xs
xsm
sm
md
lg

“ปรองดอง” เพื่อไทย เพื่อใคร ?

เผยแพร่:   โดย: ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

1. นับตั้งแต่ปี 2551 นาวารัฐประเทศไทย ที่บรรทุกผู้คนเต็มลำเรือ มากกว่า 60 ล้านคน ต้องเผชิญคลื่นลมมรสุมร้ายแรง 2 เรื่อง

(1) วิกฤติเศรษฐกิจ แม้วิกฤติครั้งนี้ประเทศไทยจะไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่เมื่อเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ก็ส่งผลต่อไปถึงยุโรป จีน แผ่ลามไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

หากเราพร้อมใจกันบริหารจัดการให้ดี ประเทศไทยก็น่าจะเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่หลุดพ้นมรสุม “เศรษฐกิจตกต่ำ” เพราะเราเป็นเรือเล็ก (ประเทศเล็ก) สามารถปรับตัว กลับตัว กลับลำ หันหัว ให้ลื่นไหลสอดรับกับสถานการณ์ได้ง่ายกว่าเรือใหญ่ (ประเทศใหญ่ๆ)

เรือใหญ่ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกา หรือประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป จะมีข้อจำกัดเรื่องกฎกติกาที่ต้องปฏิบัติ และมีความแตกต่างหลากหลายภายใน แต่ละรัฐ หรือแต่ละประเทศ เหมือนมีเรือเล็กๆ ผูกติด โยงกันเป็นสาย เป็นพวง หลายๆ ลำ จึงมีความคล่องตัวน้อยกว่าเรา จะขยับตัว กลับตัวที ก็ลำบาก เพราะติดกติกาของประชาคมยุโรป

อย่างไรก็ตาม เรือเล็กอย่างไทยเรา ก็อาจจะจมได้ ถ้าคนในเรือไม่ใช้ศักยภาพหรือจุดแข็งของการเป็นเรือเล็ก ที่มีความคล่องแคล่วว่องไว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคนในเรือตีกันเอง มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ หรือแม้แต่พยายามจะจมเรือ หรือขวางเรือ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของใครบางคน เมื่อนั้น นาวารัฐประเทศไทยก็อาจจะล่มจมลงไปในกระแสคลื่นวิกฤติเศรษฐกิจอย่างที่ไม่อาจกอบกู้กลับคืนขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น

(2) ความแตกแยก จากการแย่งชิงอำนาจของคน 2 ฝ่าย ที่ทุ่มเททรัพยากร เวลา กำลังสติปัญญา รวมทั้งงบประมาณเข้าห้ำหั่นกัน เพื่อจะได้เข้ายึดครองหางเสือเรือ

นายท้ายเรือแต่โบราณกาล ที่สืบทอดความรู้ความสามารถผ่านวงศ์วาน ก็กำลังถูกคนอีกฝ่ายหนึ่งพยายามทำให้เป็นเพียงสัญลักษณ์แม่ย่านางเรือ

นายท้ายเรือคนหนุ่ม วัยทำงานที่เพิ่งเข้ารับหน้าที่ แม้จะตะโกนบอกถึงภัยอันตรายในมรสุมเศรษฐกิจโลก และภัยความแตกแยก ด้วยการเน้น “การปฏิรูปการเมือง” ของไทยขึ้นมาใหม่ โดยให้ประชาคมที่ไม่มีส่วนได้เสีย หรือภาควิชาการ เข้ามาศึกษา ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อ “ปฏิรูปประเทศไทย” เพื่อให้นาวารัฐประเทศไทยสามารถเดินทาง ฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายในโลกสมัยใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

น่าเสียดาย ยังมีลูกเรือกลุ่มหนึ่งพยายามสู้ถวายตัวรับใช้นายท้ายเหลี่ยมจัดผู้เป็นอดีตไปแล้ว ทั้งๆ ที่ “เขาถีบหัวเรือส่ง” โจมตีให้ร้ายนาวารัฐประเทศไทยอย่างน่ารังเกียจ แต่ลูกเรือเสื้อแดงกลุ่มนี้ ก็ยังคงมองไม่เห็นว่า คนที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ ไม่ใช่นายท้ายหน้าเหลี่ยมที่หอบสมบัติหนีเอาตัวรอดไปแล้ว แต่เป็นคนไทยบนนาวารัฐประเทศไทยทุกคนที่ยังมีชะตากรรมร่วมกันต่างหาก

2. พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ตอกลิ่มให้เรือแตก

พรรคเพื่อไทยกำลังจะเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเข้าสู่สภา โดยใช้ชื่อว่า “ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ” เป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยม อาศัยชื่อที่สร้างสรรค์ แต่มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกรุนแรง และอาจเกิดวิกฤติประเทศเช่นปี 2551 ทำให้คนไทยมีสุขภาวะตกต่ำอีกครั้งหนึ่ง

ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื้อหา มาตรา 3 ระบุถึงขั้นว่า

“ให้นิรโทษกรรมให้แก่บุคคลที่มีความผิดตามกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือหลังวันที่ 19 กันยายน 2549 หรือบุคคลที่ได้รับผลร้ายจากองค์กรที่เกิดจากคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ในความผิดเกี่ยวกับ

(1) การต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดิน
(2) การต่อต้านการยึดอำนาจการปกครองประเทศ
(3) การปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
(4) การปฏิบัติหน้าที่ใน คตส.และการที่บุคคลหรือคณะบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจาก คตส.
(5) การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าระงับปราบปรามหรือสลายการชุมนุมของกลุ่มบุคคล ตาม (1) (2) ส่วน (6) การที่บุคคลหรือคณะบุคคลที่บริหารราชการแผ่นดินและตามประกาศ คปค.ฉบับ 30
ผู้ที่ได้รับนิรโทษกรรมตามวรรคหนึ่งให้รวมถึงผู้กระทำทั้งในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำหรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ หากการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายให้ผู้นั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดทั้งในทางอาญาและทางแพ่งและทางปกครอง หากผู้นั้นถูกตัดสิทธิทางการเมือง ให้คืนสิทธิทางการเมืองแก่ผู้นั้นด้วย”

พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีเจตนาส่วนลึก คือ ต้องการนิรโทษกรรม หรือชำระล้างความผิดให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร และพวก !

ทั้งในคดีที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ต้องรับโทษจำคุก คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี รวมไปถึงคดีอาญา คดีทุจริตโกงกินทั้งหลายที่ คตส. ดำเนินการไต่สวนมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น กรณีร่ำรวยผิดปกติ ซีทีเอ็กซ์ หวยบนดิน เงินกู้เอ็กซิมแบงก์ ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม กล้ายาง ฯลฯ ทั้งที่กำลังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม และที่กำลังอยู่ในชั้นศาล !

นี่จึงเป็นความพยายามที่จะทำลายล้าง ลบล้างคำพิพากษาของศาล และล้มล้างกระบวนการพิจารณาคดีของศาลอย่างโจ่งแจ้ง โดยใช้พวกมาก ผ่านลิ่วล้อและบริวารในสภาผู้แทนราษฎร


น่าสังเกตว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้ ถูกนำเสนอโดยพรรคฝ่ายค้าน แต่ยังอาจจะลากจูงสภาผู้แทนราษฎรไปได้ นั่นเป็นเพราะพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ต่างได้รับบ่วงกรรมจากการกระทำของตนเองและจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ยุติบทบาททางการเมือง 5 ปี ทั้งนายบรรหาร ศิลปอาชา กับลูกสาวลูกชาย นายเนวิน ชิดชอบ และคณะ รวมถึงลูกชายของหัวหน้าพรรค นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล และคนใกล้ตัวของเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

นี่จึงเป็นการใช้อำนาจเพื่อตนเองและพวกพ้องของนักการเมือง อย่างชนิดที่ไม่มีความละอายเป็นที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย !

เมื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่สภา ทั้งภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนา ก็มีแต่ได้กับได้ เพราะหากสามารถผ่านออกไปเป็นกฎหมายได้ พรรคพวกตนก็ได้ประโยชน์ด้วย หรือถ้าไม่ผ่าน พวกตนก็ยังได้อำนาจต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองต่อไป

ส่วนเพื่อไทย และ ระบอบทักษิณ ก็มีแต่ได้กับได้ เพราะถ้าพ.ร.บ.นี้ผ่าน ก็จะได้กลับมายึดครองนาวารัฐประเทศไทยอีกครั้ง แต่ถ้าไม่ผ่าน ก็ยังได้ตอกลิ่ม ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกแยก บาดหมางใจ


คนที่มีแต่เสียกับเสีย และต้องแบกรับภาระต้นทุนจากการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองในครั้งนี้ ก็คือ ประชาชนคนไทยทุกคน !

