xs
xsm
sm
md
lg

ฤดูฝนเพิ่งเริ่มต้น

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

ฝนหลงฤดูที่โปรยปรายลงมาในวันที่ล่วงเลยเข้าสู่กลางเดือนพฤศจิกายนต้นฤดูหนาว ชวนให้คิดถึง ‘ฝน’ อีกชนิดหนึ่ง

ฝนในความหมายที่เปรียบเปรยถึงการทุ่มหว่านเงินซื้อสิทธิ-ขายเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง

ฝนซึ่งตกทุกๆ ฤดูไม่เคยหลง ไม่ว่าฤดูไหนๆ จะร้อน ฝน หรือ หนาว เพียงเป็นฤดูกาลเลือกตั้งที่หมุนเวียนมาเท่านั้นก็จะโปรยปรายไม่ขาดสาย

จากหยาดน้ำเล็กๆ ตกเปาะแปะๆค่อยๆไล่ความหนักไปจนถึงพายุโหมกระหน่ำกลายเป็น ‘ฝนห่าใหญ่’ โดยที่ใช้เวลาไม่นานนัก

กระนั้น ช่วงเวลาสั้นๆแต่ผลของมันก็มักมีคนพบเห็นอยู่เสมอๆว่า สามารถพัดพาสิ่งปฏิกูลต่างๆ ชะล้างมูลสัตว์โดยเฉพาะสุกรให้ไหลบ่านำพาคนบางจำพวกได้มาอยู่รวมกันอย่างน่าทึ่ง

‘คนอะไร’ที่ว่านี้มีตั้งแต่พวกรับจ้างสมัคร ส.ส. สัมภเวสีทางการเมือง ที่เบียดบังนักการเมืองดีๆให้ตายไปจากความรู้สึกของประชาชน

ฝนที่ใครๆ ต่างตั้งข้อรังเกียจถึงความสกปรกโสมม แต่คนกลุ่มนี้ต่างเฝ้าถวิลหา ซึ่งก็มักเป็นกลุ่มคนแรกๆ ที่ได้สัมผัสกับสายฝนก่อนใคร

แค่พลันที่สนามเลือกตั้งเปิด วันเลือกตั้งใกล้มา พวกเขาก็พร้อมยืนอ้าปากรองรับน้ำฝนที่หล่นใส่อย่างคึกคัก บ้างมาก บ้างน้อยขึ้นอยู่กับเกรด

เกรดดีหนึ่งประเภทหนึ่งว่ากันไปหลัก 30-40 ล้าน ดีหนึ่งประเภทสองรองลงมา 10-20 ล้าน ประเภทดีน้อยราคาก็ถูกลงมาหน่อย

คนกลุ่มนี้ยังทำหน้าที่เป็นลม หอบนำฝนไปตกต่อไปในพื้นที่แห้งแล้งของตนเอง ผ่านกระบวนการที่รู้ๆกันอยู่ตามวงจรการเมืองท้องถิ่น แพร่กระจายออกไปครอบคลุมอย่างทั่วฟ้า

แม้วันนี้จะยังไม่มี ‘ฝนห่าใหญ่’ อาจเพราะ ฤดูกาลยังอีกยาวไกล แต่เท่าที่มีผู้พยากรณ์ไว้ ฝนเลือกตั้งเที่ยวนี้จะมีปริมาณน้ำที่มากเป็นประวัติการณ์

ดูๆ ไปก็เป็นเรื่องตลกร้าย ฝนปริมาณมากมายนี้เทียบไม่ได้เลยกับ ค่าใช้จ่ายของผู้สมัครที่กฎหมายระบุให้ใช้จ่ายในการเลือกตั้งได้ไม่เกินคนละ 1.5 ล้านบาท

คำนวณอย่างหยาบๆ ค่าใช้จ่าย ค่าป้าย ค่าแผ่นพับ โฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมเบี้ยใบ้รายทาง ต่อหัวเหมารวมคูณกับจำนวนผู้สมัครทั้งหมดทั่วประเทศของทุกพรรคการเมืองก็น่าจะไม่เกิน 5 พันล้านบาท

ทว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายจริงๆที่สำนักวิจัยหลายแห่งประเมินไว้เบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 2-40,000 ล้านบาท ส่วนเกินหมายถึงปริมาณน้ำฝนที่จะตก? อาจใช่ หรือ อาจไม่ใช่

ถามว่า เมฆฝนเหล่านี้พัดพามาจากทางทิศไหน อย่างไร เดากันไม่ยาก บ้างก็ว่ามาไกลจากลอนดอน บ้างก็ว่ามากลุ่มก้อนนายทุน นักธุรกิจ เหมือนเช่นเคย ซึ่งไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดล้วนจุดหมายเดียวกัน คือ ต่างหวังเก็บเกี่ยวพืชผลหลังหมดฤดูฝน

