“เสรีพิศุทธ์” ชี้คนวางระเบิดตู้โทรศัพท์เป็นพวกโรคจิตกวนเมือง ยันจับกุมได้จะไม่ไว้หน้า “จงรัก” ยอมรับหาหลักฐาน จับคนร้ายได้ยาก ยันไม่เกี่ยวคดียุบพรรค ขณะที่ “บุญสร้าง” ยันทหารไม่เกี่ยว ด้าน กทม.เดินหน้า ตรวจสอบตู้โทรศัพท์สาธารณะทั่วกรุงเทพฯ “บรรหาร” จี้ คมช.รัฐบาล ต้องรับผิดชอบ
วานนี้(8 พ.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.)เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่บริเวณซอยราชวิถี 24 เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน่าจะเป็นพวกกวนเมือง โรคจิต ส่วนระเบิดที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นพวกเด็กที่ฝึกมาใหม่เป็นผู้ประกอบระเบิดขึ้น สำหรับสถานที่ที่คนร้ายจะก่อเหตุนั้นคนร้ายสามารถทำตรงไหนก็ได้ อีกทั้งตอนนี้มีม็อบและกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนมาก ทำให้ตำรวจต้องมีการเฝ้าระวังจุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดเวลา ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้จำนวนมาก โดยตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบให้แก่ประชาชน แต่กับไม่ได้ทำเพราะต้องการดูเรื่องนี้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ได้คิดสนุกสนานเพื่อป่วนเมือง หากสามารถจับกุมได้จะไม่มีไว้หน้า ซึ่งตอนนี้ตำรวจพยายามตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดที่ผ่านมาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่ากลุ่มใดเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ แต่น่าจะเป็นพวกโรคจิต โดยทางตำรวจสันติบาล สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจและนครบาล พยายามหาข้อเท็จจริงและช่วยกันทำงานอยู่
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น. ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ.และ ผกก.พื้นที่ บก.น.1, 2, 5, 6, 7 ภายหลังกำหนดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษตั้งด่านตรวจเข้ม 12 จุด เส้นทางโดยรอบเขตพระราชฐาน
พล.ต.ท.จงรัก ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีลอบวางระเบิด เปิดเผยว่าจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนเชื่อมั่นว่า คนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย และต้องการก่อกวนให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมืองอย่างแน่นอน ซึ่งการจับกุมคนร้ายคดีลักษณะดังกล่าวนั้น ยอมรับว่า หาพยานหลักฐานในการจับกุมคนร้ายยาก เพราะผู้กระทำผิดมีการวางแผนไว้อย่างดี โดยตั้งเวลาให้เกิดระเบิด เพื่อจะได้มีเวลาในการหลบหนี แม้ขณะนี้พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำพยานไปแล้ว 6-7 ปากก็ตาม แต่ยังไม่สามารถโยงใยไปถึงตัวผู้กระทำความผิดได้ เพราะที่เกิดเหตุเป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก
พล.ต.ท.จงรัก ยังกล่าวถึงกรณี นายสวนิตย์ คงศิริ รมช.กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศถึงกรณีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ว่า เป็นการกระทำเพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญในการตัดสินคดียุบพรรค ว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนความคิดเห็นของแต่ละบุคคลนั้นอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนคงไม่นำประเด็นดังกล่าวเข้าไปพิจารณาในสอบสวนทางสำนวนคดีอย่างแน่นอน
“บุญสร้าง”ยันทหารไม่เกี่ยว
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพ่งเล็งดูแลพื้นที่ ที่เป็นสถานที่สำคัญและหน่วยทหารแล้ว เพราะผู้ที่ทำเรื่องนี้มักจะก่อเหตุในสถานที่สำคัญ เราต้องช่วยกันโดยเฉพาะประชาชนต้องช่วยกันดูแลสิ่งผิดปกติ เพื่อให้บ้านเมือง มีความสงบเรียบร้อย
ส่วนกรณีที่กลุ่มสถานีโทรทัศน์พีทีวี ระบุว่า เหตุดังกล่าวเป็นการกระทำของทหารนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงมองเช่นนั้น ทั้งนี้ ทหารโดยทั่วไปมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน แต่ทหารที่ไม่ดี ถึงจะมีอยู่บ้าง แต่มีจำนวนน้อย เพราะทหารได้รับการฝึกอบรมให้เสียสละ ทำดี ช่วยเหลือและปกป้องประเทศชาติ
