xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองไทยยังต้องอยู่ในวงจรชั่วร้ายต่อไป (1)

เผยแพร่:   โดย: ยอดธง ทับทิวไม้

เด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี จบการศึกษาจากญี่ปุ่น และได้ใช้เวลาว่างเข้ามาทำงานการเมืองชั้นประถมอยู่บริเวณชานเมืองหลายปี วันหนึ่งเขามาหาผมพร้อมกับครอบครัว เพื่อปรึกษาหารือกับผมว่าควรจะทำอย่างไรกับการเมืองที่เขากำลังลงไปคลุกคลีอยู่ในขณะนี้ เพราะอีกไม่นานก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหญ่ และมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะต้องมีสมาชิกพรรคได้รับเลือกตั้ง เพื่อทำหน้าที่จัดตั้งเป็นรัฐบาลถาวรของประเทศไปอีกไม่มีกำหนด หรืออย่างน้อยก็ 20 ปี ว่ากันอย่างนั้น

ตอนนี้ผมทราบว่าเขาได้รับเงินสำหรับการหาเสียงมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท เป็นเงินซึ่งมีการแจกจ่ายมาโดยผ่านตัวแทนของพรรค เงิน 20 ล้านบาทนั้น แน่นอนว่าเอามาใช้จ่ายเพื่อการเตรียมการเลือกตั้ง ส่วนที่ขาดเหลือนั้นอาจเป็นว่าเขาและครอบครัวจะต้องขนมาเพิ่มอีกให้พอ ซึ่งอาจจะต้องใช้มากกว่า 100 ล้านบาท เพราะเท่าที่เขามีประสบการณ์จากผู้สมัครในจังหวัดใกล้เคียงที่พลาดการได้รับเลือกตั้งมาแล้ว ที่ทุ่มเทไปถึง 120 ล้านบาท ก็ยังพลาด เขาจึงไม่แน่ใจว่ากรณีของเขาควรจะตัดสินใจอย่างไรดี?

ผมไม่ยอมคิดอะไรมาก นอกจากบอกว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น 20 ล้านบาทที่ได้มาเหมือนเศษกระดาษนั้น ก็ใช้แจกมันไปให้หมดเพื่อให้ประชาชนได้สนุกสนานกัน แต่การที่จะเหนื่อยยากไปหาเงินมาเพิ่มเติมเพื่อซื้อเสียงนั้นไม่ต้องทำ เพราะการเมืองไทยในอนาคตที่คุยฟุ้งกันอยู่ในขณะนี้ มันจะไม่มีอะไรเป็นไปตามความคาดหมายของท่านมหาบุรุษคนไหนในเมืองไทยขณะนี้แน่นอนในตำราโหราศาสตร์ของผม

ยุคของการเอาการเมืองมาหากินของนักการเมืองในยุคนี้ ที่มีมติและคำขวัญที่เสนอต่อประชาชนว่า การเมืองและนักการเมืองของเรานั้น จะต้องเป็นคนประเภทที่มี “สัจจะและกตัญญู” โดยไม่ยอมเอ่ยถึงหลักการอันยิ่งใหญ่ทางการเมือง อีกคำหนึ่งคือ “การคอร์รัปชัน” ซึ่งเป็นหัวใจที่แท้จริงของระบบ หรืออาจจะสรุปสั้นๆ ว่า การเมืองไทยที่ผ่านมา จะดำเนินต่อไปทั้งนักการเมือง และระบบการเมืองนั้น จะขึ้นอยู่กับหลักการ 3 อย่างคือ 1. มีสัจจะ 2. กตัญญู 3. คอร์รัปชัน และหลักการนี้ไม่ว่าจะตั้งพรรคใหม่อีก 108 ทางเลือก หรือจะลงทุน 30,000 ล้านบาท ตามที่นักวิชาการท่านหนึ่งกล่าวไว้ มันก็จะเปลี่ยนแปลงหลักการใดๆ ไปจากนี้ไม่ได้ เฉพาะอย่างยิ่ง การคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ยิ่งในทางโหราศาสตร์ที่ผมศึกษามา ผมขอยืนยันว่าการเมืองไทยต่อไปนี้จะยิ่งเลว และสกปรกชั่วช้าต่อไปอีกอย่างไม่มีทางแก้ไขได้

ผมหยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเล่าก็เพราะมันเกี่ยวข้องกับวิชาโหราศาสตร์ที่ผมยังใช้อยู่ เนื่องจากเด็กหนุ่มคนนี้ และการเมืองไทยขณะนี้ มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับผมที่ผมจะต้องรับผิดชอบคนคนหนึ่งซึ่งเกิดมาตามกำหนดเวลาทางโหราศาสตร์ไม่ให้ต้องตกไปเป็นเหยื่อของความชั่วร้ายของการเมืองในขณะนี้ และในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งไม่มีราคาค่างวดอะไรที่ควรจะต้องเสี่ยง

เพราะในตอนที่เด็กหนุ่มคนนี้เกิดขึ้นมาดูโลก โดยการผ่าตัดของแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยการวางฤกษ์ของผม โดยที่ผมไม่สามารถจะเลือกวันเวลาที่จะเอามาเป็นวันดีที่สุด หรือฤกษ์ยามที่ดีที่สุดได้ เพื่อนของผมคนหนึ่งซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของเด็กหนุ่มคนนี้มาคาดคั้นเอากับผมว่า “มึงต้องหาฤกษ์ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ลูกสาวกูกำลังเป็นไส้ติ่งอักเสบอยู่ด้วย และต้องเอาฤกษ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้”

ผมไม่มีทางเลือกนอกจากให้ฤกษ์ไปเท่าที่จะเกิดความเสียหายน้อยที่สุด ผมจำได้ว่าฤกษ์ที่ผมให้ไปคราวนั้น เป็นเวลากลางคืนประมาณ 03.00 น. คุณปู่ผู้โหดร้ายรายนั้นตะโกนใส่หน้าผมทันทีว่า “หมอที่ไหนวะเขาจะยอมมาผ่าให้ มันจะสว่างอยู่แล้ว”

ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ เพราะฤกษ์ไม่มี มันมีฤกษ์อยู่ตรงนั้นเท่าที่จะช่วยได้ ผมก็ตะโกนตอบไปว่า “พี่จะให้ผมทำยังไง ฤกษ์มันไม่มีแล้วก็มาบอกเอากะทันหันด้วย ทำไมจะไม่มีใครผ่าตัดให้ เงินพี่มีจะเอาสักกี่แสนก็ให้มันไปสิ”

ก็เป็นอันว่าตกลงตามนั้น!
ผมหนีหน้าคุณปู่เจ้าอารมณ์คนนั้นไปหลายวัน ต่อมาเมื่อไปพบหน้าเพื่อรับรางวัลค่าวางฤกษ์ เขาบอกว่า “ถ้าไม่ได้ฤกษ์มึงลูกสาวกูตายไปแล้ว ผ่าเอาเด็กออกไม่กี่นาทีเท่านั้น แม่มันก็ไส้ติ่งแตก จะต้องตายทั้งแม่ทั้งลูก”

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 40 กว่าปีมาแล้ว ผมเพิ่งมีโอกาสพบเด็กคนนั้นด้วยเรือนร่าง และทุกอย่างสมบูรณ์ เป็นนักการเมืองที่จะรอก้าวไปสู่วงการเมืองระดับชาติต่อไปอีก

แต่ผมก็เสียใจที่จำเป็นต้องห้ามในฐานะผู้มีส่วนทำให้เขาเกิดมาอีกคนหนึ่ง การที่จะยอมให้เขาต้องผิดหวัง หรือต้องเสียคนไปเพราะการเมืองที่สกปรก และกำลังจะล้มเหลวในระยะนี้ไม่ได้

เพราะภาพของความสับสนวุ่นวายทางเศรษฐกิจ การเมือง ศีลธรรมของประเทศไทยในระยะนี้ในการศึกษาของผมเห็นได้ชัด

นักโหราศาสตร์ไทยโดยมากมักไม่ค่อยสนใจการทำนายทายทักเรื่องราวของการเมืองมากนัก ผิดกับนักโหราศาสตร์ต่างประเทศ เฉพาะทางประเทศตะวันตก เขาจะพากันศึกษาและติดตามอย่างไม่ขาดระยะในทุกเรื่องที่น่ารู้น่าสนใจ

นักโหราศาสตร์ที่มีความรู้อย่างดี พยายามอย่างยิ่งที่จะยกระดับโหราศาสตร์ขึ้นมาเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ที่พอเชื่อกันได้ โดยวิธีการศึกษาวิจัยต่างๆ มากมาย

แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าโหราศาสตร์ไทยเรามีหลักวิชาการมากพออยู่แล้วทางด้านหลักการ เพียงแต่เราอาศัยการค้นคว้าของโหราศาสตร์ตะวันตกรุ่นใหม่ที่ค้นพบดาวเนปจูน พลูโต และมฤตยูเข้ามาช่วยเท่านั้น ก็ดูเหมือนจะมากเกินที่จะใช้ศึกษาโหราศาสตร์เกี่ยวกับบ้านเมืองและสิ่งแวดล้อม

ตลอดเวลาหลายปีที่ผมใช้มาจนกระทั่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับโหราศาสตร์เศรษฐกิจการเมืองขึ้นมานั้น ผมรวบหัวรวยหางเอาง่ายๆ นอกจากโครงสร้างของดวงชะตาบ้านเมืองแล้ว ดาวที่ผมนำมาใช้ก็เพียงมฤตยู เนปจูน และพลูโตเท่านั้น โดยที่เรามีดาวหรือเงามืดที่สำคัญอยู่ตัวหนึ่งคือ ราหู (8) เป็นดาวที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเมือง และเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงต่างๆ ในโลก

ราหูในโหราศาสตร์ไทย เมื่อโคจรไปสถิตในราศีไหนของดวงชะตา บอกว่าจะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้นในเรือนนั้น เฉพาะราหูที่โคจรเข้าไปสถิตในราศีทวารทั้ง 4 คือ ราศีเมษ ราศีกรกฎ ราศีตุล ราศีมังกร ราศีใดราศีหนึ่งในแต่ละราหูที่ราหูเข้าไปสถิตจะบอกให้ทราบได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อไร หลังจากที่มีดาวประกอบอื่นๆ รอคอยอยู่แล้ว

นั่นเป็นกฎเกณฑ์หลัก
และอาศัยดาวอีก 8 ดวงที่โคจรตามกำหนดที่โคจรอยู่ในราศีต่างๆ เป็นตัวประกอบ ที่จะบอกดีหรือร้ายให้ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น และราหูก็จะบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตามอิทธิพลของดาวนั้นๆ

ไม่เพียงแต่เด็กหนุ่มที่ผมวางฤกษ์เกิดในวันนั้นเท่านั้น แต่พรรคพวกเพื่อนฝูงและท่านผู้ที่ผมเคารพนับถือ ผมก็จะเตือนทำนองเดียวกันว่า อย่าไปยุ่งอะไรมากนักกับการเมืองไทยในระยะนี้ ในขณะที่ราหูสถิตในราศีเมษทับอาทิตย์และลัคนาเกิดของดวงเมือง หลังจากนั้นเมื่อถึงเดือนมีนาคม 2548 ราหูตัวนี้ก็จะโคจรไปทับราหูศุกร์ พุธ และราหูเดิมในราศีมีน (4-6-8) เป็นราศีวินาศลัคนา นั่นหมายถึงปัญหาของประเทศไทย และความชั่วร้ายต่างๆ รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจการเมืองทุกด้าน จะแก้ไขป้องกันยังไงก็ไม่สำเร็จ นอกจากเสียคนไปเท่านั้น แม้แต่พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ที่ดี ไม่ว่าจะมีสัจจะ กตัญญูอย่างที่เรียกกันก็แก้อะไรไม่ได้ นอกจากหอบเสื่อหอบหมอนลงนรกเสียผู้เสียคนไป ท่ามกลางความทุกข์ทรมาน และสิ้นหวังของคนไทยทั้งชาติ!

นอกจากราหูแล้ว ดวงชะตาเมืองปีนี้ยังมีดาวที่เข้ามาก่อการร้ายอีกอย่างน้อย 4 ดวง ที่จะลงโทษความชั่ว และความโง่ของชนชั้นปกครองของไทยรอจังหวะคือ ดาวเสาร์ที่จะโคจรจากราศีเมถุนเข้าสู่ราศีกรกฎในวันที่ 6 กันยายน 2547 (ตามปฏิทินลาหิรี) ซึ่งการโคจรลงมาเป็นระยะ ตอนนี้จะมีระยะเชิงมุมหรือโยคเป็น 6 กับเสาร์และพฤหัสบดีเดิมในราศีธนู ซึ่งเป็นภพที่ 9 ของดวงชะตาเมือง นั่นหมายถึงความขัดแย้งทางการเมือง ผู้แทนราษฎร ศาสนา กฎหมายจะเป็นเพียงขยะ และที่สำคัญจะมีคนขายชาติให้ต่างประเทศในรูปการทำความตกลงระหว่างชาติที่กำลังเคลื่อนเข้ามาในเมืองไทย โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนนานาประการ

