xs
xsm
sm
md
lg

ไม่เคยมีสมานฉันท์ระหว่างโจรกับสาธุชน

เผยแพร่:   โดย: ยอดธง ทับทิวไม้

นักเขียนการเมืองระหว่างประเทศกลุ่มหนึ่งในสหภาพโซเวียตเคยเขียนหนังสือวิจารณ์การเมืองเล่มหนึ่งชื่อ Political Consciousness in the USA-Tradition and Evolution หลายปีมาแล้ว เป็นหนังสือการเมืองให้ความรู้แก่นักการเมือง และนักวิชาการเมืองไว้ว่า การเป็นนักการเมืองและการมองการเมืองนั้น ถ้าจะพูดกันตามภาษาทั่วไปก็คือว่า การเมืองไม่ใช่ยี่เก และไม่ใช่เพลงรำวง หรือการเล่นตี่จับอย่างที่นักการเมืองไทยเราเข้าใจกัน และนำมาเล่นกันเหมือนเด็กวัดทั่วๆ ไป หรือไปซื้อเสียงเลือกตั้งมาช่วยกันปล้นประชาชนอย่างที่เราทำกันมาแล้วในรัฐบาลชุดที่แล้วน

หรือใครก็ตามที่กำหนดตัวเองลงไปว่า ตนเองนั้นเป็นนักการเมืองขึ้นมาแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ตนเองย่อมจะคงกระพันชาตรีไม่มีวันผิดพลาดเป็นอันขาด คิดอะไรทำอะไรต้องถูกต้องไปหมดเก่งไปหมด

มีข้อความตอนหนึ่งในการบอกกล่าวถึงความเป็นอมตะของตัวเองของนักการเมืองไทยท่านหนึ่งที่ประกาศออกมาว่า

“นายกรัฐมนตรีเผยแนวทางการทำงานของรัฐบาลในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ตั้งเป้าผลักดันกฎหมายสำคัญ 2-3 ร่างที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งไม่สามารถทำได้ ยอมรับโจทย์ใหญ่สนามบินสุวรรณภูมิก็คือเรื่องความปลอดภัยและจะซ่อมอย่างไร ประเมินเศรษฐกิจไม่วูบวาบเสียศูนย์เมื่อเทียบกับความวุ่นวายทางการเมือง เผยยังไม่มีอะไรเสียหาย แต่ต่างชาติโจมตีหนัก มาตรการอุ๋ยลั่นไม่มีต้นทุนทางการเมือง มีแต่ต้นทุนซื่อสัตย์ซื่อตรงอยู่เต็มกระเป๋า เชื่อปัญหาใต้ระยะยาวจะดี หลังมาเลเซียส่งสัญญาณบวก” (นายกรัฐมนตรี;ผู้จัดการรายวัน 19 กุมภาพันธ์ 2550)

ผู้เขียนตำราการเมืองสองท่านนั้นเขียนไว้ว่า;

“Politics is a Form of Interrelation Beyween Classes, Social Groups, and Nations That is Tied Directly or Indirectly With Manifestations of Power and Act of Governing” ซึ่งเมื่อแปลกันให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือประเทศหรือแผ่นดินที่รวมตัวกันขึ้นของประชาชน, กลุ่มสังคม, ประเทศชาติ ซึ่งมีความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดยตรงหรือโดยอ้อมที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองที่ได้มีการยอมรับกันแล้ว

นั่นคือเรื่องของการเมือง

ซึ่งพูดกันตรงๆ ก็คือ การเมืองไม่ใช่เรื่องของศาลพระภูมิที่มีสาระแก่นสารอะไรอยู่ นอกจากเป็นศาลเฮงซวยอะไรสักอย่างที่ทำขึ้นมาเพราะเชื่อว่าจะมีภูตผีมาพึ่งพาอาศัยหลับนอนหรือไม่มีอะไรสิงสถิตอยู่ แต่การเมืองหรือเรื่องของแผ่นดินที่คนทุกคนเข้ามาอยู่ร่วมกันภายใต้ความเชื่อถือประการเดียว และวางกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันของคนทุกคน รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีอันเดียวกัน โดยการตกลงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ไม่ใช่ต่างคนต่างเชื่อ

