“สุรยุทธ์”ยัน“สมเด็จเกี่ยว”ยังรักษาการประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชเหมือนเดิม พร้อมปัดข่าวครม.ถก พ.ร.บ.แก้ไขคณะสงฆ์ ชี้เป็นเรื่องสภานิติบัญญัติฯ ด้าน“คุณหญิงทิพาวดี”ย้ำรัฐบาล-มส.ไม่คิดย้าย “สมเด็จเกี่ยว” ขณะที่พระมหาโชว์นำม็อบพระ-ฆราวาส รวมตัวประท้วงหน้าทำเนียบฯ และเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยับยั้งการนำร่างแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติ อ้างทำให้เกิดความแตกแยกครั้งใหญ่
จากกรณีที่มีกระแสข่าวการเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช โดยให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เป็นประธานคณะฯ และให้สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ เป็นที่ปรึกษานั้น
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้มีเรื่องเข้ามา ทางภาครัฐไม่ได้เป็นผู้ริเริ่ม ก็ยังถือว่าสิ่งเดิมที่เคยมีอยู่นั้นก็ยังคงเป็นไปตามนั้น ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าทางสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ เสนอครม.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ....ที่ประชุมไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้เข้าในวาระ เพราะเป็นเรื่องที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ทางรัฐบาลไม่ได้มีวาระในการพิจารณาในเรื่องนี้ และไม่ได้มีเรื่องของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาทางคณะรัฐมนตรี
ด้านคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ข่าวนี้ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด ซึ่งตนก็ไม่ได้เห็นตัวหนังสือ และก็ไม่ทราบว่าใครส่งมาให้ แต่ทราบว่าเป็นหนังสือเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งแนบมากับร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สงฆ์ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กลุ่มหนึ่งกำลังเสนอขึ้นมา ซึ่งถ้ามีการเข้าสู่ที่ประชุมสนช.ทางรัฐบาลก็คงจะรับมาดูก่อน แต่คิดว่าเป็นเอกสารที่คนอื่นทำมา แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร ทั้งนี้ตนเห็นมา 4 -5 วันแล้ว
“ในแง่ของรัฐบาล และมหาเถรสมาคม (มส.)เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง และในวันเดียวนี้ สมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านก็จะเข้ารับการผ่าตัด เพราะฉะนั้นขอแจ้งให้ทราบว่า ข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับที่จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือแต่งตั้งคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชฯ ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด”
สำหรับเรื่องที่มาหรือต้นตอของเรื่องนั้น คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนยกร่างขึ้นมา โดยมีคนส่งเอกสารมาให้ดู แต่ยืนยันว่าไม่ใช่จากทางซีกรัฐบาล เข้าใจว่าเหมือนกับเป็นตัวอย่าง ตรวจดูแล้วลักษณะเหมือนกับเป็น “ตุ๊กตา”ที่เขาใช้ศัพท์เหมือนกับคำว่า ยกร่างขึ้นมา อีกทั้งมหาเถรสมาคมก็ยังไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นพูดง่ายๆว่า เป็นข่าวโคมลอย ส่วนผู้ที่ส่งมาให้ บอกได้เพียงแค่ว่า เป็นผู้ใหญ่และไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวตนได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีให้ทราบไปแล้วเมื่อวันที่ได้รับเอกสารตั้งแต่คือวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีก็รับทราบเฉยๆ และก็บอกด้วยว่า รัฐบาลไม่มีความคิดในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าแสดงว่าการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ยังไม่มี แต่ว่าในอนาคตหากว่ากลุ่มที่มีการเสนอให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งในส่วนนี้ ใช่หรือไม่ คุณหญิงทิพาวดี กล่าวยืนยันว่า ไม่มี เพราะเรื่องที่รัฐบาลจะพิจารณาคือ เฉพาะเรื่องของ พ.ร.บ.สงฆ์เท่านั้น แต่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชนั้น คงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
