xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยเราจะหาคนดีไม่ได้เชียวหรือ?

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

เมืองไทยเป็นเมืองที่ไม่เคยมีปัญหา คนเฒ่าคนแก่โบราณของไทยทุกภาคจะพูดเหมือนกับว่าการเกิดมาเป็นคน วันหนึ่งๆไม่มีปัญหาอะไรในชีวิต หน้าที่ของทุกคนมีอยู่อย่างเดียวคือการทำมาหากิน วันๆไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องวุ่นวาย กิจกรรมในชีวิตจะมีไม่กี่อย่างตั้งแต่เกิดจนตาย ยิ่งย้อนกลับไปถึงวันเวลาเก่าๆ มากเท่าไร เราก็จะเห็นความสงบสุขความไม่ยุ่งยากอะไรมากขึ้นเท่านั้น

แม้แต่ความเยือกเย็นหนาวเหน็บหรือแผ่นดินถล่มทลายในจังหวัดทางภาคเหนือที่ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยล้มตาย ความอดอยากหิวโหยที่ไม่มีทางหาทางแก้ไขได้ผู้ที่มีชีวิตอย่างมะงุมมะงาหราและมองหาอนาคตไม่พบนั้นก็มีปัญหามากขึ้น

ชีวิตคนไทยสมัยใหม่นับวันแต่จะมากไปด้วยปัญหา และความยุ่งยากที่จะแก้ไขไม่ได้ เพราะว่าในชาติไทยและสังคมไทยทุกวันนี้ เราไม่มีคนดีพอที่จะนำมาแก้ไขปัญหาได้เพราะว่าคนมีอำนาจวาสนา มีสติปัญญาที่จะทำอะไรต่ออะไรเพื่อช่วยเหลือคนอื่นคนไกลได้นั้นส่วนมากจะเป็นคนชั่วหรือคนโง่

หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเรามีคนชั่วมากเกินไป

ยิ่งคนที่มีความรู้ความสามารถ มีโอกาสกว่าคนอื่นมักจะทำความชั่วเสียเป็นส่วนมาก

คนไทยทั่วประเทศของเราที่แย่งกันเกิดมาบนแผ่นดินกันอยู่ทุกวันนี้ ล้วนมีความคิดด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าหากเขาได้รับการฝึกฝนอบรมให้มีวิชาความรู้ รู้จักทำมาหากินและพึ่งตัวเองได้ เมืองไทยจะเป็นสุขมีความร่ำรวยและอุดมสมบูรณ์ที่ยากจะหาคนชาติไหนเปรียบได้

แต่นี่ไม่มีใครทำอะไรกันเท่าที่ควรหรือทำแก้ขัดไปวันๆ

ทุกวันนี้คนไทยที่พากันสุมหัวอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ลงทุนอย่างมากมายมหาศาลวันแล้ววันเล่าที่จะต้องสร้างระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมกันขึ้นมาซึ่งเป็นไปไม่ได้ เงินทองและผู้คนทั้งชาติถูกใช้ไปไม่รู้ว่าเท่าไรต่อเท่าไร แต่เราไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจที่จะทำอะไรที่จะแก้ไขปัญหาใดๆ ที่มันมีอยู่ ทุกคนเกิดมาเพื่อที่จะกินแล้วก็ตาย หรืออาจจะสร้างแต่ความเดือดร้อนและความเสียหายให้แก่บ้านเมืองและคนอื่น

เมืองไทยและสังคมไทยเต็มไปด้วยปัญหาหนักหนาสาหัสสากรรจ์ร้อยแปด ไม่มีใครเข้าใจว่าจะทำอย่างไรหรือจะแก้ไขอย่างไร ตอนนี้ทางภาคเหนือที่ฝนตกน้ำท่วม และลมหนาวจากเมืองจีนกำลังโหมเข้ามา หรือที่แหลมตะลุมพุกในภาคใต้ซึ่งประชาชนได้รับภัยจากธรรมชาติซึ่งจะมีแต่ความวิบัติย่อยยับกันไม่ว่าจะเป็นผู้คนและสิ่งของ ซึ่งทางบ้านเมืองและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองควรจะได้เอาใจใส่ดูแลเตรียมการไว้ช่วยเหลือป้องกัน

แต่ไม่มีใครสนใจ!