กทม.ตรวจสอบตู้โทรศัพท์ทั่วกรุง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า กทม.จะเร่งติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV) ที่เคยสำรวจไว้ 1,370 ตัว พร้อมระบบเชื่อมโยงรวม 600 ล้านบาทโดยเป็นค่าจัดซื้อ CCTV 190 ล้านบาทที่เหลืออีก 400 กว่าล้านบาทเป็นค่าระบบเชื่อมโยง ซึ่ง กทม.จะเร่งติดตั้งกล้องให้เสร็จก่อนโดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นใน อย่างน้อยให้ติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 12 จุดจากที่ได้หารือไว้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เนื่องจากเป็นจุดล่อแหลม เสี่ยงต่อการเกิดเหตุ รวมทั้งสถานที่สำคัญ สะพาน ทางแยกที่สำคัญ สนามหลวง พื้นที่ประชาชนสัญจรผ่านเยอะ ทั้งนี้ ในช่วงในช่วงเฟสแรกจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนหากเป็นไปได้จะดำเนินการให้เร็วกว่านั้น ส่วนการเชื่อมโยงระบบอาจจะใช้เวลานานกว่านี้
“บรรหาร”จี้ คมช.-รัฐบาลรับผิดชอบ
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่าเหตุระเบิดที่ซอย ราชวิถี 24 เป็นเรื่องที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาล จะต้องดำเนินการ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ พร้อมกับแสดงความไม่เห็นด้วย ที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ออกมาตำหนิตำรวจอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่าตำรวจทำหน้าที่ อย่างเต็มที่แล้ว
“พล.อ.สพรั่ง มีความเห็นอย่างนั้น แต่ตำรวจสมัยนี้ผมเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เขาเอาใจใส่ ไม่เหมือนคนเก่า ผมว่ามันดีที่สุดแล้ว”
ปชป.ไม่เชื่อเกี่ยวคดียุบพรรค
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสวนิต รมช.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น น่าจะมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความตึกเครียดทางการเมือง และสร้างแรงกดดันต่อตุลาการรัฐธรรมนูญที่จะตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ว่า ตนไม่มีข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของใคร ในส่วนของ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่มีความคิดที่จะไปทำอะไรในลักษณะอย่างนั้น เพราะกระบวนการต่อสู้คดีนี้ เราถือหลักดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนในศาล ดังนั้น วิธีการนอกเหนือจากนี้ เราคงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปทำ เพราะมีประโยชน์อะไรที่ต้องไปทำ
วานนี้(8 พ.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.)เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่บริเวณซอยราชวิถี 24 เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน่าจะเป็นพวกกวนเมือง โรคจิต ส่วนระเบิดที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นพวกเด็กที่ฝึกมาใหม่เป็นผู้ประกอบระเบิดขึ้น สำหรับสถานที่ที่คนร้ายจะก่อเหตุนั้นคนร้ายสามารถทำตรงไหนก็ได้ อีกทั้งตอนนี้มีม็อบและกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนมาก ทำให้ตำรวจต้องมีการเฝ้าระวังจุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดเวลา ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้จำนวนมาก โดยตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบให้แก่ประชาชน แต่กับไม่ได้ทำเพราะต้องการดูเรื่องนี้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ได้คิดสนุกสนานเพื่อป่วนเมือง หากสามารถจับกุมได้จะไม่มีไว้หน้า ซึ่งตอนนี้ตำรวจพยายามตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดที่ผ่านมาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่ากลุ่มใดเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ แต่น่าจะเป็นพวกโรคจิต โดยทางตำรวจสันติบาล สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจและนครบาล พยายามหาข้อเท็จจริงและช่วยกันทำงานอยู่
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น. ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ.และ ผกก.พื้นที่ บก.น.1, 2, 5, 6, 7 ภายหลังกำหนดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษตั้งด่านตรวจเข้ม 12 จุด เส้นทางโดยรอบเขตพระราชฐาน