นอกจากนั้น คุณหญิงทิพาวดียังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้สมเด็จพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ)ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่นางจุฬารัตน์ บุณยากร รักษาราชการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เช้าวานนี้(7 พ.ย.) ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า เพื่อส่งพระองค์เข้ารับการถวายการผ่าตัดเล็ก ซึ่งพระพลานามัยสดใสและสดชื่น โดยไม่เกี่ยวกับข่าวเรื่องพระบัญชาให้เปลี่ยนตัวประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สอบถามและตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีประเด็นอะไร เป็นข่าวลือ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณหญิงทิพาวดีให้สัมภาษณ์ และขณะนี้ก็ไม่เห็นต้นเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากมีการนำพระบัญชาดังกล่าวเสนอให้รัฐบาลพิจารณาโดยตรง ก็น่าจะทำได้ แต่โดยธรรมเนียมแล้ว พศ. และมหาเถรสมาคม (มส.) ควรจะต้องรับทราบ แต่ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ทั้ง 2 หน่วยงาน ไม่ได้รับเรื่อง
“รัฐบาลน่าจะทำได้ แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติ พศ. และ มส. ควรจะต้องรับทราบ แต่ในเรื่องนี้ไม่ปรากฏว่า มส.และ พศ. หรือผู้ดูแล คือ คุณหญิงทิพาวดี ก็ไม่รับทราบ ตรวจสอบแล้วก็ไม่มี เมื่อเช้าที่ไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ก็ทราบว่าท่านจะรับการถวายการผ่าตัด ในฐานะผู้สนองงานก็ไปเข้าเฝ้า ซึ่งพระพลานามัยสดใส สดชื่น สำหรับการผ่าตัดก็เป็นการผ่าตัดเล็กน้อยเท่านั้น” รักษาราชการ ผอ.พศ. กล่าว
สำหรับบรรยากาศที่วัดสระเกศ ในช่วงเช้าพระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้เข้าไปหารือสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประมาณ 1.30 ชม. และเปิดเผยกับสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวทั้งนสพ.และโทรทัศน์ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ หรือ เรื่องพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯที่จะให้เปลี่ยนแปลงประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนด้วย ที่สำคัญยังไม่เห็นพระบัญชาดังกล่าวเลย ซึ่งเรื่องนี้คุณหญิงทิพาวดีก็ได้แถลงข่าวไปแล้ว เป็นพระพูดอะไรไม่ได้
ส่วนที่เกรงกันว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกในวงการสงฆ์นั้น พระพรหมสุธี กล่าวว่า คงไม่มีอะไร เพราะประเทศไทยอยู่ในช่วงสมานฉันท์ และขอให้สื่อมวลชนชี้แจงกรณีที่มีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวด้วย
ขณะที่วัดชนะสงครามก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามเช่นเดียวกัน โดยมีเพียงพระเลขานุการ ออกมาบอกสื่อมวลชนที่รอทำข่าวว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าว ต้องรับโทรศัพท์ผู้ที่โทรมาสอบถามตั้งแต่ 05.00 น.แล้ว ไม่ได้พักเลย สิ่งที่รู้ในขณะนี้ก็เท่ากับที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไป
วันเดียวกัน คณะสงฆ์ราว 50 รูป และสาวก ราว 20 คน นำโดย ดร.พระมหาโชว์ ทสสนีโย ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศ ม.มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้รวมตัวกันประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล และเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ยับยั้งการนำร่างแก้ไขพ.ร.บ. คณะสงฆ์ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติ เนื่องจากมีรายละเอียดหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่ผ่านความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม จึงเกรงว่า จะทำให้เกิดความแตกแยกครั้งใหญ่ขึ้น
ด้านนายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า หากการเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ เข้าครม.แล้วทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์ ก็ยังไม่ควรจะนำเสนอขณะนี้ เพราะเป็นเรื่องของสงฆ์ ควรนำกลับไปให้คณะสงฆ์ตัดสินใจก่อน จากนั้นจึงค่อยนำเข้าครม. และพิจารณาไปตามขั้นตอน ซึ่งการที่จะไปคิดแทนคณะสงฆ์อย่างนั้นไม่ถูกหลักการ
