ผู้จัดการรายวัน - เผยหนี้สาธารณะเดือนกันยายน 2550 มียอดรวม 3.18 ล้านล้านบาท คิดเป็น 37.84% เพิ่มขึ้น 3,219 ล้านบาท ระบุสาเหตุสำคัญมาจากการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุล รวมทั้งการชำระคืนเงินกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้กองทุนฟื้นฟูอีก 4,550 ล้านบาท ด้านการบริหารหนี้เดือนตุลาคม 2550 ทั้งภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจมียอดปรับโครงสร้างหนี้รวม 13,800 ล้านบาท
สำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง รายงานยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีจำนวน 3,178,485 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.84 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) เพิ่มขึ้น 3,218.82 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,051,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,687.37 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 906,374 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.79 ของจีดีพี ลดลง 846.77 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 185,154 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.20 ของจีดีพี ลดลง 2,621.78 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 35,593 ล้านบาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าจำนวน 3,218.82 ล้านบาทนั้น ที่สำคัญเนื่องจากหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นจากการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 9,361 ล้านบาท และ 2,540 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งยังได้ดำเนินการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง (FIDF3) 4,550 ล้านบาท
ส่วนหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาล กู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 336 ล้านบาท ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินนั้นลดลง เนื่องจากการไถ่ถอนพันธบัตรและการชำระคืนต้นเงินกู้ นอกจากนี้ หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง เนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ชำระคืนหนี้ในตลาดซื้อคืนพันธบัตร
สำหรับหนี้สาธารณะ 3,178,485 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 413,321 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 และหนี้ในประเทศ 2,765,164 ล้านบาท หรือร้อยละ 87 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 2,811,664 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.46 และหนี้ระยะสั้น 366,821 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.54 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ด้านการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนตุลาคม 2550 นั้น ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจมียอดปรับโครงสร้างนี้รวม 13,800 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังรายงานการปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ สำหรับหนี้ในประเทศ ได้ปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนดในเดือน ต.ค. 10,000 ล้านบาท โดยทำการ Bridge Financing ด้วยการกู้เงินระยะสั้น 6,000 ล้านบาท สมทบกับเงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่ได้รับจากการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนด FIDF 1 จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อนำมาไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด ขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้รัฐวิสาหกิจนั้น การเคหะแห่งชาติและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้ทำการ Roll Over หนี้เดิมรวม 3,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้กู้เงินในประเทศโดยการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณวงเงิน 11,500 ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาล 11,000 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ 500 ล้านบาท และได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 5,692 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 362 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,331 ล้านบาท
สำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง รายงานยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีจำนวน 3,178,485 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.84 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) เพิ่มขึ้น 3,218.82 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,051,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,687.37 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 906,374 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.79 ของจีดีพี ลดลง 846.77 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 185,154 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.20 ของจีดีพี ลดลง 2,621.78 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 35,593 ล้านบาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าจำนวน 3,218.82 ล้านบาทนั้น ที่สำคัญเนื่องจากหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นจากการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 9,361 ล้านบาท และ 2,540 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งยังได้ดำเนินการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง (FIDF3) 4,550 ล้านบาท
ส่วนหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาล กู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 336 ล้านบาท ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินนั้นลดลง เนื่องจากการไถ่ถอนพันธบัตรและการชำระคืนต้นเงินกู้ นอกจากนี้ หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง เนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ชำระคืนหนี้ในตลาดซื้อคืนพันธบัตร
สำหรับหนี้สาธารณะ 3,178,485 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 413,321 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 และหนี้ในประเทศ 2,765,164 ล้านบาท หรือร้อยละ 87 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 2,811,664 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.46 และหนี้ระยะสั้น 366,821 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.54 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ด้านการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนตุลาคม 2550 นั้น ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจมียอดปรับโครงสร้างนี้รวม 13,800 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังรายงานการปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ สำหรับหนี้ในประเทศ ได้ปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนดในเดือน ต.ค. 10,000 ล้านบาท โดยทำการ Bridge Financing ด้วยการกู้เงินระยะสั้น 6,000 ล้านบาท สมทบกับเงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่ได้รับจากการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนด FIDF 1 จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อนำมาไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด ขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้รัฐวิสาหกิจนั้น การเคหะแห่งชาติและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้ทำการ Roll Over หนี้เดิมรวม 3,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้กู้เงินในประเทศโดยการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณวงเงิน 11,500 ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาล 11,000 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ 500 ล้านบาท และได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 5,692 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 362 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,331 ล้านบาท