xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าทำจริงก็น่าจะทำได้

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

.
ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการฉีกรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งก็จะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในรูปแบบเก่าๆ ขึ้นอีก โดยพวกเก่าๆ ที่ว่างงานจะต้องมาเคลื่อนไหวกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพราะจะต้องมีพรรคการเมืองและนักการเมืองไม่ว่าเก่าหรือใหม่โผล่ขึ้นมาทำหน้าที่ทางการเมืองในนามของพรรคการเมือง ซึ่งส่วนมากจะเริ่มต้นเปิดตัวกันออกมาว่าการสมัครผู้แทนราษฎรหรือนักการเมืองของประชาชนจะเริ่มกันอีกครั้งแล้ว

ในความเคลื่อนไหวหรือการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ นอกจากประเทศไทยจะต้องคอยฟังเสียงโฆษณาและนโยบายเก่าๆ ที่ซ้ำซากของนักการเมืองที่ยังมีกำลังวังชาที่จะเข้ามาหากินทางการเมืองกันต่อไปอีก และอีกพวกหนึ่งก็คือพวกที่ต้องการเป็นนักการเมืองรายใหม่หรืออาจจะเรียกว่า พวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทางการเมืองของประเทศก็จะเสนอตัวเข้ามา ซึ่งเมื่อเข้ามาเป็นนักการเมืองแล้วจะมีไม่กี่คนที่สามารถจะเป็นนักการเมืองได้จริงๆ ส่วนมากจะล้มเหลว แต่เมื่อพูดตามความจริงแล้วนักการเมืองเหล่านี้จะไปรอดหรือไม่รอดก็เป็นเรื่องน่าสนใจทั้งสิ้น

เพราะเมืองไทยเราจะต้องอยู่กับคนเหล่านี้ ไม่มีทางเลือกอะไรอื่น

ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม

และคนไทยก็ยอมรับนักการเมืองพวกนี้วนเวียนไปมา ไม่ว่าเราจะมีการฉีกรัฐธรรมนูญกี่ครั้งกี่หนหรือเลือกตั้งกี่ครั้งกี่หน หรือจะจัดตั้งรัฐบาลกันกี่รัฐบาลก็ตาม

แต่อย่างไรก็ตาม เมืองไทยกับการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องขึ้นอยู่กับการเสี่ยง ไม่มีข้อโต้แย้งถกเถียงประการใด เราก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เราจะต้องเสี่ยงกันอยู่อย่างที่เราเคยเสี่ยงกันมาแล้ว

การเมืองยุคนี้เป็นการเมืองที่เล่นกันด้วยระบบพรรค รัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือฉบับไหนก็ตาม ถูกประกาศออกมาว่าจะมีการเลือกตั้ง สิ่งแรกที่คนไทยทุกคนจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าการเลือกตั้งซึ่งจะมีนักการเมืองในนามของพรรคการเมืองต่างๆ ที่สมัครเข้ามาให้ประชาชนเลือก

ทุกพรรคมีความสนใจชื่อของพรรคซึ่งจะต้องตั้งกันอย่างไพเราะเพราะพริ้ง หรือมีความหมายเกรียงไกรน่าเชื่อถือด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ แต่ตลอดเวลาที่เรามีนักการเมืองเข้ามาปกครองประเทศหลังจากวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มาแล้ว ยังไม่เคยมีพรรคการเมืองใดที่เป็นสาระแก่นสาร หรือเป็นพรรคที่ทำให้คนเชื่อถือได้หรือเคยทำประโยชน์อะไรให้แก่ประชาชนคนไทยของเราได้ อาจจะพูดได้ว่าทุกพรรคการเมืองที่มีขึ้นมา และได้ปกครองประเทศก็ทำหน้าที่ได้เพียงไม้กวาดสำหรับกวาดขยะที่สกปรกเท่านั้น แต่ที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในสิ่งที่ดีงามนั้นหาแทบไม่ได้เลย