**ชี้เปลี่ยนปธ.ผู้ปฏิบัติฯรัฐทำได้ไม่ต้องผ่าน มส.
ที่วัดชนะสงคราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่พระไปชุมนุมประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่...)พ.ศ....เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เรื่องของคณะสงฆ์
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชนั้น ไม่ทราบมาก่อน เพิ่งจะทราบเรื่องวันนี้เอง ที่ประชุมมหาเถรสมาคมก็ไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด รัฐบาลไม่เคยนำเรื่องนี้มาหารือ หรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่ก็ไม่คัดค้าน อย่างไรก็ตาม เรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชชุดใหม่ รัฐบาลสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นจะต้องผ่านความเห็นจากมหาเถรสมาคม
“อาตมาเชื่ออยู่อย่างว่า หากมีความบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติงาน งานก็จะเจริญงอกงาม ซึ่งถ้าทำงานด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจแล้ว ผลงานจะออกมาไม่ดี และเชื่อว่าการที่รัฐบาลจะมีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชชุดใหม่ คงเป็นเพระว่ารัฐบาลเห็นว่า เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ความเจริญให้แก่พระพุทธศาสนา จึงได้ทำการดังกล่าว” สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าว
ด้านนายไพศาล พืชมงคล สมาชิก สนช. แกนนำ สนช.ที่รวบรวมรายชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ กล่าวยืนยันว่า การที่ สนช.จำนวน 33 คน ลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เป็นไปเพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้องเหมือนเดิม โดยให้กลับไปใช้แนวทางเดียวกับที่เคยใช้เมื่อก่อน ที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) จะแก้ไข 2 ครั้ง ครั้งหลังสุดในปี 2547 รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณได้แก้ไขกฎหมายแต่งตั้งให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระสังฆราช ทั้งๆ ที่ยังคงทรงพระชนม์อยู่ การดำเนินการครั้งนี้ เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ นายไพศาล ปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่าข่าวที่จะมีการเปลี่ยนประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชออกมาได้อย่างไร เพราะไม่เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับใหม่ที่ สนช.ยื่นต่อประธาน สนช. เพราะในร่างดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงเรื่องการปลดสมเด็จพระพุฒาจารย์ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ สนช.ที่จะเสนอเรื่องดังกล่าว แต่ที่เสนอเป็นการเสนอแก้กฎหมายเกี่ยวกับคณะสงฆ์จำนวน 4 ข้อเท่านั้น
จากกรณีที่มีกระแสข่าวการเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช โดยให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เป็นประธานคณะฯ และให้สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ เป็นที่ปรึกษานั้น
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้มีเรื่องเข้ามา ทางภาครัฐไม่ได้เป็นผู้ริเริ่ม ก็ยังถือว่าสิ่งเดิมที่เคยมีอยู่นั้นก็ยังคงเป็นไปตามนั้น ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าทางสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ เสนอครม.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ....ที่ประชุมไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้เข้าในวาระ เพราะเป็นเรื่องที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ทางรัฐบาลไม่ได้มีวาระในการพิจารณาในเรื่องนี้ และไม่ได้มีเรื่องของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาทางคณะรัฐมนตรี
ด้านคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ข่าวนี้ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด ซึ่งตนก็ไม่ได้เห็นตัวหนังสือ และก็ไม่ทราบว่าใครส่งมาให้ แต่ทราบว่าเป็นหนังสือเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งแนบมากับร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สงฆ์ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กลุ่มหนึ่งกำลังเสนอขึ้นมา ซึ่งถ้ามีการเข้าสู่ที่ประชุมสนช.ทางรัฐบาลก็คงจะรับมาดูก่อน แต่คิดว่าเป็นเอกสารที่คนอื่นทำมา แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร ทั้งนี้ตนเห็นมา 4 -5 วันแล้ว
