xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิวัติต้องฆ่ารีบลงมือเร็วๆ เข้าเถอะ

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

.
ตกลงครับ รีบลงมือเร็วๆ เข้าเถอะไม่ว่าจะต้องยิงต้องฆ่าหรือต้องกระทืบก็น่าจะลงมืออย่าเอาแต่เพียงพูดเล่น น่าจะมีคนสรรเสริญยกย่องกันมาก ถ้ากระทืบให้เต็มเท้า!

แม้แต่เจ้านายหรือผู้บังเกิดเกล้าที่สร้างความยุ่งยาก และนิยมชมชอบที่ทำลายบ้านเมืองมานานถึง 5-6 ปี หรือจะเป็นใครก็ตามที่สร้างความยุ่งยากเอามันเลย

ไม่ว่าจะเป็นสนามหลวงหรือที่ไหน กระทืบดูเล่นสักหนสองหนมันก็เงียบ

มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับบ้านเมืองหรือสังคมไหนๆ สวะของบ้านเมืองทั้งสิ้น

ว่ากันว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองมันยุ่งมากไม่มีใครลุกขึ้นมาต่อสู้ความวิบัตินานาประการกันแล้ว ถ้าหากจะมีใครบ้างในตอนนี้ที่ลุกขึ้นมาแก้ไขก็รีบๆ ทำเข้าไปเถอะ ออกมาเสนอหน้าสักคนเถอะครับ ถ้าทำแล้วมีคนด่าก็ช่างมันเพราะจะดีกว่าไม่ทำแล้วคนด่า นั่นมันก็เรื่องของคน

เมืองไทยทุกวันนี้ ลูกผู้ชายแท้ๆ มันไม่มีเหลืออยู่แล้ว

ไม่ต้องเอาชนะเอาแพ้กันหรอก เอาให้พอมีความหวังบ้างก็พอ ผมเชื่อว่าน่าจะมีคนคัดค้านไม่กี่คน เฉพาะระยะนี้เป็นเทศกาลชุมนุมของสัตว์เลี้ยงนักปล้นชาติที่กำลังประสบความสำเร็จในการเห่าหอนตามประเพณีปฏิบัติ ตามข่าวกล่าวว่าการกระทำของเดียรัจฉานพวกนี้ต้องการจะทำลายและล้มรัฐบาลปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นคณะรัฐบาลสัพเพเหระที่ประเทศไทยผลิตขึ้นมาได้

ตอนนี้เป็นที่น่าเชื่อได้ว่ารัฐบาลนี้ ถึงเวลาที่จะต้องเจ๊งเรียบร้อยแล้วเพราะตอนนี้รู้สึกว่าความหวังและความเชื่อถือของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้มันสิ้นสุดลงไปแล้วหลังจากที่มีการเปิดเผยกิจกรรมของรัฐบาลชุดนี้ที่นำขบวนการนักคอร์รัปชันจากรัฐบาลก่อนที่กุมบังเหียน และแทรกเข้ามาอยู่ในคณะรัฐบาลชุดนี้ซึ่งไม่ประสีประสาทางการเมืองหรือการทุจริตคดโกงบ้านเมืองกำลังทำหน้าที่ป้องกันการทำผิดคิดร้ายต่อประเทศชาติของรัฐบาลมหาโจรที่ได้ทำแก่บ้านเมืองอย่างยับเยินมาแล้วในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือพากันปฏิวัติเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลกระสือพวกนั้น

หลายอาทิตย์มาแล้ว ผมได้รับจดหมายจากท่านผู้สนใจปัญหาบ้านเมืองหลายฉบับซึ่งมาถึงผมในรูปแบบต่างๆ หลายเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในบ้านเมืองทุกวันนี้และวันหน้า

เรื่องที่ผมไม่เชื่อว่าจะมีมาถึงผมคือเศษกระดาษหนังสือพิมพ์หน้า 16 ของไทยรัฐชิ้นหนึ่งถูกนำมายัดไว้ในกล่องรับจดหมายที่บ้านผม และเขียนหวัดๆ ที่ด้านบนของเศษหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นว่า “ช่วยอ่านเรื่องนี้หน่อยครับ แล้วช่วยเขียนถึงมันบ้าง เขียนยังไงก็แล้วแต่คุณ”