และระยะเชิงมุมนี้เอง ความแตกแยกและการกัดกันในทางการเมืองของพรรคการเมือง และนักการเมืองประเภทมีสัจจะ กตัญญู และคอร์รัปชันต่างๆ จะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของพลูโตที่ได้รับการส่งเสริมจากเสาร์ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้

โลกสมัยใหม่ทุกอย่างเจริญขึ้นมากมายแทบไม่มีใครตามทัน ไม่ว่าจะเป็นด้านใด แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนคาดไปถึงว่าในวันหน้าอะไรจะเกิดขึ้น จะเกิดขึ้นอย่างไร ดีหรือเลว และคนเราจะเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร นั่นก็มีหลายอย่างหลายเรื่องที่ทุกคนควรจะต้องรู้ หรือคาดหมายได้ว่า ถ้าอะไรมันเกิดขึ้นจริงๆ ดีหรือร้ายเราจะเผชิญกันกับมันอย่างไร?

นั่นอาจจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่า ความอยากรู้อยากเข้าใจนั่นเอง เป็นที่มาของโหราศาสตร์และวิชาโหราศาสตร์

หลายพันปีหรือเป็นเวลาหมื่นๆ ปีมาแล้ว ที่โหราศาสตร์ได้เกิดขึ้น และก็แพร่หลายไปทั่วโลกทุกคนทุกชาติ ไม่ว่าจะต้องเรียนหรือต้องมีวิชาโหราศาสตร์ประจำชาติประจำเผ่าของตนนั้น แม้แต่การปลูกข้าวปลูกหญ้า การทำมาหากิน การรบราฆ่าฟันในสังคม วิชาโหราศาสตร์นั้นกลายมาเป็นวิทยาการชนิดหนึ่ง ที่ทำให้นักรบเป็นที่พึ่ง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครจะคิดอะไร หรือสบประมาทอย่างไร วิชาโหราศาสตร์ก็เป็นวิชาการที่สำคัญวิชาหนึ่งสำหรับคนทั้งโลก

กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ได้ถูกค้นคว้าสืบทอดติดต่อกันมาไม่เคยหยุดนิ่ง
ไม่เพียงแต่คนไทยหรือประเทศไทยเท่านั้น เป็นชาติที่จะไม่สามารถขาดโหราศาสตร์เสียได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการทำมาหากิน สิริมงคล การเป็นการตายของคนโหราศาสตร์จะเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น เฉพาะอย่างยิ่ง ในการรบหรือทำสงครามเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองให้เราได้อยู่กันมาทุกวันนี้ คนไทยโบราณได้ใช้โหราศาสตร์เป็นหลักที่จะหาวิธีให้รู้ว่า เราจะรักษาบ้านเมืองอย่างไร และเราจะต้องเจออะไรกันบ้าง?

ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่เมืองไทยเท่านั้นมีความยุ่งยากทุกด้าน ตั้งแต่มนุษย์ต่อมนุษย์ ไม่ว่าชาติเดียวกันหรือต่างชาติ มีแต่การเข่นฆ่าล้างแค้นนานาประการ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในโลกกำลังวิปริตไปทุกหนทุกแห่ง ดินฟ้าอากาศสับสนวุ่นวายไปหมด

นั่นนักโหราศาสตร์มีคำตอบคำเดียว และเป็นคำตอบที่ค่อนข้างจะถูกต้องเสียด้วยคือ มันเกิดจากอิทธิพลวิปริตของดวงดาว

และดาวเหล่านั้นที่สำแดงอิทธิพลได้สูงสุดในเวลานี้ และต่อไปข้างหน้านั้นมีดาวที่มีความเหี้ยมที่ต้องรู้ต้องระวังกันทั่วโลกในขณะนี้ 3 ดวงคือ มฤตยู เนปจูน พลูโต ซึ่งผมขอเสนอเรื่องราวของมันเป็นลำดับไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น