3. “ทักษิณ” กำลังจะไม่มีที่อยู่ที่ยืนในเวทีโลก

ยุทธวิธีที่ระบอบทักษิณเคยพยายามจะใช้ต่างชาติล้อมรัฐไทย ดูจะถึงทางตัน เพราะขณะนี้ ประเทศต่างๆ สาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาของตนเอง และยังมีทีท่าให้การยอมรับ ร่วมมือ คบค้าสมาคมกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยเห็นว่ามีความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่

ในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจโลกที่สวิสเซอร์แลนด์ก็ดี หรือในการประชุมอาเซียน และประชุมร่วมกับผู้นำประเทศใหญ่ๆ ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.พ. และเม.ย.ก็ดี ล้วนแต่เป็นสัญญาณดี ที่บ่งบอกถึงการตอบรับจากประชาคมโลก ในที่สุด จึงเกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับจากนานาประเทศ แสดงการไม่ยอมรับให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศของเขา เพื่อก่อกวนนาวารัฐประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ

บ่งบอกถึงความตีบตันของระบอบทักษิณ ในการจะกลับมาเป็นนายท้ายนาวารัฐประเทศไทยในอนาคต

4. เงินกำลังจะหมุนไป เศรษฐกิจกำลังจะหมุนมา

ปลายเดือนมี.ค. และต้นเม.ย. เป็นต้นไป งบประมาณแผ่นดินกำลังจะถูกอัดฉีดเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ เม็ดเงินที่นำเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายในครั้งนี้จะทำให้รากหญ้าได้รับผลประโยชน์เฉพาะหน้า “กงกรรม กงเกวียน” กำลังทำงาน

เพราะฉะนั้น ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งรัฐบาลใช้ทรัพยากรในหารแก้วิกฤติเศรษฐกิจมากเท่าใด ระบอบทักษิณก็จะยิ่งถูกลืม เพราะประชาชนจะได้เห็นว่า แม้ทักษิณไม่อยู่ ตนเองก็ยังสามารถได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาล (ไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นรัฐบาล)

5. เสื้อแดง คือสัญลักษณ์ของการเมืองระบบอุปถัมภ์

นับวัน การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงยิ่งเปลือยธาตุแท้ออกมาให้เห็นว่า อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของระบอบทักษิณ โดยเป็นเพียงกลไกเครื่องมือทางการเมืองของลิ่วล้อและบริวารของพลพรรคเพื่อไทย

นับวัน เสื้อแดงยิ่งถูกอดีตนายท้ายเรือหน้าเหลี่ยม ใช้เป็นเครื่องมือในการโทรศัพท์เข้ามาระบายอารมณ์ความรู้สึกคับแค้นใจส่วนตัว หยามเหยียดสถาบันสำคัญของนาวารัฐประเทศไทย และดิ้นรน ป่วนประเทศ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัว

การจัดเลี้ยงโต๊ะจีนล่าสุด ในเขตดอนเมือง ก็อาศัยพื้นที่ ส.ส.ของพรรค อ้างว่าโต๊ะจีน 1,000 โต๊ะ จะได้เงิน 10 ล้าน หวังสร้างภาพว่ามีการระดมทุนเพื่อเตรียมการชุมนุมเคลื่อนไหวในช่วงปลายเดือน ก.พ. ก่อนและระหว่างการประชุมอาเซียน ทั้งๆ ที่ การชุมนุมก่อนหน้านี้ เสื้อแดงไม่เคยแสดงให้ชัดเจนว่าเอาเงินมาจากไหน ใครจ่ายให้ และใครรับไปเท่าใด

ไม่แปลกใจที่คนสงสัยว่า การจัดงานแบบนี้ จะเป็นแค่การฟอกเงิน ที่ได้รับมาจากคนเหลี่ยมจัด หรือไม่

ก่อนจะถึงฝั่ง

แม้พันธมิตร จะประกาศชัดเจน ยืนยันหลายครั้งว่า ไม่ต้องการกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรม และยินดีขึ้นศาลตามกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง นับเป็นความสง่างาม ความใจถึงของพันธมิตรฯ ที่แสดงความจริงใจ และรับผิดชอบต่อสังคม ฉะนั้น การลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายที่มีเจตนาร้ายต่อสังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริงเท่านั้น ที่จะทำให้สังคมไทยมีความปรองดอง สมานฉันท์อย่างแท้จริง

วันนี้ คนไทย และสังคมไทยทุกภาคส่วน ทุกองคาพยพ จะต้องช่วยกันประคับประคองนาวารัฐประเทศไทย พาเรือไทยฟันฝ่ามรสุมร้ายแรง โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจและความแตกแยกภายในจากการแบ่งพวกในระบบอุปถัมภ์ให้จงได้

โจรสลัดหน้าเหลี่ยม พยายามจะฉวยโอกาสนี้ปล้นนาวารัฐประเทศไทย ยึดเรือไทย ใครจะยอม ?

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
กำลังโหลดความคิดเห็น