xs
xsm
sm
md
lg

บันไดขั้นที่ 5 อย่าพลาดท่าเดี๋ยวบันไดหัก

เผยแพร่:   โดย: การุณ ใสงาม

.
การที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ออกมาเปิดเผยในการบรรยายพิเศษแก่ที่ประชุมใหญ่ของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า การทำงานที่ผ่านมาของ คมช. มีการวางแผนแบบเป็นขั้นเป็นตอนและเป็นระบบ

การดำเนินการกำลังบรรลุตามขั้นตอนที่ได้วางไว้ 4 ขั้นตอน

ขั้นที่ 1 การยุบพรรคจะต้องเกิดขึ้น

ขั้นที่ 2 คดีที่ผิดทางอาญาเรื่องการทุจริต การโกงกินการคอร์รัปชันกำลังจะปรากฏในสังคม

ขั้นที่ 3 พรรคจะเริ่มแตกและสมาชิกพรรคจะเริ่มวิ่งกระจัดกระจาย จนในที่สุดก็สิ้นสุดลง

ขั้นที่ 4 เรื่องคดีต่างๆ จะสิ้นสุดและนำไปสู่การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและมีการเลือกตั้ง

ฟังดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ พล.อ.สนธิกล่าวมาข้างต้น มีการขานรับในเรื่องนี้กันอย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ และนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ได้ออกมากำหนดวันเลือกตั้งว่าจะเป็นวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 แม้ว่าจะต้องมีการเลื่อนการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญเร็วขึ้นก็ตาม

การตอกย้ำแบบนี้เท่ากับการประกาศบอกกับคนทั่วไปและสังคมโลกคือ ประเทศไทยกำลังจะกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเร็วขึ้น และเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชนที่ต้องการยุติความขัดแย้ง อยากให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบเสียที

การสร้างบรรยากาศที่ดีแบบนี้เท่ากับเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน นักธุรกิจ เพื่อดึงความเชื่อมั่นกลับคืนมา

การที่ พล.อ.สนธิ กล้าประกาศอย่างนี้ ทำเอาคนรักทักษิณออกอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าถ้าอย่างนี้ทุกอย่างที่ผ่านมาก็เป็นไปตามใบสั่ง คมช.ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็นการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน รวมถึงการติดตามไล่อายัดทรัพย์ของทักษิณและครอบครัว ตามติดด้วยการออกหมายเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ และภรรยา รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาคดีปกปิดข้อมูลโครงสร้างหุ้นเอสซีแอสเสท

ผมกลับไม่คิดอย่างนั้นครับ เพราะการที่มีการตรวจสอบความถูกต้องของทรัพย์สินที่ทักษิณและครอบครัวมี เป็นกระบวนการพิสูจน์อย่างหนึ่งโดยใช้กระบวนการยุติธรรม และ คตส. ก็เพียงแค่อายัดทรัพย์ไว้ มิใช่การยึดทรัพย์

เพียงแต่คุณทักษิณและครอบครัวตอบ คตส. ได้ว่า ทรัพย์นี้ท่านได้แต่ใดมา ก็จบ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะเข้าข่ายที่ว่า โกงปวงประชาเขามาได้ ทรัพย์ก็ต้องตกเป็นของแผ่นดิน ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมครับ เพราะกฎหมายเองก็บอกว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณทักษิณกับครอบครัวทำก็เป็นไปตามหลัก กมฺมุนา วตฺตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

เหตุผลการยึดอำนาจ 4 ข้อของ คมช. ข้อที่ 2 ที่ระบุว่า การบริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง จะได้มีคำตอบเสียที

ตอนนี้ คมช. และรัฐบาลเริ่มเล่นบทบู๊แล้วครับ หลังจากปล่อยให้ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก. มาเล่นออกแขกแล้วหลายอาทิตย์

อาทิตย์ที่ผ่านมาเห็นตั้งท่าจะชุมนุมใหญ่บอกว่าจะเป็นการชุมนุมครั้งสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดแล้วเป็นไง แป้กอีกแล้วครับท่าน ไม่รู้จักจำเสียที บางคนโทษว่าเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ฝนฟ้าตกหนักพระพิรุณไม่เมตตา เลยทำให้ม็อบจุดไม่ติด

อย่าโทษอากาศเลยครับ ผมว่า พวก นปก. ต้องขอบคุณพระพิรุณด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นพวกคุณจะทำอย่างไรที่จะหาทางลงจากเวทีที่สนามหลวงได้ เรื่องที่จะพูดก็หมด เทปที่บอกว่าลับก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่สมค่าราคาคุยที่ให้ไว้เลย ดีเสียอีกที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างจำนวนมาก ทำเหมือนนายใหญ่หามาได้ อมไว้ 3 ส่วน จ่าย 1 ส่วนก็พอแล้ว ข่าวว่ามีบางคนยังไม่ได้รับค่าจ้างเลย อ้อ อย่าลืมจ่ายที่ตกเบิกไว้นะครับ

