"สุรยุทธ์"มอบนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด ยึดหลักเฝ้าระวัง ลดปัจจัยเสี่ยง การใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย สั่งเจ้าหน้าที่ประเมินผลตัวเอง ย้ำการปราบปรามต้องเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่เชื่อปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้จะมีสาเหตุมาจากยาเสพติด
เมื่อวานนี้ (27พ.ย.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการมอบนโยบายด้านยาเสพติด"รวมพลังไทยขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน" ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ปัญหายาเสพติดยังเป็นภัยอันใหญ่หลวงที่คุกคามโดยเฉพาะเยาวชน แล้วก็ยากที่จะกำจัด สถานการณ์ยาเสพติดในบ้านเมืองของเรามีแนวโน้มที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีก่อน แต่ก็ยังไม่หมดแม้เราจะได้ช่วยกันเฝ้าระวังและดำเนินการอย่างจริงจังมาโดยตลอด รัฐบาลจะเน้นกาต่อสู้กับยาเสพติดอย่างจริงจังต่อไป และกำหนดไว้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ที่ผ่านมา เราสามารถควบคุมให้ยาเสพติดอยู่ในระดับที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน แต่ก็ยังไม่จบภารกิจ ต่อไปต้องทำมากขึ้น นอกจากจะไม่ให้ยาเสพติดหวนกลับมาแล้วยังต้องสร้างประเทศปลอดยาเสพติดตลอดไปด้วย เราต้องย้ำและสร้างความเชื่อมั่นให้ข้าราชการ และประชาชนทุกพื้นที่ทุกจังหวัดและอำเภอ ให้สู้กับยาเสพติดอย่างจริงจัง จัดให้เผ้าระวังปัญหาและจัดการกับปัญหาได้อย่างทันท่วงทีจากนั้นก็สถาปนาความมั่นคง และสร้างความยั่งยืน โดยเราจะเน้นการพัฒนาเชิงคุณภาพต่อเป้าหมายและพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งต้องอยู่ภายใต้หลักการของความสมานฉันท์ และสันติวิธี ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางและยึดถือแนวทางความโปร่งใส ประหยัด เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆกัน
ทั้งนี้ การดำเนินงานระยะต่อไปจะเน้นการแก้ไขพื้นที่ และกลุ่มเป้าหมายที่เป็นปัญหาหลักโดยการตัดวงจรของยาเสพติด การแก้ไขปัญหาผู้เสพ และการแยกกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสใช้ยาเสพติดออกไปให้มากขึ้น ซึ่งแนวทางนั้นก็ต้องสกัดกั้นตามแนวชายแดนการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด และเฝ้าระวังรวมไปถึงการสร้างความร่วมมือในระดับต่างๆ อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ให้ดำเนินการต่อไป อะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรคก็จะแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับเยาวชน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจึงอยากฝากการช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่นสถานบันเทิง สิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหายาเสพติดเพียงอย่างเดียว รวมทั้งเรื่องการพนัน การดื่มสุรา การใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย ถ้าได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพิจารณาประกอบของแต่ละคน แต่ละครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นชุมชน จนถึงอำเภอหรือจังหวัดก็สามารถน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แก้ปัญหาสังคมได้ อยู่ทีท่านทั้งหลายจะช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความเจริญมีความก้าวหน้า ซึ่งก็หวังว่าภารกิจทั้งหลายที่มีความชัดเจนในระดับผู้ปฏิบัติอยู่แล้วจะได้รับความร่วมมือกันปฏิบัติอย่างใกล้ชิดและสร้างสรรค์ จนทำให้สังคมไทยปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน
"เราอาศัยการตรวจสอบจากภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นโพลล์ต่างๆก็ดี แต่ก็อยากให้ท่านทั้งหลายช่วยกันประเมินผลในพื้นที่ตัวเองอีกด้านหนึ่งด้วยโดยใช้เวลา 6 เดือนนับจากวันที่ 1 ธ.ค.ที่เราจะเริ่มทำงานในสิ่งนี้กัน เราจะได้ตรวจสอบในสิ่งที่ภาคเอกชนบอกว่าลด นั้นลดจริงหรือไม่ ยกตัวอย่างเรื่องของการนำเข้ามาจากนอกประเทศของเรา พื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ล่อแหลมที่พูดกันว่า กทม.และ 5 จังหวัดใกล้เคียงเราก็ต้องพิจารณา รวมทั้งพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะหลายๆครั้งเราก็พูดกันว่ามียาเสพติดเข้าไปทำให้เกิดปัญหา แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจในส่วนนี้ ก็อยากฝากว่าให้ช่วยกันประเมินอย่างจริงจัง แล้วก็ช่วยกันดำเนินการการดำเนินการต่างๆของเรานั้นยึดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย เราจะไม่ทำอะไรที่นอกกฎหมายในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ"นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อวานนี้ (27พ.