ข้อความทั้งหมดในหนังสือพิมพ์เพียงหน้าเดียวนั้น ก็เป็นข่าวทั่วไป ส่วนมากก็เป็นข่าวการเมืองซ้ำซากตามปกติของบ้านเมืองในยามที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากทางการเมืองที่ไร้สาระที่สุดที่คนไทยส่วนมากนำมาเล่นกันทุกวันในขณะนี้ ซึ่งคงไม่หนักหนาสาหัสอะไรนัก แต่นักอ่านขี้เล่นในหมู่บ้านที่ผมอยู่อาจจะนึกสนุกอะไรขึ้นมาสักอย่างหรือกลัวว่าผมไม่มีเรื่องที่จะเขียนถึงในระยะนี้ก็ได้ ก็เลยตัดข่าวส่งมาให้

หนังสือพิมพ์ที่ส่งมานั้น เป็นหน้า 16 ของ “ไทยรัฐ” ฉบับวันที่ 9 เมษายน 2550 นี้เอง เป็นข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ที่ว่ากันว่าเป็นลูกผู้ชายคนเดียวที่เป็นชายชาตรีกว่าลูกผู้ชายที่ไม่มีความเป็นผู้ชายอีกหลายคนในชาติไทยเวลานี้

“ไทยรัฐพาดหัวข่าวว่า สพรั่งระบุเมืองไทยกำลังเจอสึนามิ”

เนื้อข่าวมีว่า

“พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ว่า บ้านเมืองของเรากำลังเจอคล้ายๆคลื่นสึนามิ ถ้าหากคนดีไม่หันมาช่วยกัน คนดีต้องมีทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะมวลชนต้องเข้ามาช่วยกันตามหลักธรรมะแล้วเชื่อว่าต้องชนะอธรรม แต่วันนี้เราต้องดูว่าอะไรเป็นใหญ่ การต่อสู้ของเราแม้ว่าจะไม่ชนะ แต่ก็เหมือนกับพระมหาชนกที่ต้องใช้ความเพียรเป็นที่ตั้งเพราะเอาชนะสิ่งที่ไม่ดี เราต้องช่วยกันสรรเสริญการกระทำของคนดีโดยไม่ต้องไปเอ่ยชื่อเขาบ้านเมืองจะเกิดความเสียหายเหมือนนักเลงรุ่นโบราณ สองมือถือดาบคู่ฟันอย่างเดียวต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม เราเหมือนลูกหลานสมเด็จพระนเรศวรต้องช่วยกันกอบกู้บ้านเมือง” พล.อ.สพรั่ง กล่าว

“เมื่อถามว่า กลุ่มคนวันเสาร์ยังล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.สพรั่งตอบว่าในเบื้องต้น คมช. ไม่ได้ให้ความสนใจกับกลุ่มคนเหล่านี้มากนัก เหมือนกับหนามที่เกี่ยวขาก็เจ็บบ้างนิดๆ แต่บางสิ่งบางอย่าง ถ้ากล่าวจาบจ้วงสถาบันต้องตบปากมัน อย่าจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ถ้ามันด่าเราบ้างเราก็รับได้ ก็ไม่ต้องด่ารายวัน ด่าเราสิบวันแล้วเราเห็นว่ามันชักเหิมเกริม หลังๆ เราดูแล้วว่าอย่าไปเสียเวลากับมัน หันมาทำงานหลักๆ กันดีกว่า”

คำสัมภาษณ์นี้อาจจะฟังได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร หรือเป็นการพูดที่ไม่กล้าฟันธงลงไปตรงๆ ว่าจะทำยังไง ซึ่งไม่ใช่วิธีการของนักปฏิวัติทั่วโลกที่เคยเป็นมาหรือพูดง่ายๆ ก็คือไม่แน่ว่าจะเอายังไง จะทำอะไรเพื่อบ้านเมืองให้มันเห็นดำเห็นแดงกันไปก็ไม่ทำ ครั้นจะไม่ทำ แต่ก็เคยแสดงว่าเก่งและเอาจริงโดยลากรถถังออกมาแล้ว ปรากฏว่าคู่ต่อสู้ไม่ยอมหวาดเสียวอะไรนอกจากรวมตัวกันเพื่อต่อสู้หรือสมานฉันท์กันมาจนถึงบัดนี้ ซึ่งทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวลงอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