เอแบคโพลล์ก็มีผลสำรวจว่าประชาชน 70 กว่าเปอร์เซ็นต์เบื่อหน่ายม็อบพวกนี้มาก

ทำเอา คมช.และรัฐบาลสบายใจได้ว่า สุดท้ายก็ไม่มีอะไร พวกนี้เป็นแค่เพียงพวก NATO คือ No Action Talk Only ดีแต่พูดปฏิบัติไม่เข้าท่า ท่าดีทีเหลว แต่รัฐบาลเองก็ไม่ได้ดำรงตนอยู่ในความประมาท

เริ่มจากนายกรัฐมนตรีออกมาปราศรัยในทีวีพูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาลที่ผ่านมาก่อนวันที่จะมีการประกาศอายัดทรัพย์หนึ่งวัน ท่านนายกฯ สร้างความตระหนกตกใจแก่เหล่าพันธมิตรประชาชนทั่วไปว่า เกิดอะไรขึ้น ใช่ฤๅษีเลี้ยงเต่าตัวจริงหรือไม่

ล่าสุดวันอังคารที่ผ่านมา ครม.ยังมีมติอนุมัติในหลักการร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ...... ออกมาอีก มีทั้งหมด 39 มาตรา เป็นการเพิ่มอำนาจให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) เช่น ให้อำนาจเบ็ดเสร็จในการสั่งการดูแลสถานการณ์ที่เชื่อว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีอำนาจออกประกาศ คำสั่งตั้งแต่ตรวจค้นบุคคล เคหสถาน จับกุม คุมตัว ฯลฯ ที่สำคัญที่สุดคือมาตรา 37 ที่ระบุว่าเจ้าพนักงานและผู้มีอำนาจหน้าที่ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญาและทางวินัย

การออกกฎหมายแบบนี้สร้างความไม่สบายใจกับประชาชน ดูได้จากการพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ตอนเช้าบอกว่าเป็นกฎหมายติดหนวด เปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ไปถึงขั้นนั้นก็มี ขัดกับบรรยากาศที่ดูเหมือนว่าอะไรจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง

ทำเอานายกฯ ต้องรีบออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ดีกว่าเดิม คือเป็นกฎหมายด้านความมั่นคงที่อ่อนกว่าและมีระดับที่ต่ำกว่ากฎอัยการศึก และเป็นกฎหมายที่ต้องผ่านฝ่ายนิติบัญญัติ

การที่รัฐบาลและ คมช. มีการออกกฎหมายฉบับนี้ไม่ต่างอะไรกับ พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์เลยครับ

ความผิดทั้งหมดใน พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้มีบัญญัติไว้แล้วครบถ้วนในประมวลกฎหมายอาญา กบฏภายในราชอาณาจักร อั้งยี่ ซ่องโจร วางเพลิง ทำร้ายเข่นฆ่า ทำให้เสียหาย การก่อความไม่สงบ ฯลฯ และกฎหมายอื่นอีกมากมาย

พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินก็มี ความจริงถ้ามีเหตุการณ์ผิดปกติท่านสามารถใช้ พ.ร.ก.นี้ได้ และเป็นกฎหมายที่ออกในสมัยทักษิณ เคยได้ยินไหมครับ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง

อย่าลืมนะครับว่าอำนาจ คือกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เพื่อใช้ปกครองมนุษย์ด้วยกัน การปกครองคือการเอาอำนาจมาใช้บังคับมนุษย์ให้อยู่ด้วยกันให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข แล้วท่านทำเช่นนั้นหรือไม่

Lord Acton กล่าวว่า Power Corrupts Absolute Power Corrupts Absolutely “ที่ใดมีอำนาจที่นั่นมีการฉ้อฉล ที่ใดมีอำนาจเหลือล้น การฉ้อฉลย่อมมากสุดประมาณ”

ผมกลัวว่าบันไดขั้นที่ 5 ที่ พล.อ.สนธิจะเดินต่อไปจะไม่สง่างามก็เป็นได้ครับ


สุดท้าย ผมอยากให้ท่านผู้อ่านช่วยกันคิดว่าบันไดที่ว่านี้เดินขึ้นหรือเดินลงครับ

คิดออกช่วยบอก พล.อ.สนธิและ พล.อ.สุรยุทธ์ด้วย ถ้าคิดไม่ออกก็ช่วยกันถามด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น