ย.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการมอบนโยบายด้านยาเสพติด"รวมพลังไทยขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน" ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ปัญหายาเสพติดยังเป็นภัยอันใหญ่หลวงที่คุกคามโดยเฉพาะเยาวชน แล้วก็ยากที่จะกำจัด สถานการณ์ยาเสพติดในบ้านเมืองของเรามีแนวโน้มที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีก่อน แต่ก็ยังไม่หมดแม้เราจะได้ช่วยกันเฝ้าระวังและดำเนินการอย่างจริงจังมาโดยตลอด รัฐบาลจะเน้นกาต่อสู้กับยาเสพติดอย่างจริงจังต่อไป และกำหนดไว้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ที่ผ่านมา เราสามารถควบคุมให้ยาเสพติดอยู่ในระดับที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน แต่ก็ยังไม่จบภารกิจ ต่อไปต้องทำมากขึ้น นอกจากจะไม่ให้ยาเสพติดหวนกลับมาแล้วยังต้องสร้างประเทศปลอดยาเสพติดตลอดไปด้วย เราต้องย้ำและสร้างความเชื่อมั่นให้ข้าราชการ และประชาชนทุกพื้นที่ทุกจังหวัดและอำเภอ ให้สู้กับยาเสพติดอย่างจริงจัง จัดให้เผ้าระวังปัญหาและจัดการกับปัญหาได้อย่างทันท่วงทีจากนั้นก็สถาปนาความมั่นคง และสร้างความยั่งยืน โดยเราจะเน้นการพัฒนาเชิงคุณภาพต่อเป้าหมายและพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งต้องอยู่ภายใต้หลักการของความสมานฉันท์ และสันติวิธี ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางและยึดถือแนวทางความโปร่งใส ประหยัด เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆกัน
ทั้งนี้ การดำเนินงานระยะต่อไปจะเน้นการแก้ไขพื้นที่ และกลุ่มเป้าหมายที่เป็นปัญหาหลักโดยการตัดวงจรของยาเสพติด การแก้ไขปัญหาผู้เสพ และการแยกกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสใช้ยาเสพติดออกไปให้มากขึ้น ซึ่งแนวทางนั้นก็ต้องสกัดกั้นตามแนวชายแดนการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด และเฝ้าระวังรวมไปถึงการสร้างความร่วมมือในระดับต่างๆ อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ให้ดำเนินการต่อไป อะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรคก็จะแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับเยาวชน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจึงอยากฝากการช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่นสถานบันเทิง สิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหายาเสพติดเพียงอย่างเดียว รวมทั้งเรื่องการพนัน การดื่มสุรา การใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย ถ้าได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพิจารณาประกอบของแต่ละคน แต่ละครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นชุมชน จนถึงอำเภอหรือจังหวัดก็สามารถน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แก้ปัญหาสังคมได้ อยู่ทีท่านทั้งหลายจะช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความเจริญมีความก้าวหน้า ซึ่งก็หวังว่าภารกิจทั้งหลายที่มีความชัดเจนในระดับผู้ปฏิบัติอยู่แล้วจะได้รับความร่วมมือกันปฏิบัติอย่างใกล้ชิดและสร้างสรรค์ จนทำให้สังคมไทยปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน
"เราอาศัยการตรวจสอบจากภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นโพลล์ต่างๆก็ดี แต่ก็อยากให้ท่านทั้งหลายช่วยกันประเมินผลในพื้นที่ตัวเองอีกด้านหนึ่งด้วยโดยใช้เวลา 6 เดือนนับจากวันที่ 1 ธ.ค.ที่เราจะเริ่มทำงานในสิ่งนี้กัน เราจะได้ตรวจสอบในสิ่งที่ภาคเอกชนบอกว่าลด นั้นลดจริงหรือไม่ ยกตัวอย่างเรื่องของการนำเข้ามาจากนอกประเทศของเรา พื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ล่อแหลมที่พูดกันว่า กทม.และ 5 จังหวัดใกล้เคียงเราก็ต้องพิจารณา รวมทั้งพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะหลายๆครั้งเราก็พูดกันว่ามียาเสพติดเข้าไปทำให้เกิดปัญหา แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจในส่วนนี้ ก็อยากฝากว่าให้ช่วยกันประเมินอย่างจริงจัง แล้วก็ช่วยกันดำเนินการการดำเนินการต่างๆของเรานั้นยึดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย เราจะไม่ทำอะไรที่นอกกฎหมายในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ"นายกรัฐมนตรี กล่าว