ไม่ใช่ต่างคนทำตามใจตัวเอง หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง

ทุกคนต่างเชื่อถือและยอมรับในเรื่องใดๆ ที่มีประโยชน์ต่อผู้คน ประเทศชาติ โดยไม่มุ่งหวังผลประโยชน์เพื่อพวกพ้องตัวเองหรือใครต่อใครที่คนกลุ่มอื่นยอมรับไม่ได้

และทุกคนทุกกลุ่มในสังคมนั้นอาจจะมีจิตใจแตกต่างกัน มีความขัดแย้งกัน แต่ทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้โดยความเชื่อ และการยอมรับจากคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพราะการเคารพความคิดเห็นของคนกลุ่มอื่นได้

เช่นเดียวกับประเทศไทยทุกวันนี้ คนทั้งชาติยอมรับฟังหรือยอมเชื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งซึ่งก็เคยมีคนยอมรับให้คนเหล่านั้นเข้ามาปกครองประเทศชาติ และทำหน้าที่บริหารทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็นได้รู้กันอยู่ และเมื่อคนที่เข้ามารับทำหน้าที่มันเกิดเป็นโจรปล้นบ้านปล้นเมืองขึ้นมา ทุกคนก็พร้อมที่จะถีบหัวมันออกไปเพื่อให้มันไปเร่ร่อนอยู่ที่ไหนของมันถ้ามันเกิดมาเป็นคนมีกรรม

แต่ก็มีคนหลายคนที่เป็นเพื่อนฝูงกันเกิดมีความคิดหวั่นไหวต่อความไม่เที่ยงของบ้านเมืองว่าน่ากลัวความอุบาทว์วุ่นวายจะเกิดขึ้นมาอีก แม้ว่าบ้านเมืองเราจะได้มีการปฏิวัติขึ้นมาแล้ว และมีรัฐบาลใหม่ซึ่งระยะ 3 วันแรกมีคนตื่นเต้น มีความหวังกันว่าบ้านเมืองและการเมืองไทยเราจะหมดเวรเสียทีเพราะมีรัฐบาลใหม่เข้ามากวาดล้างเดียรัจฉานกลุ่มเก่าออกไปพ้นจากแผ่นดิน เราจะเริ่มมุ่งหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ในบ้านเมืองเสียที แต่หลังจากนั้นเริ่มต้นวันที่ 4 ของการปฏิวัติ และรัฐบาลใหม่เข้ามาครองอำนาจแทน ประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีปากมีเสียงใจหายวาบ เพราะว่าในคณะรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่นั้น ปรากฏว่ามีตัวแทนของรัฐบาลชุดเดิมถูกหอบหิ้วขึ้นมาด้วยหลายคน และดำเนินการปกครองทุกรูปในนามของคำว่า สมานฉันท์ คือการร่วมมือระหว่างรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร กับรัฐบาลชุดเดิมให้สนิทแน่นยิ่งขึ้นเพราะความเชื่อว่าประชาชนคนไทยทั่วไปนั้นร่วมมือกันโง่ทั้งชาติ หรืออาจจะพูดในเบื้องหลังที่ลึกลงไปก็คือจะร่วมกันเขมือบบ้านเมืองต่อไป

แต่เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งว่า ในไม่กี่วันที่มีการแต่งตั้งผู้แทนต่างประเทศและตัวนายกรัฐมนตรีจากดวงใจหรือที่ปรึกษา หรือที่บางคนเรียกว่า ดวงใจของอดีตนายกรัฐมนตรีนายทักษิณ ชินวัตร โดยไม่มีใครทราบล่วงหน้ามาก่อน

อย่างที่กล่าวมาแล้วว่าการเมืองนั้นไม่สำคัญที่ว่าใครจะทำถูกหรือทำผิด แต่ความเสื่อมหรือความฉิบหายโดยประการทั้งปวงของการเมืองหรือนักการเมืองนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อถือของประชาชนในสังคมเดียวกัน