สิ่งที่เดาได้ยากกลับเป็นวิธีการที่บันดาลให้ฝนตกกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ต่างหาก

จากประสบการณ์และความสามานย์ที่เพาะสร้างมาอย่างยาวนานของคนกลุ่มนี้ย่อมสามารถคิดค้นหาวิธีที่แยบยลมากขึ้นกว่าอดีต

ประเภทตกซื่อๆ หอบเงินสดใส่กล่อง เย็บแบงก์ร้อยเข้ากับแบงก์ยี่สิบเที่ยวแจกจ่ายใส่มือชาวบ้าน ซื้อโทรศัพท์ แจกรถกระบะให้หัวคะแนนนั้นโบราณเกินไป เสี่ยงเกินไป

ผู้มีอำนาจเงิน กำหนดฝนบนฟ้าได้ มีทางเลือกกระทำตั้งแต่วิธีง่ายๆ ผ่านตู้เอทีเอ็ม ผ่านบัตรเติมเงินมือถือ ยากขึ้น อาทิ ปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปั่นราคาพืชไร่ รวมไปถึงการให้ของสมนาคุณในรูปแบบที่คาดไม่ถึง ซึ่งกำลังถูกจับตามากขึ้นในขณะนี้

พวกเขากำลังจะพิสูจน์ว่า ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ใครล่ะจะห้ามได้?

เอาแค่ธุรกรรมที่ทำผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ แบบเห็นๆ ซื้อมาขายไปโดยเปิดเผย ไม่นับวิธีนอมินี หรือตัวแทน ก็ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซุกงำพิรุธได้อย่างมิดชิด ไร้ร่องรอยให้สืบเสาะ

องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต. )ทำอะไรกับวงจรอุบาทว์นี้ได้หรือไม่ ตรวจสอบได้แค่ไหน?

เป็นเรื่องเร็วเกินไปที่จะบอกว่า มีน้ำยาหรือไม่

หากใครเชื่อในตรรกะที่ว่า ธรรมชาติของคนไม่สุจริตยังไงก็ต้องเผยพิรุธ ความร่วมมือการตรวจการทุจริตเลือกตั้ง กกต.ขอความร่วมมือไปยัง ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งการให้แบงก์พาณิชย์ตรวจเข้มงวดบัญชีของเหล่านักการเมืองก็ดี

การขอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประสานตลาดหลักทรัพย์ฯและโบรกเกอร์จับตาการปั่นหุ้น รายงานบัญชีซื้อขายหุ้นของทุนการเมือง แล้วส่งคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สืบสาวก็ดี

ตลอดจนให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลงดาบตรวจสอบลงลึกไปจนถึงเส้นทางเงินที่ไม่ชอบ

หากพบคนผิด ฝนตั้งเค้าเริ่มจากพรรคใดก็ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบบัญชีพรรค ได้อย่างเร่งด่วนก็ดี..

นับเป็นสัญญานที่ดี อย่างน้อยดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

การเคลื่อนไหวใช้เครื่องไม้เครื่องมือเพื่อสลายเมฆหมอก พยายามห้ามฝนไม่ให้โปรยปรายที่ดูขึงขังจริงจังของรัฐเที่ยวนี้จึงน่าสนใจติดตามผลไม่น้อย

แต่หากไม่แล้ว...คนที่เชื่อว่า ต่อให้กกต.ร่วมกับองค์รัฐอื่นๆช่วยกันคลี่กางตาข่ายฟ้าถี่เพียงใด ยังไงๆ ยังจะมีเม็ดฝนตกเล็ดลอดตาข่ายได้อยู่ดี หนึ่งนั้น เพราะ ฝนเลือกตั้งกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมที่ไม่ปกติไปแล้ว

สอง ฝนเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่ฝ่ายนักการเมืองบางจำพวกที่ชั่วช้าเท่านั้นที่บันดาลให้ฝนตก หากคนที่ปล่อยให้ตกก็คือคนของรัฐที่ร่วมมือด้วย

คิดในมุมนี้ไม่ต้องรอให้กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือน พยากรณ์พร้อมพกร่มออกจากบ้านได้เลยล่วงหน้าว่า เมืองไทยยากจะหลีกเลี่ยงเปียกปอนชุ่มโชกไปด้วยฝนเลือกตั้งที่สกปรกอีกครา

ข้อสงสัยที่ต้องติดตามต่อก็เหลือเพียงว่า คนไทยจะเปียกมากเปียกน้อย สังคมเป็นหวัด ป่วยไข้แค่ไหน เท่านั้น...

ไม่นานจะได้รู้กัน


**ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่

http://weblog.manager.co.th/publichome/suwitcha67 หรือ อีเมล์ suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น