ถึงแม้ว่าจะสนใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นอกจากพูดพล่ามกันไปวันๆ

ใครจะเป็นอะไร เสียหายวายวอดอย่างไรก็ปล่อยมันไป

ตอนนี้เกิดความวุ่นวายของเด็กไทยหลายเรื่องเป็นต้นว่า พบเด็กไทยที่กำลังเรียนหนังสือ แต่ปรากฏว่าอ่านหนังสือไม่ออกหรือหาที่เรียนต่อไม่ได้เพราะไม่มีค่าเล่าเรียน และไม่มีค่าใช้จ่ายในการศึกษาอย่างเพียงพอเพราะเกิดมาเป็นคนจนกันเต็มบ้านเต็มเมือง เด็กวัยรุ่นของเราต้องหันไปหาความสุขกับการเล่นการพนัน การจีบกันทางโทรศัพท์มือถือ และพูดคุยกันทางอี-เมลวันละไม่ต่ำกว่าคนละ 3 ชั่วโมงต่อวัน และมั่วกันอยู่กับอินเทอร์เน็ตแล้วก็อาจจะนัดเข้าไปหาความสุขในโรงแรม บางรายมีลูกติดท้องขึ้นมาและไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรก็ปล่อยทุกอย่างไปตามเวรตามกรรม

ส่วนคนที่ต้องการจะเรียนหนังสือเอาดีก็มีเป็นจำนวนแสนๆ คนที่ไม่มีโอกาส เพราะไม่มีเงินจะเรียน หรือคนที่พ่อแม่ตะเกียกตะกายจำนองบ้านเรือนส่งเสียให้ไปเรียนได้ก็ไม่รู้ว่าเรียนแล้วจะรู้อะไรหรือไม่ เพราะโรงเรียนและครูส่วนมากก็ไม่รู้ว่าจะสอนกันยังไงให้รู้เรื่องก็กลายเป็นวัวเป็นควายของประเทศที่มีชีวิตอยู่อย่างไม่มีทิศมีทางอะไร นอกจากเที่ยวขายยาบ้าหรือติดยาเสพติดกันไป

ปัญหานี้ก็ไม่เคยมีใครคิดแก้ไข ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันเกิดมาตลอดเวลาเกือบ 50 ปีมาแล้วหรือใกล้จะ 100 ปีเข้ามาแล้ว

เรื่องอัปมงคลเหล่านี้คนที่ไม่มีอำนาจวาสนาทั่วไปเคยพูดเคยบ่นกันมาตลอด

แก้ไขไม่ได้เพราะหมดปัญญาที่จะแก้ไขหรือไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร!

“นางเรณู สีหะวงศ์ ครูแนะแนวและนักสังคมจิตบำบัดของโรงเรียนยางชุมพิทยาคม จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัญหานักเรียนมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนของหลายจังหวัดในภาคอีสานมีความรุนแรงหนักขึ้น จนถึงขั้นกลายเป็นปัญหาสำคัญแทนที่ปัญหายาเสพติด” รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับวันที่ 1 กรฎาคม 2547 ตีพิมพ์ความจริงนี้ไว้ในหน้า 30 ของวันนั้น ซึ่งในระยะที่นำข่าวนี้ออกเสนอแก่ผู้คน ปรากฏว่านักเรียนจำนวน 6 คนที่พูดถึงกำลังอุ้มท้องเข้ามาเรียนหนังสือกันอยู่ ซึ่งก็แน่นอนทีเดียวการมาเรียนหนังสือนั้นคือการมาหาความสุขในทางเพศกันโดยมองไม่เห็นว่าจะต้องทำยังไงกันต่อไป

คนไทยสมัยโบราณที่เรายังมีคนชั่วและโง่ในบ้านเมืองน้อยกว่าทุกวันนี้ เท่าที่ค้นหาหลักฐานได้ไม่เคยทราบว่ามียุคไหนที่คนไทยกำลังมีสามีมีลูกในขณะที่ไปเรียนหนังสือหรือไปเที่ยวมีลูกมีสามีกันเพื่อความสนุกเพลิดเพลินเช่นข่าวนี้ คนไทยทุกคนในยุคนั้นจะรักนวลสงวนตัวและมีชีวิตอยู่เพื่อการทำมาหากินและกระทำคุณความดี

และในวันเดียวกันนั้น ก็มีข่าวอันเป็นสัจธรรมข่าวหนึ่งที่เป็นความโง่ และไม่มีปัญญาแก้ปัญหาก็คือการเรียนหนังสือ เฉพาะอย่างยิ่งการเรียนภาษาอังกฤษที่ปรากฏว่าเรียนกันมานานกี่ปีกี่ชาติก็พูดไม่ถูกหรือพูดไม่ได้ นั่นแสดงถึงความไม่มีความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ และเป็นความโง่ตามธรรมชาติของคนไทยเราที่รับผิดชอบแล้วแต่ปรากฏว่าเราจะทำตามความรับผิดชอบไม่ได้

รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์มติชนวันเดียวกันนั้น กล่าวว่านายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการเปิดโครงการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของพนักงานขับรถรับจ้าง ว่าการเรียนภาษาอังกฤษเรียนกันมานานแต่ก็ใช้ไม่ได้ ซึ่งหากคนไทยไม่รู้ภาษาอังกฤษก็จะเสียเปรียบ ยิ่งในโลกปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากกับการทำงาน

คนไทยทุกคนที่เป็นเพียงประชาชนที่หาเช้ากินค่ำหรือไม่ได้เป็นสมมติเทพเทวดาอย่างคนไทยที่มีบุญวาสนาเหมือนคนอื่นนั้นว่ากันตามจริง มีความหวังขึ้นมามากเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เกิดขึ้นมาท่ามกลางสถานการณ์ที่จะชุ่มด้วยเลือดตกยางออก แต่ก็รอดมาได้และหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าคณะรัฐบาลปฏิวัติชุดนี้จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้เสร็จสิ้นไปได้

หรือพยายามเริ่มต้นแก้ปัญหาต่างๆ ที่สกปรกเลอะเทอะอยู่ในความรู้สึกของประชาชนคนไทยทั้งชาติให้มันเข้ารูปเข้ารอยขึ้นมาบ้าง

แม้แต่กรณีลูกไทยหลานไทยที่ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาซึ่งควรจะได้รับตามธรรมเนียมของบ้านเมืองทั่วโลกเขาพยายามทำกัน

แต่เมืองไทยเราไม่มีใครยอมทำจนแล้วจนรอด

เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง และถึงจะรู้ก็จะทำอะไรไม่ได้และต้องปล่อยให้มันเป็นปัญหาของชาติบ้านเมืองอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ไม่ว่าจะเรียนแล้ว แต่อ่านหนังสือไม่ออกเป็นแสนๆ คนทั่วประเทศ หรือเรียนภาษาอังกฤษในชั้นมัธยมเป็นเวลาเกือบ 10 ปีนั้น คนไทยยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อย่างที่นักเรียนทั่วโลกเขาเรียนกันมา

แม้แต่ในคณะรัฐบาลที่เข้ามาหลังจากขับไล่พวกขายชาติออกจากบ้านเมืองไปเกือบหมดแล้วก็ตาม เมื่อเป็นรัฐบาลและมีการจัดตั้งผู้คนที่ใครคิดว่ามีความรู้ความสามารถที่จะจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ได้ ปรากฏว่ามีแต่คนประเภทเดิมคือมนุษย์ที่มาจากความชั่วและโง่ระดับชาติอย่างที่เราเคยมีมาแล้วทั้งนั้น

เฉพาะอย่างยิ่ง ความเลอะเทอะล้มเหลวที่น่าอนาถที่สุดก็คือความเหลวแหลกของเด็กไทยในวัยเรียน นอกจากจะเป็นขยะของสังคมทั้งในปัจจุบันและในอนาคตด้วย ยังได้ร่วมกันประกอบอนันตริยกรรมประการหนึ่งคือการไปมีท้องและมีลูกในขณะที่ต้องเรียนหนังสืออยู่

คนพวกนี้จะทำยังไงกับชีวิตในอนาคต?

ลูกที่เกิดออกมาดูโลกนั้นจะเอาไปไว้ที่ไหน

หรือจะพาไปยัดไว้ในส้วมในโรงหนังอย่างที่เคยเป็นข่าว

ที่เลวร้ายไปกว่าการรับผิดชอบและไม่แก้ไขใดๆ นั้น สมมติเทพที่เข้ามาร่วมในคณะรัฐบาลนี้แทนที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้หรือรับผิดชอบต่อปัญหาเหล่านี้ กลับดัดจริตไปคิดหาเงินและขูดรีดคนยากคนจนที่จะไปเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย โดยพยายามเสนอกฎหมายกีดกันคนยากคนจนจากการเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย โดยการเก็บค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายแพงเกินความสามารถที่ทุกคนจะเสียได้หรือการขูดรีดเอาตามอำเภอใจ

มันแสดงความวิเศษมหัศจรรย์อะไรบ้างที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่ได้มาจากการยอมรับของประชาชนเข้ามาเป็นใหญ่เป็นโตที่ควรได้รับการโมทนาสาธุจากผู้คน แต่กลับมาทำในสิ่งที่แสดงว่าโง่และชั่วอย่างสาหัส

หรืออาจจะเป็นเรื่องการแสวงหาประโยชน์หรือพยายามทำเพื่อทำมาหากินกันเท่านั้น!

ผมจึงยอมไม่ได้ที่ผู้มีอำนาจวาสนาของเราทุกยุคทุกสมัยจะเหมือนกันหมดในเรื่องความรับผิดชอบ และทำประโยชน์แก่ประเทศชาติว่ามันทำกันได้เพราะมันชั่วและโง่เท่านั้น!

เมืองไทยเรายังหาคนดีไม่ได้อยู่จนแล้วจนรอด
กำลังโหลดความคิดเห็น