xs
xsm
sm
md
lg

"เคทีซี"โอดดอกเบี้ยขาขึ้นดันต้นทุนพุ่ง-ยอดค้างชำระเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – "เคทีซี" ชี้เศรษฐกิจไทยปีหน้าเติบโตไม่ต่างจากปีนี้ คาดเงินเฟ้อสูง ราคาน้ำมันแพงคงทำให้คนไทยจนลงเล็กน้อย ระบุปีหน้าอัตราผิดนัดชำระเตรียมขยับขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ด้านแบงก์กรุงศรีฯประเมินการแข่งขันของแบงก์พาณิชย์จะมุ่งเน้นธุรกิจรายย่อยมากขึ้น ส่วนพรบ.คุ้มครองเงินฝากไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล พร้อมตั้งเป้าปีหน้าธุรกิจรายย่อยเติบโต 15-20%

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะไม่แตกต่างจากปีนี้มากนัก เนื่องจากจะเห็นราคาน้ำมันที่แพงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้น ส่วนรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศนั้นจะเป็นแบบรัฐบาลผสม ซึ่งคงจะไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจมีการเติบโตที่รวดเร็วเหมือนช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะเป็นช่วงขาขึ้นแต่คงจะไม่ขยับขึ้นสูงมากนัก โดยทั้งปีน่าจะขยับขึ้นประมาณ 0.25-0.50% ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น การดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการให้ดีมากขึ้น เนื่องจากแหล่งที่มาของเงินอาจจะแตกต่างจากในปัจจุบัน

"เศรษฐกิจปีหน้าคงจะนิ่งๆคงโตไม่เร็ว บรรยากาศโดยรวมไม่ต่างจากปีนี้ รัฐบาลใหม่คงเป็นแบบรัฐบาลผสม การเติบโตที่พูดๆกันอยู่คงประมาณ 4% เงินเฟ้อก็จะสูงขึ้น ราคาน้ำมันแพง คงทำให้คนไทยจนลงนิดหน่อย ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะขึ้น ซึ่งการขยับขึ้นในส่วนของอินเตอร์แบงก์ทำให้ต้องดูแลแหล่งที่มาของเงิน ถ้าปล่อยกู้แล้วผลตอบแทนน้อยลงคงต้องไปหาทางอื่นมาแทน"นายนิวัตต์กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนั้นคงมีผลต่ออัตราการค้างชำระหนี้มากขึ้นแน่นอน โดยในปีหน้าคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1-0.2% โดยปัจจุบันอัตราการผิดนัดชำระของธุรกิจบัตรเครดิตของเคทีซีอยู่ที่ 3.0% เพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาเล็กน้อยซึ่งอยู่ 2.9% จากแนวโน้มดังกล่าวทางบริษัทได้มีการเตรียมการดูแลช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการยืดหยุ่นหรือผ่อนผันหนี้ รวมถึงจะต้องมีการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในอัตราที่สูงจนเกินการควบคุม

ส่วนเอ็นพีแอลของสินเชื่อบุคคลในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ในระดับที่เกินกว่า 7% จากปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า 7% แน่นอน และมีอัตราการอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ 25-27% เท่านั้นเนื่องจากบริษัทมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อบุคคลมากขึ้นโดยจะไม่อนุมัติให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทรวมถึงมีหนี้ต่อรายได้ในสัดส่วนที่สูงเกินไป ส่วนเอ็นพีแอลของบัตรเครดิตปัจจุบันอยู่ที่ 3% ปีหน้าจะสูงกว่า 3%เล็กน้อย และมีอัตราการอนุมัติอยู่ที่ 40-45% นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายระยะยาวว่าสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (ค่าธรรมเนียม) จะมีอัตราสูงกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% และรายได้จากอัตราดอกเบี้ย 60%

ด้านนายรอยย์ กุนารา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)หรือ BAY กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าคงจะมีการขยายตัวประมาณ 4.5-5.0% ซึ่งเป็นมุมมองทางเดียวกับที่มีหลายฝ่ายได้ออกมาคาดการณ์ไว้ ว่าจะมีการขยายตัวที่ไม่ได้รวดเร็วนักแต่โดยรวมจะดีกว่าในปีนี้เล็กน้อยหรือค่อนข้างจะทรงตัว และต้องมีการติดตามเศรษฐกิจของต่างประเทศอย่างใกล้ชิดด้วย

ส่วนการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์คงจะขยับมาในส่วนของธุรกิจรายย่อยกันมากขึ้น และเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้เป็นแบบครบวงจร ซึ่งในส่วนการเติบโตของธุรกิจรายย่อยของธนาคารคาดว่าจะมีการเติบโตที่สูงกว่าเศรษฐกิจไทยประมาณ 3-4% หรือประมาณ 15-20% ในส่วนของสินเชื่อบ้านจะยังคงมีการขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้

"เอ็นพีแอลจะอยู่ในทิศทางใดนั้นขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก หากเศรษฐกิจแย่ ก็จะทำให้เอ็นพีแอลขยับสูงขึ้น แต่หากเศรษฐกิจดีขึ้น ทุกอย่างก็จะดีขึ้น "

สำหรับ พรบ.คุ้มครองเงินฝาก นั้นมองว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นกังวลในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจาก พรบ.ดังกล่าวจะเป็นสิ่งปกป้องลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่จะช่วยพัฒนาธนาคารที่จะต้องมีภาพพจน์ที่ดีทั้งในเรื่องของผลประกอบการและการบริการซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มีความมั่นใจและมาใช้บริการ
กำลังโหลดความคิดเห็น