“ในแง่ของรัฐบาล และมหาเถรสมาคม (มส.)เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง และในวันเดียวนี้ สมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านก็จะเข้ารับการผ่าตัด เพราะฉะนั้นขอแจ้งให้ทราบว่า ข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับที่จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือแต่งตั้งคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชฯ ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด”
สำหรับเรื่องที่มาหรือต้นตอของเรื่องนั้น คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนยกร่างขึ้นมา โดยมีคนส่งเอกสารมาให้ดู แต่ยืนยันว่าไม่ใช่จากทางซีกรัฐบาล เข้าใจว่าเหมือนกับเป็นตัวอย่าง ตรวจดูแล้วลักษณะเหมือนกับเป็น “ตุ๊กตา”ที่เขาใช้ศัพท์เหมือนกับคำว่า ยกร่างขึ้นมา อีกทั้งมหาเถรสมาคมก็ยังไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นพูดง่ายๆว่า เป็นข่าวโคมลอย ส่วนผู้ที่ส่งมาให้ บอกได้เพียงแค่ว่า เป็นผู้ใหญ่และไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวตนได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีให้ทราบไปแล้วเมื่อวันที่ได้รับเอกสารตั้งแต่คือวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีก็รับทราบเฉยๆ และก็บอกด้วยว่า รัฐบาลไม่มีความคิดในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าแสดงว่าการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ยังไม่มี แต่ว่าในอนาคตหากว่ากลุ่มที่มีการเสนอให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งในส่วนนี้ ใช่หรือไม่ คุณหญิงทิพาวดี กล่าวยืนยันว่า ไม่มี เพราะเรื่องที่รัฐบาลจะพิจารณาคือ เฉพาะเรื่องของ พ.ร.บ.สงฆ์เท่านั้น แต่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชนั้น คงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
นอกจากนั้น คุณหญิงทิพาวดียังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้สมเด็จพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ)ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่นางจุฬารัตน์ บุณยากร รักษาราชการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เช้าวานนี้(7 พ.ย.) ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า เพื่อส่งพระองค์เข้ารับการถวายการผ่าตัดเล็ก ซึ่งพระพลานามัยสดใสและสดชื่น โดยไม่เกี่ยวกับข่าวเรื่องพระบัญชาให้เปลี่ยนตัวประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สอบถามและตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีประเด็นอะไร เป็นข่าวลือ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณหญิงทิพาวดีให้สัมภาษณ์ และขณะนี้ก็ไม่เห็นต้นเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากมีการนำพระบัญชาดังกล่าวเสนอให้รัฐบาลพิจารณาโดยตรง ก็น่าจะทำได้ แต่โดยธรรมเนียมแล้ว พศ. และมหาเถรสมาคม (มส.) ควรจะต้องรับทราบ แต่ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ทั้ง 2 หน่วยงาน ไม่ได้รับเรื่อง
“รัฐบาลน่าจะทำได้ แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติ พศ. และ มส. ควรจะต้องรับทราบ แต่ในเรื่องนี้ไม่ปรากฏว่า มส.และ พศ. หรือผู้ดูแล คือ คุณหญิงทิพาวดี ก็ไม่รับทราบ ตรวจสอบแล้วก็ไม่มี เมื่อเช้าที่ไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ก็ทราบว่าท่านจะรับการถวายการผ่าตัด ในฐานะผู้สนองงานก็ไปเข้าเฝ้า ซึ่งพระพลานามัยสดใส สดชื่น สำหรับการผ่าตัดก็เป็นการผ่าตัดเล็กน้อยเท่านั้น” รักษาราชการ ผอ.พศ. กล่าว
สำหรับบรรยากาศที่วัดสระเกศ ในช่วงเช้าพระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้เข้าไปหารือสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประมาณ 1.30 ชม. และเปิดเผยกับสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวทั้งนสพ.และโทรทัศน์ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ หรือ เรื่องพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯที่จะให้เปลี่ยนแปลงประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนด้วย ที่สำคัญยังไม่เห็นพระบัญชาดังกล่าวเลย ซึ่งเรื่องนี้คุณหญิงทิพาวดีก็ได้แถลงข่าวไปแล้ว เป็นพระพูดอะไรไม่ได้
ส่วนที่เกรงกันว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกในวงการสงฆ์นั้น พระพรหมสุธี กล่าวว่า คงไม่มีอะไร เพราะประเทศไทยอยู่ในช่วงสมานฉันท์ และขอให้สื่อมวลชนชี้แจงกรณีที่มีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวด้วย