สาเหตุอาจจะมากกว่าเพราะนักการเมืองในพรรคนั้นโง่เขลาหรือไม่เอาไหน การก้าวเข้ามาสู่วงการเมืองมีจุดประสงค์เพียงมาหาผลประโยชน์และชื่อเสียงเท่านั้น

บางพรรคอาจจะต้องการเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่มีปัญหาอยู่มาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปแก้ตรงไหนก่อน เพราะเห็นว่าทุกคนมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ ไม่มีอะไรจะต้องแก้อีก

บางคนนั้นอาจจะเตรียมแก้หรือรู้วิธีแก้ แต่ในทันทีที่เตรียมการหรือพอเป็นข่าวออกมาเท่านั้น พรรคตรงข้ามก็พยายามทำลายโดยการใส่ร้ายป้ายสีกล่าวหาให้เสียคนจนรัฐบาลบางพรรคอาจจะถูกคว่ำเสียก่อนที่จะทำอะไรได้

นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งในวงการเมืองไทย ไม่มีใครทำลายพรรคการเมืองหรือนักการเมืองด้วยกันจะต้องทำลายกันเองไปตามความพอใจของตน หรือเพราะความโง่ของตนเอง

ไม่มีใครหวังอะไรได้ในวงการการเมือง ไม่ว่าตัวพรรคการเมืองหรือนักการเมือง

นักการเมืองมีแต่ตัวขลังๆ ทั้งสิ้น แต่ไม่เคยมีใครสร้างประวัติของตัวเองว่าเคยทำอะไรให้แก่ประเทศชาติประชาชนในหลายๆ เรื่อง เฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ทุกวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นมีคนถามนายกรัฐมนตรีดูว่าอะไรมันเกิดขึ้นอย่างไร และจะทำอย่างไร ปรากฏว่าคำตอบซ้ำซากที่คนฟังทุกคนจำได้ก็คือว่า “ยังไม่ได้รับรายงาน!”

จนกระทั่งรัฐบาลเจ๊งก็ไม่เคยทำอะไรให้บ้านเมืองได้ นอกจากไม่ได้รับรายงานหรือขายสถาบันการเงิน 10 กว่าแห่งให้ฝรั่งไป!!

แต่นั่นแหละวันเดือนปีมันเปลี่ยนไป ความเฮงซวยมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่มันก็เปลี่ยนไปจริงๆ นั่นคือ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่คนไทยได้รู้ได้เห็นกันทั่วประเทศ นั่นคือข่าวของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่แสดงตัวออกมาอย่างสมบูรณ์ พร้อมด้วยแนวทางที่จะทำงานเพื่อคนไทยและชาติไทยที่นักการเมืองไทยหลายพวกหลายรุ่นไม่เคยมีใครพูดออกมาชัดๆ อย่างที่คุณอภิสิทธิ์แสดงออก แม้ว่าทุกพรรคทุกคนจะมีแนวนโยบายที่แน่ชัดก็เพียงแต่การประกาศออกมาเท่านั้น แต่สำหรับคนฟังหรือประชาชนแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่มีน้ำหนักอะไรมากนัก

การแสดงออกของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่กล่าวมานี้ หนังสือพิมพ์ “มติชน” พาดหัวข่าวยืนยันออกมาว่า

“ปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่จุดขายมาร์คโละทิ้งเศรษฐกิจคู่ขนาน”

รายละเอียดมีว่า

“ตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงฟื้น ปชต.แก้ปัญหาใต้ คนพรรคอื่นแห่ร่วมงาน” และ “ปชป.โหมโรงชูนโยบายพรรค เน้นเกษตรพร้อมดันรักษาฟรีที่คลินิก อภิสิทธิ์ประกาศวาระประชาชน 4 ด้าน ลั่นจะปฏิรูปการศึกษา สวัสดิการครั้งใหญ่ เมินทฤษฎีเศรษฐกิจคู่ขนาน ตั้งกองทุน ศก.พอเพียง เปรยอ้อยตันละพัน มันกก.ละ 2 บาท สนั่น-เสนาะ-สุวัจน์พร้อมเจ้าสัวซีพีร่วมโต๊ะจีน ปชป.สุเทพ เผยหาทุนให้พรรคได้ 427 ล้าน”