ปรากฏว่าความจริงต่างๆ จากการแสดงออกถึงการกระทำของรัฐบาลนี้ เริ่มทำให้ประชาชนทั่วไปในสังคมมองเห็นความทรยศ หรือความเป็นรัฐบาลที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนตัวรัฐบาลเก่าเป็นคนใหม่ไม่กี่คนเท่านั้น คำมั่นสัญญาต่างๆ ที่เคยประกาศออกมาว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องปฏิวัติ และต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ เพราะมีความผิด 4 ประการที่จะต้องจัดการ แต่ความจริงแล้วรัฐบาลปฏิวัติไม่ได้แตะต้องเหตุผลที่สำคัญคือข้อสุดท้ายได้แก่การกระทำที่ส่อถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่สำคัญที่สุด ซึ่งก็แกล้งทำเป็นลืมไปเสียอย่างสิ้นเชิง

เพราะปรากฏว่าไม่ยอมจิกหัวใครมาลงโทษตามที่อ้าง ซึ่งน่าจะเชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนอายุของรัฐบาลนี้ก็จะหมดไป ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับคอร์รัปชันที่ คตส.กำลังสอบสวน ก็ไม่มีสัตว์เลี้ยงตัวไหนของรัฐบาลเก่าที่เก็บซ่อนไว้ตามที่ต่างๆยอมให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เมื่อขอไปยังนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐบาลให้ออกเป็นกฎหมายในนามของรัฐบาลหรือออกคำสั่งที่ต้องปฏิบัติ แต่ก็ถูกปฏิเสธจากรัฐบาลโดยบอกว่า “ไม่ต้อง, อยากได้อะไรก็บอกผมมา!”

และสำคัญที่สุดก็คือการตั้ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มือขวาของนายทักษิณ ชินวัตร ไปเป็นตัวแทนประเทศไทยในการเจรจาและสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันนี้ได้ทรงใช้เวลานานถึง 80 ปีทำมาแล้วทุกด้านพร้อมด้วยความสำเร็จนานาประการแทนในนามของคนไทยและชาติไทย ซึ่งดูเหมือนว่าไม่มีฝรั่งคนไหนที่ไม่เชื่อ อย่างกรณีฝนเทียมก็เห็นว่าจะมาศึกษาดูงานกันให้ครึกครื้นไป

ผมไม่ได้เขียนข้อความเหล่านี้ด้วยความอคติ แต่เป็นเสียงคนไทยและการพึมพำของคนทั่วไปที่ผมมีชีวิตร่วมอยู่ด้วย ทุกคนมองเห็นการกระทำของรัฐบาลชุดนี้จริงๆ

อาจจะเป็นไปได้อย่างที่รัฐบาลอ้างว่า รัฐบาลทำอะไรลงไปทุกอย่างเพื่อความสมานฉันท์หรือด้วยไมตรีจิตมิตรภาพที่อ้างไว้นั้นก็ย่อมได้

คนพวกนี้จะไม่ยอมเชื่อถึงแม้ว่าน่าจะเชื่อได้ก็ตาม เพราะการที่รัฐบาลต้องยกกำลังรถยนต์รถถัง และปืนใหญ่ออกไปจังก้ากลางเมืองเพื่อทำลายโจรปล้นบ้านปล้นเมืองซึ่งต้องลงทุนกันหลายร้อยล้านบาทนั้น มันจะทำเพื่อความสมานฉันท์ไม่ได้

ไม่มีโจรปล้นแผ่นดินที่ไหนมันจะรักประชาชนถึงขนาดจะต้องมามองหน้ากันด้วยความสมานฉันท์หลังจากมันเผามันปล้นบ้านปล้นเมืองเรียบร้อยแล้ว

แม้ว่ารายนี้จะทำให้เห็นเป็นรายแรกอย่างที่กำลังทำอยู่ก็ตาม

มันเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทยเป็นพันๆ ปีมาแล้วที่ไม่มีสาธุชนที่ไหนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่มีการสมานฉันท์กับโจรปล้นเมือง!