การปฏิวัติที่จะต้องมาแก้ปัญหาความชั่วร้ายในบ้านเมืองก็ทำไม่ได้ เพราะมาเสียเวลาทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้อยู่ มันไม่มีประโยชน์อะไรแก่ประเทศชาติประชาชนแม้แต่น้อย นอกจากเสียเวลา เสียเงิน เสียข้าวสุกกันไปวันๆ เท่านั้น

ไม่มีประโยชน์อะไรแก่ประเทศชาติประชาชน แต่ตรงข้ามมีแต่เรื่องยุ่งยากขึ้น

นี่อาจจะเป็นบทเรียนของนักปฏิวัติในอนาคต

การกระทำของรัฐบาลคณะปฏิวัติทั้งหมดไม่ใช่การปฏิวัติ แต่เป็นการกระทำที่คนไทยโบราณเรียกว่า “เล่นกับหมา หมาก็เลียปาก”

พฤติการณ์ของคณะปฏิวัติที่แสดงออกมาตลอดเวลาที่ขึ้นมาครองอำนาจแสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังเล่นกับหมาอยู่ โดยไม่เพียงแต่หมาเลียปากเท่านั้น แต่รัฐบาลเองก็พร้อมจะเลียปากหมาไปด้วย ซึ่งดูว่ามันทุเรศพอสมควรอยู่

เอากันว่าตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ที่ยกโขยงออกมาทำการปฏิวัติกันนั้น เป็นการเปิดกรงหมาออกมาเล่นกับหมาทำให้หมามันเลียปากมาเป็นแรมเดือนโดยไม่ได้ทำอะไรกัน

รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่ได้อำนาจมาโดยการปฏิวัติที่จำเป็นต้องปฏิวัติ และการปฏิวัตินั้นได้รับการรับรองจากประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่มีใครปฏิเสธที่จะยอมรับ แต่เมื่อได้อำนาจมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แทนที่จะใช้อำนาจนั้นอย่างการปฏิวัติต่างๆ ในโลกนี้กลับไปนั่งเลียปากหมาและให้หมาเลียปากเล่นกันอยู่

ในขณะเดียวกันประชาชนพลเมืองที่เต็มไปด้วยปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่รัฐบาลหมาเลียปากชุดนี้ไม่สามารถจะแก้ปัญหาอะไร แม้แต่คลื่นบนดินและคลื่นใต้น้ำกำลังโหมเล่นงานล้มรัฐบาลในขณะที่รัฐบาลเองเป็นฝ่ายกุมอำนาจ

มีบทโคลงในโลกนิติสอนเรื่องนี้ไว้ว่า “หมาใดตัวร้ายขบบาทา อย่ากัดตอบหมาเตะได้” ที่สอนการเล่นกับหมาเอาไว้โดยมีคนมาเปลี่ยนท้ายโคลงนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และพรรคพวกอาจจะต้องท่องจำโคลงบทนี้เอาไว้ใช้บ้าง เพราะสถานการณ์สึนามิแบบนี้วันหนึ่งอาจจะจำเป็นต้องใช้หรือจะรีบใช้วันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่น่าเกลียดประการใด นอกจากจะทำให้ชาติไทยปลอดภัยขึ้นมา

มันเป็นยุทธศาสตร์ยุทธวิธีไม่เปลี่ยนยุทธวิธีหรือไม่เปลี่ยนแนวคิดในด้านการปฏิวัติ ก็คงจะต้องผลัดกันเลียปากกันอยู่

แต่ก็นับว่าเป็นบุญของชาติไทยที่กำลังขาดลูกผู้ชายอย่างหนักที่ท่านนายพลคนนี้พูดออกมาซึ่งอาจจะไม่ชัดเจนนักว่าจะต้องทำอะไรต่อไป แต่มันก็ได้แสดงว่าคนไทยพอจะหวังพึ่งได้ในยามที่บ้านเมืองเกิดอาการวิกลจริตอยู่ในขณะนี้ ก็ยังมีคนที่พร้อมจะสู้หรือพร้อมที่จะล้างแผ่นดินของเราให้สะอาดขึ้นมาได้บ้างอย่างที่ท่านนายพลผู้นี้แสดงออกมาอย่างเปิดเผยว่าพร้อมที่จะตบปากมัน

ก็นับว่าสมควรและเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น แต่ถ้าหากจะใช้ภาษาชาวบ้านที่นิยมใช้กันในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองน่าจะถึงใจพระเดชพระคุณมากกว่า นั่นคือคำว่า ต้องกระทืบมันน่าจะมีความหมายงดงามกว่า