ขณะที่วัดชนะสงครามก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามเช่นเดียวกัน โดยมีเพียงพระเลขานุการ ออกมาบอกสื่อมวลชนที่รอทำข่าวว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าว ต้องรับโทรศัพท์ผู้ที่โทรมาสอบถามตั้งแต่ 05.00 น.แล้ว ไม่ได้พักเลย สิ่งที่รู้ในขณะนี้ก็เท่ากับที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไป
วันเดียวกัน คณะสงฆ์ราว 50 รูป และสาวก ราว 20 คน นำโดย ดร.พระมหาโชว์ ทสสนีโย ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศ ม.มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้รวมตัวกันประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล และเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ยับยั้งการนำร่างแก้ไขพ.ร.บ. คณะสงฆ์ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติ เนื่องจากมีรายละเอียดหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่ผ่านความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม จึงเกรงว่า จะทำให้เกิดความแตกแยกครั้งใหญ่ขึ้น
ด้านนายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า หากการเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ เข้าครม.แล้วทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์ ก็ยังไม่ควรจะนำเสนอขณะนี้ เพราะเป็นเรื่องของสงฆ์ ควรนำกลับไปให้คณะสงฆ์ตัดสินใจก่อน จากนั้นจึงค่อยนำเข้าครม. และพิจารณาไปตามขั้นตอน ซึ่งการที่จะไปคิดแทนคณะสงฆ์อย่างนั้นไม่ถูกหลักการ
**ชี้เปลี่ยนปธ.ผู้ปฏิบัติฯรัฐทำได้ไม่ต้องผ่าน มส.
ที่วัดชนะสงคราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่พระไปชุมนุมประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่...)พ.ศ....เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เรื่องของคณะสงฆ์
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชนั้น ไม่ทราบมาก่อน เพิ่งจะทราบเรื่องวันนี้เอง ที่ประชุมมหาเถรสมาคมก็ไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด รัฐบาลไม่เคยนำเรื่องนี้มาหารือ หรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่ก็ไม่คัดค้าน อย่างไรก็ตาม เรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชชุดใหม่ รัฐบาลสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นจะต้องผ่านความเห็นจากมหาเถรสมาคม
“อาตมาเชื่ออยู่อย่างว่า หากมีความบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติงาน งานก็จะเจริญงอกงาม ซึ่งถ้าทำงานด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจแล้ว ผลงานจะออกมาไม่ดี และเชื่อว่าการที่รัฐบาลจะมีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชชุดใหม่ คงเป็นเพระว่ารัฐบาลเห็นว่า เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ความเจริญให้แก่พระพุทธศาสนา จึงได้ทำการดังกล่าว” สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าว
ด้านนายไพศาล พืชมงคล สมาชิก สนช. แกนนำ สนช.ที่รวบรวมรายชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ กล่าวยืนยันว่า การที่ สนช.จำนวน 33 คน ลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เป็นไปเพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้องเหมือนเดิม โดยให้กลับไปใช้แนวทางเดียวกับที่เคยใช้เมื่อก่อน ที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) จะแก้ไข 2 ครั้ง ครั้งหลังสุดในปี 2547 รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณได้แก้ไขกฎหมายแต่งตั้งให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระสังฆราช ทั้งๆ ที่ยังคงทรงพระชนม์อยู่ การดำเนินการครั้งนี้ เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ นายไพศาล ปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่าข่าวที่จะมีการเปลี่ยนประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชออกมาได้อย่างไร เพราะไม่เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับใหม่ที่ สนช.ยื่นต่อประธาน สนช. เพราะในร่างดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงเรื่องการปลดสมเด็จพระพุฒาจารย์ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ สนช.ที่จะเสนอเรื่องดังกล่าว แต่ที่เสนอเป็นการเสนอแก้กฎหมายเกี่ยวกับคณะสงฆ์จำนวน 4 ข้อเท่านั้น