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของคนไทยที่สาธุชนกับโจรร่วมกันปล้นบ้านปล้นเมืองและทรัพย์สินของตัวเอง จะหันหน้าเข้าหากันพร้อมด้วยสมุนบริวารและสัตว์เลี้ยงของตัวเองด้วยความรักใคร่สมานฉันท์เพื่อร่วมกันทำลายบ้านเมืองต่อไป

คนเหล่านี้ไม่ว่าจะแก้ตัวหรือมีข้ออ้างอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าคนไทยก็เช่นเดียวกับมนุษย์ชาติอื่นๆ จะไม่ใช้วิธีการเหล่านี้ไม่ว่าจะกี่พันปีที่ผ่านมา มันเกี่ยวกับความเชื่อของเขาทั้งหมดที่เป็นคนไทยที่รู้ว่าความรักใคร่สมานฉันท์ระหว่างโจรกับสาธุชนนั้นมันไม่เคยมีในโลกนี้!!

สายการสนับสนุนที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งที่ทำให้เล่ห์กลของรัฐบาลปัจจุบันนี้มีความเด่นชัดขึ้นมาในสายตาประชาชนก็คือ การแต่งตั้ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของนายกรัฐมนตรีชุดเก่าขึ้นมาทำหน้าที่แทนคนไทย หรือแทนคณะรัฐมนตรีในการเป็นตัวแทนติดต่อและทำความเข้าใจกับต่างประเทศด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นทุกเหตุผล

เป็นเรื่องที่ตลกขบขันและน่าสมเพชอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ 5 ปีที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองมหาอุบาทว์ของเดียรัจฉานทางการเมืองในอดีต บุคคลที่มีชื่อว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ที่นายกรัฐมนตรีจากคณะรัฐประหารกลุ่มนี้ได้ยกย่องเทิดทูนว่าเป็นผู้มีความรู้ ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงใครคนหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ร่วมกันออกแถลงความคิดเห็นของพันธมิตรฯ เกี่ยวกับดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ขวัญใจนายกรัฐมนตรีของเราคนนี้ มีใครคนหนึ่งใน 5 คนนั้นที่เอ่ยถึงผู้กว้างขวางในวงการเมืองระหว่างประเทศรายนี้ว่าความจริงเขาเป็นเพียงจิ้งจกที่เปลี่ยนสีได้อย่างรวดเร็วตามแต่โอกาสที่เขาต้องการจะเปลี่ยน หรืออาจจะเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งที่มีความชำนาญอย่างมากในการปลิ้นปล้อนเพื่อแสวงหาโอกาสอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยความชำนาญเหมือนลูกพี่ของเขาเท่านั้น

ตลอดเวลาที่เขาทำหน้าที่สร้างความฉิบหายทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองมา 5 ปีโดยการร่วมแรงร่วมใจกับเดียรัจฉานทางการเมืองชุดเดิมนั้น ไม่เคยปรากฏว่าเขาทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนพลเมืองไทยขึ้นมาได้แม้แต่ไม้จิ้มฟันสักอัน หรือแม้แต่จะปลูกหญ้าแฝกหญ้าคาสักต้นให้ไส้เดือนกิ้งกือได้ซุกหัวนอน แต่ภายใต้รัฐบาลชุดนี้เขาเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาเป็นผู้กว้างขวางได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ที่สามารถจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนคนไทยจำนวน 62 ล้านคนได้อย่างปาฏิหาริย์

เหมือนนิยายน้ำเน่าอะไรพวกนั้นก็ไม่ปาน!

คนไทยจะต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมเกี่ยวกับความรัก และความสมานฉันท์ของคนไทยมาเป็นการผนึกกำลังมหาโจรเพื่อปล้นบ้านเมืองกันแล้วหรือ?
กำลังโหลดความคิดเห็น