พล.ต.ท.จงรัก ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีลอบวางระเบิด เปิดเผยว่าจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนเชื่อมั่นว่า คนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย และต้องการก่อกวนให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมืองอย่างแน่นอน ซึ่งการจับกุมคนร้ายคดีลักษณะดังกล่าวนั้น ยอมรับว่า หาพยานหลักฐานในการจับกุมคนร้ายยาก เพราะผู้กระทำผิดมีการวางแผนไว้อย่างดี โดยตั้งเวลาให้เกิดระเบิด เพื่อจะได้มีเวลาในการหลบหนี แม้ขณะนี้พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำพยานไปแล้ว 6-7 ปากก็ตาม แต่ยังไม่สามารถโยงใยไปถึงตัวผู้กระทำความผิดได้ เพราะที่เกิดเหตุเป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก
พล.ต.ท.จงรัก ยังกล่าวถึงกรณี นายสวนิตย์ คงศิริ รมช.กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศถึงกรณีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ว่า เป็นการกระทำเพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญในการตัดสินคดียุบพรรค ว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนความคิดเห็นของแต่ละบุคคลนั้นอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนคงไม่นำประเด็นดังกล่าวเข้าไปพิจารณาในสอบสวนทางสำนวนคดีอย่างแน่นอน
“บุญสร้าง”ยันทหารไม่เกี่ยว
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพ่งเล็งดูแลพื้นที่ ที่เป็นสถานที่สำคัญและหน่วยทหารแล้ว เพราะผู้ที่ทำเรื่องนี้มักจะก่อเหตุในสถานที่สำคัญ เราต้องช่วยกันโดยเฉพาะประชาชนต้องช่วยกันดูแลสิ่งผิดปกติ เพื่อให้บ้านเมือง มีความสงบเรียบร้อย
ส่วนกรณีที่กลุ่มสถานีโทรทัศน์พีทีวี ระบุว่า เหตุดังกล่าวเป็นการกระทำของทหารนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงมองเช่นนั้น ทั้งนี้ ทหารโดยทั่วไปมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน แต่ทหารที่ไม่ดี ถึงจะมีอยู่บ้าง แต่มีจำนวนน้อย เพราะทหารได้รับการฝึกอบรมให้เสียสละ ทำดี ช่วยเหลือและปกป้องประเทศชาติ
กทม.ตรวจสอบตู้โทรศัพท์ทั่วกรุง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า กทม.จะเร่งติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV) ที่เคยสำรวจไว้ 1,370 ตัว พร้อมระบบเชื่อมโยงรวม 600 ล้านบาทโดยเป็นค่าจัดซื้อ CCTV 190 ล้านบาทที่เหลืออีก 400 กว่าล้านบาทเป็นค่าระบบเชื่อมโยง ซึ่ง กทม.จะเร่งติดตั้งกล้องให้เสร็จก่อนโดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นใน อย่างน้อยให้ติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 12 จุดจากที่ได้หารือไว้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เนื่องจากเป็นจุดล่อแหลม เสี่ยงต่อการเกิดเหตุ รวมทั้งสถานที่สำคัญ สะพาน ทางแยกที่สำคัญ สนามหลวง พื้นที่ประชาชนสัญจรผ่านเยอะ ทั้งนี้ ในช่วงในช่วงเฟสแรกจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนหากเป็นไปได้จะดำเนินการให้เร็วกว่านั้น ส่วนการเชื่อมโยงระบบอาจจะใช้เวลานานกว่านี้
“บรรหาร”จี้ คมช.-รัฐบาลรับผิดชอบ
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่าเหตุระเบิดที่ซอย ราชวิถี 24 เป็นเรื่องที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาล จะต้องดำเนินการ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ พร้อมกับแสดงความไม่เห็นด้วย ที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ออกมาตำหนิตำรวจอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่าตำรวจทำหน้าที่ อย่างเต็มที่แล้ว
“พล.อ.สพรั่ง มีความเห็นอย่างนั้น แต่ตำรวจสมัยนี้ผมเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เขาเอาใจใส่ ไม่เหมือนคนเก่า ผมว่ามันดีที่สุดแล้ว”
ปชป.ไม่เชื่อเกี่ยวคดียุบพรรค
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสวนิต รมช.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น น่าจะมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความตึกเครียดทางการเมือง และสร้างแรงกดดันต่อตุลาการรัฐธรรมนูญที่จะตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ว่า ตนไม่มีข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของใคร ในส่วนของ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่มีความคิดที่จะไปทำอะไรในลักษณะอย่างนั้น เพราะกระบวนการต่อสู้คดีนี้ เราถือหลักดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนในศาล ดังนั้น วิธีการนอกเหนือจากนี้ เราคงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปทำ เพราะมีประโยชน์อะไรที่ต้องไปทำ