จากนั้นก็ให้รายละเอียดต่อไปว่า

“เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 กรกฎาคมที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก งานประชุมสามัญประจำปี 2549 ของพรรคประชาธิปัตย์ วันที่มีแกนนำพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค อดีต ส.ส. และประธานสาขาพรรคทั่วประเทศและผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมงานดังกล่าวอย่างคับคั่ง”

ทั้งนี้ ที่ประชุมเริ่มด้วยการสรุปผลการระดมความคิดเพื่อจัดทำนโยบายของพรรคในแต่ละด้านดังนี้

ด้านเศรษฐกิจสรุปได้ว่าพรรคควรให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาความยากจน โดยเฉพาะด้านการเกษตรที่ต้องจัดตั้งกระทรวงน้ำเพื่อรวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ

จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าเกษตรโดยเชื่อมโยงกับระบบรถไฟรางคู่ จัดตั้งโรงเรียนเกษตรกรรมแนวใหม่ รวมถึงการปรับปรุงหลักสูตรให้มีความรู้ใช้เทคโนโลยีแนวใหม่ ให้ทุนสำหรับการเริ่มต้นเมื่อนำไปประกอบอาชีพจริง ควรจัดให้มีการชลประทานร้อยเปอร์เซ็นต์ การปฏิรูปที่ดิน การจัดการหาตลาดรับรองสินค้าเกษตรแปรรูป

ข้อความเหล่านี้เป็นเพียงคำยืนยันสั้นๆ ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ค่อนข้างชัดแจ้งของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ฟังแล้วน่าชื่นใจสำหรับคนไทยที่มีนักการเมืองและพรรคการเมืองที่กล้าคิดและกล้าพูด และมองเห็นปัญหาที่สำคัญของชาติที่จะต้องแก้ไขกันจริงๆ จังๆ

แต่ก็น่าเป็นห่วงอย่างมากที่ความคิดและนโยบายที่จะแก้ปัญหาทุกปัญหาที่เผชิญหน้าคนไทยอยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายหรือทำด้วยนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียว เพราะปัญหาที่พูดทั้งหมดนั้นเมื่อรวมกันแล้วจะทำให้มองเห็นว่าเพียงคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและเพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถแก้ไขได้อย่างไร?

ปัญหาอยู่ที่ว่า

(1) ปัญหาที่สำคัญก็คือบ้านเมืองทุกวันนี้พลเมืองเพิ่มขึ้นจำนวนมากมาย การที่จะจัดการทำมาหากินให้แก่ประชาชนที่เพิ่มจำนวนขึ้นเหล่านี้จะทำอย่างไร?

(2) เมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรมจะต้องอาศัยน้ำ อาศัยดินฟ้าอากาศ และธรรมชาติเป็นตัวหลักในการที่จะช่วยให้ทำมาหากินได้ เรามีที่ดินที่เราจะสนองประชาชนที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้เพียงพอหรือไม่?

(3) เราจะต้องลงทุนหรือหาทุนมาสนับสนุนสักเท่าไรจึงเพียงพอ หรือโครงสร้างทั้งหมดที่เรายืนยันว่ามีความจำเป็นจะต้องทำนั้น เราจะหาทุนที่ไหนมาทำ?

