่อมาสัมภาษณ์ตนว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่พอใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ ตนก็บอกไปว่า ถ้าไม่พอใจก็มายื่นหนังสือถึงตนได้ เขาก็คงฟังจากข่าว แต่ทั้งนี้จะพิจารณาไปตามหลักเกณฑ์ซึ่งมีอยู่แล้ว การที่จะคัดค้านได้คือ คนๆนั้นมีส่วนได้เสีย กฎหมายมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว ไม่น่าจะใช้เวลาในการพิจารณานาน และจากที่ได้สอบถามทางกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยืนยันที่จะไปตามหมายเรียก เพราะฉะนั้น ก็ไม่กระทบกับสิ่งที่ดำเนินการตรงนั้น

ส่วนที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า เวลาดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดง ใช้เวลาไม่นาน ออกมาหมายจับทั้งที่ยังไม่รู้ตัว แต่คดีเสื้อเหลืองดูเหมือนไม่คืบหน้านั้น ถ้าไม่รู้ตัวจะจับได้ยังไง จับไปแล้วก็ต้องรู้ตัว

"กำลังดำเนินคดีอยู่ มีอะไรแตกต่างกันตรงไหน ไม่มีอะไรแตกต่างเลยครับ ผมก็โดนต่อว่า ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเสื้อเหลืองก็มาบอกว่าทำไม ดำเนินการกับเสื้อแดงช้า ฝ่ายเสื้อแดงก็บอกว่าดำเนินการกับเสื้อเหลืองช้า ก็ไปในมาตรฐานเดียวกัน แต่ถ้าบอกไม่รู้ตัวแล้วไปจับ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ" นายกรัฐมนตรีกล่าว

"สุเทพ"ยันไม่มีปัญหาขัดแย้ง"สนธิ"

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ถูกโจมตีจากพันธมิตรฯ เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับ ไม่โยกย้ายตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่า ในระบอบทักษิณ โดยเฉพาะพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. และยังให้ดูแลคดีเหตุการณ์สลายม็อบวันที่ 7 ต.ค. 51 ว่า ตนไม่เคยมีอะไรกับพันธมิตรฯ ตั้งแต่เริ่มต้น จนมาถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีอะไร และตนไม่ใช่เป็นคนที่มีปัญหากับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือเป็นใคร ตนก็มีหน้าที่ที่จะปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง โดยส่วนรวมเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นจะถูกใจคนบ้าง ไม่ถูกใจคนบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ

ส่วนเรื่องจะย้าย พล.ต.ต.อำนวย หรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการเรา ก็พิจารณาตามความเหมาะสม ดูว่าอยู่ตรงไหนจะเป็นประโยชน์กับราชการมากกว่ากัน และดูว่า การโยกย้ายแต่งตั้งนั้น ยังทำให้หน่วยงานนั้นทำงานได้ปกติ ผู้ปฏิบัติงานยังทำงานได้ปกติ ถือประโยชน์ทางราชการเป็นสำคัญ

เมื่อถามว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธิมิตรฯ พูดตอกย้ำหน้าสาธารณะชนหลายครั้งว่า รัฐบาลนี้อาจจะเจ๊ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไปจับมือกับนายเนวิน ชิดชอบ นายสุเทพ กล่าวว่า ขอกราบเรียนตรงนี้ว่า ตนไม่เคยมีปัญหากับคุณสนธิ

"ผมไม่เคยทำอะไรให้เขา และเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ผม ส่วนเรื่องพันธมิตรฯ ผมก็ให้ความเคารพในความคิดความเห็นของเขาในทางการเมืองกับประชาชนที่เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ และเอาใจช่วยมาตลอด ต้องเรียนตามตรง แต่ผมไม่ได้เข้าไปสนับสนุนอะไรกลุ่มพันธมิตรฯ และผมก็ไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรตามที่คุณสนธิพูด แต่ว่าให้ความนับถือในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนแขนงหนึ่ง เมื่อคุณสนธิตำหนิ ผมก็ได้มาสำรวจตัวเองว่า ผมทำอะไรบกพร่องอย่างนั้นหรือไม่ กรณีที่ตำรวจออกหมายเรียกกลุ่มพันธมิตรฯ 21 คนที่บุกทำเนียบฯ มันก็เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาสอบสวนมาตั้งนาน พอที่จะมีพยานหลักฐาน ตั้งข้อหาใครบ้าง เขาก็ออกหมายเรียกไป ผมคิดว่า ตำรวจก็ทำตามเนื้อผ้าแล้วนะครับ เมื่อก่อนมีข่าวว่าจะมีหมายจับด้วยซ้ำไป จริงๆแล้วเขาก็ทำตามปกติ ผมเองก็ทักท้วงว่า ต้องทำตามเกณฑ์ปกติ ไม่ใช่ว่าชอบใครไม่ชอบใครก็ทำเกินไปกว่าเหตุได้ ผมก็เห็นตำรวจทำตามปกติ และผมก็ไม่ได้มีเจตนาอะไร บางคนก็กล่าวหาว่า ไปจับพันธมิตรฯ เพราะถูกกดดัน ไม่ใช่เราทำตามเนื้อผ้า ถึงฝ่ายเสื้อแดงทำผิด ผมก็ต้องให้ตำรวจดำเนินการ" นายสุเทพ กล่าว และว่ารัฐบาลต้องอดทน หนักแน่นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากหลายๆฝ่าย เพราะตนมาทำงานเพื่อบ้านเมือง

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยกับนายสนธิ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ครับ เพราะผมก็ไม่เคยคุยอะไรกับเขามาก่อน

"ผมคิดว่าการที่คุณสนธิออกมาตำหนิผมคนเดียว ไม่ใช่เรื่องที่เขาไม่ชอบรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่เขาไม่ชอบผม และเขาก็อยากจะแนะนำ สั่งสอนผม ผมก็น้อมรับคำแนะนำสั่งสอน" นายสุเทพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น