และนักพูดสวะที่จะต้องตบปากมันพวกนั้น ในประวัติชีวิตของพวกเขายังไม่มีรายละเอียดใดเลยที่ได้ประกอบกรรมดีอะไรไว้แก่ตัวเองหรือต่อสาธารณะ ถ้าจะพูดกันแล้วสัตว์เลี้ยงทางการเมืองพวกนี้เป็นแต่เพียงลูกหมาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอะไรแม้แต่รายเดียว เพียงแต่จะเริ่มเห่าเป็นบ้างเท่านั้น

และเพราะความเป็นสัตว์ที่พึ่งจะเริ่มเห่าเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าจะเอาเนื้อหาอะไรมาพูดมาเห่าให้คนฟังรู้ว่าเห่าด้วยเรื่องอะไร ความจริงที่กำลังพูดกำลังเห่านั้น มีความเชื่อถือได้แค่ไหน หรือเป็นผลประโยชน์ของใคร และบุคคลที่ตนพากันออกมาต่อสู้ปกป้องนั้นมันขนเงินของชาติเป็นหมื่นๆ ล้านบาท ออกไปนอนกอดเมียน้อยเมียหลวงอยู่ทั่วโลกไม่เพียงแต่จะกลับมาปกครองประเทศชาติไม่ได้นั้น เอามาให้เห็นเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังยังยากที่จะเป็นไปได้

6 เดือนที่ผ่านไป คณะรัฐบาลและคณะปฏิวัติอาจจะไม่มีความคิดไม่มีความรู้สึกว่ามันเป็นเวลานานมากสำหรับประเทศชาติ และประชาชนที่ต้องสูญเสียทุกอย่างไปโดยไร้ประโยชน์ทุกด้าน พร้อมกันนั้น ความขัดแย้งความยุ่งยากก็เพิ่มขึ้นทุกหนทุกแห่ง แต่วีรบุรุษของชาติที่ตัดสินใจเข้ามาทำการปฏิวัติรวบรวมนักคอร์รัปชัน และพรรคพวกที่มีแต่ขี้กับไส้มาร่วมกันเป็นคณะรัฐบาลเพื่อทำมาหากินกันอย่างสะดวกสบายนั้น ปรากฏว่าทำได้สำเร็จเพียงการพ่นน้ำลายออกมาจากปาก เพื่อแสวงหาประโยชน์เลี้ยงปากท้องไปวันๆ ในระยะเวลา 6 เดือนที่ว่านั้น เมื่อพูดถึงความเสียหายและความไร้ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิวัติรัฐประหารนั้นมันน้อยมากหรือเกือบไม่มีเอาเลย

แต่ก็นับว่าเป็นพฤติกรรมการปฏิวัติที่ดีอย่างยิ่งสำหรับนักปฏิวัติรุ่นหลังซึ่งภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงแล้วก็จะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อีกไม่กี่วันก็จะต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้งโดยนักปฏิวัติรุ่นใหม่กลุ่มใหม่ซึ่งก็จะได้แบบอย่างเอามาทำมาหากินอย่างนักปฏิวัติรุ่นนี้หรือรุ่นก่อนที่ทำบ้านเมืองฉิบหายมาในลักษณะต่างๆ กัน หรืออาจจะมีนักปฏิวัติที่มีความสามารถจะใช้สติปัญญาคิด และศึกษากันมาสำหรับทำการปฏิวัติ นักปฏิวัติเหล่านั้นอาจจะไม่ต้องปล่อยให้มีการคัดค้าน การเห่าหอนหรือการประกาศล้มล้างคณะปฏิวัติของตัวเองอย่างที่นักปฏิวัติคณะนี้ได้รับอยู่ อาการคลื่นเหียนของประชาชนก็จะได้ลดน้อยลง

และถ้าสามารถทำได้ก็สร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองว่า จะต้องปฏิวัติกันจริงๆ แล้วจะไม่ยอมหากินด้วยวิธีการสมานฉันท์หรือมัวแต่นั่งคอร์รัปชันอย่างที่เป็นกันอยู่

หรือว่าไงครับ ท่านพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ลงมือตอนนี้ก็น่าจะยังไม่สายน่าจะลองดูบ้าง!
กำลังโหลดความคิดเห็น