ปัญหาต่างๆ เหล่านี้เป็นปัญหาตัวอย่างที่คุณอภิสิทธิ์อาจจะนำมาพูดได้ แต่ปัญหาที่จะทำให้ได้จริงๆ นั้นเราจะทำอย่างไร เฉพาะอย่างยิ่งปัญหาคนที่จะมาทำงานตามนโยบาย และโครงการต่างๆ นั้นเราจะเอาคนจากไหนมาเป็นผู้ดำเนินงานและจัดทำ เพราะถ้าเราใช้คนไทย ข้าราชการไทยหรือนักการเมืองทุกพรรครวมกันเราจะทำไม่ได้ เพราะเรามีปัญหาที่จะแก้ไขกันไม่ได้ นั่นคือปัญหาการคอร์รัปชันในบ้านเมืองของข้าราชการทุกระดับที่มีมาเกือบตลอดเวลา 100 ปีที่เรามีระบอบประชาธิปไตยหรือมีนักการเมืองขึ้นมามีอำนาจในการปกครองประเทศ เราจะใช้คนคอร์รัปชันไปแก้ไขปัญหาใดๆ ไม่ได้

นั่นคือปัญหาอันใหญ่หลวงอย่างยิ่ง

ก่อนที่เราจะคิดทำอะไรหรือจะแก้ปัญหาอะไรก็ตาม ปัญหาที่เราจะต้องแก้ไขกันก่อนก็คือปัญหาคอร์รัปชัน

ไม่ใช่เงินทองหรือทรัพย์สินที่ถูกปล้นสะดมไปเท่านั้น คอร์รัปชันที่ผมพูดนี้ผมหมายถึงความไม่รับผิดชอบต่อภารกิจที่ตนจะต้องรับผิดชอบ และพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกทั้งด้วยการฉ้อฉลและเหยียบย่ำกฎหมายอย่างที่ทำกันอยู่และปรากฏอยู่เป็นประจำด้วย

ปัญหาทุกปัญหาที่จำเป็นจะต้องแก้อย่างรีบด่วนที่คุณอภิสิทธิ์แถลงออกมานั้น ไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เป็นปัญหาดั้งเดิมที่ได้กระทำมาแล้วและยังคงกระทำอยู่อย่างเอาจริง นั่นคือโครงการหลวงต่างๆ 3,000 โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำเนินการมาแล้วเป็นเวลานาน และก็ขยายตัวไปทั่วประเทศ ในป่าดงพงเขา ในลุ่มน้ำที่แห้งแล้ง โดยเชื่อว่าในโครงการทั้ง 3,000 โครงการของพระองค์นั้น ไม่มีการคอร์รัปชัน ไม่มีลักเล็กขโมยน้อย ไม่มีการกระทำที่ไม่รับผิดชอบต่อนโยบายและโครงการ

เพราะในการประกาศนโยบายนี้ออกมา ผมอยากขอให้คุณอภิสิทธิ์ตอบปัญหาสำคัญต่างๆ ให้ได้เสียก่อนคือ

1. ท่ามกลางการคอร์รัปชันและคดโกงทุกหย่อมหญ้า คุณอภิสิทธิ์จะมีวิธีการอย่างไร เพราะถ้าแก้ปัญหาคอร์รัปชันไม่ได้ การแก้ปัญหาใดหรือการเตรียมโครงการอะไรขึ้นมาจะกระทำไม่ได้ นอกจากเป็นเหยื่อของการคดในข้องอในกระดูกของฝ่ายคอร์รัปชัน เพราะฉะนั้นคุณอภิสิทธิ์และที่ปรึกษาคณะกรรมการพรรคจะต้องคิดกันใหม่อีก ด้วยการศึกษาความเป็นไปได้อย่างละเอียดว่าอะไรบ้างจะสามารถทำได้ในทันทีหรือที่ทำไม่ได้ อาจจะช่วยให้ชีวิตทางการเมืองจะปลอดภัยกว่า

2. คุณอภิสิทธิ์อายุยังน้อย ยังจะต้องหาประสบการณ์ทางการเมืองต่อไปก่อนอีกสักพักหนึ่ง เฉพาะอย่างยิ่งก็คือปัญหาความยากจนของคนไทยทุกด้านว่ามันยากจนกันยังไง และเพราะอะไรการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนจึงเป็นปัญหาที่จะต้องคิดต้องศึกษากันให้ชัดเจนก่อนที่จะพูดอะไรออกมา!!
กำลังโหลดความคิดเห็น