xs
xsm
sm
md
lg

จับตา 9 เดือน 9 ปี 49 นับถอยหลัง วันสิ้นสุดระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: อมร อมรรัตนานนท์

บอกกล่าว

คงแปลกใจเล็กน้อยสำหรับผู้อ่านขาประจำของผู้จัดการ ใช่ไหมครับ ที่ เห็นคอลัมน์ ใหม่ชื่อ ฅ.เลือกข้าง จู่ๆ มาได้อย่างไร.

ขอชี้แจงครับ ชื่อ ฅ.เลือกข้าง คิดขึ้นมาด้วยเวลาไม่ถึง 5 นาที ในบ่ายฟ้าใส วันหนึ่ง (6 กันยา 49) หลังจากฝนตกหนัก

ในวงสนทนากับพี่ๆ ที่ผู้จัดการ ผมเอ่ยปากขอความเห็นว่า อยากมีพื้นที่เขียนหนังสือประจำ ช่วยกันคิดชื่อคอลัมน์หน่อย พี่ๆ ก็ย้อนถามว่า จะเอาแบบไหน ในใจคิดไว้บ้างหรือยัง ผมเลยบอกว่าผมอยากได้ชื่อคอลัมน์ที่สะท้อนตัวตนผมมากที่สุด เช่น “ยืนจุดเดียว” ขณะที่หลายคนกำลังคิด พี่ชายที่ผมเคารพรักคนหนึ่ง เป็นสหายที่เคยร่วมรบกันมาด้วย ก็โพล่งขึ้นมาว่า

“เอางี้ ..เลือกข้าง... ไอ้มร..ก็เอ็งเลือกข้างแล้วนี้”

ทุกคนเห็นด้วย ผมเลยถือโอกาส เติม ฅ. ไปอีกตัว เพิ่มสีสันอีกเล็กน้อย ให้สอดคล้องกับยุคสมัย ภายใต้ระบอบทักษิณ ที่สังคมเสื่อมทรุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้แต่คุณอานันท์ ปันยารชุน ก็ยังออกมาเรียกร้อง ให้เลือกข้าง


เราจะพบกันทุกวันศุกร์ครับ ข้อเขียนอาจไม่สนุกสนาน อาจเครียดบ้าง สาระอาจจะดูเบา

ก็ต้องขออภัยครับ ที่ผ่านมา ผมนักปฏิบัติลองถูก ลองผิด มาเยอะ พอสมควร

วันนี้ขออาสาจับปากกาถ่ายทอดความคิดและประสบการณ์ตรงของผม เพื่อให้เป็นเวที แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และหาทางออกต่อปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม.

เป็น น้องใหม่ครับ ผิดพลาดประการใด ขอน้อมรับคำวิจารณ์ ด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่คาดหวังคือ คำแนะนำจากมิตรสหาย และผู้อ่านทุกท่าน เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาตนเองครับ.

และต้องขอขอบคุณด้วยความจริงใจ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ พี่น้องผองเพื่อนทุกคนที่ให้โอกาสได้ฝึกปรือ มีพื้นที่ประจำ.

ในรอบหลายวันที่ผ่านมา บอกตรงๆ ตรง เอียน... กับข่าวสาร และอยากจะอ๊วก เมื่อได้ยินแผ่นเสียงตกร่องของพลพรรคพิทักษ์ทักษิณ.

ความรู้สึกเช่นนี้ คงเกิดขึ้นกับผู้อ่านหลายคน แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะครับ ในเมื่อเราต้องเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

ที่สำคัญ เราทุกคนถือได้ว่ามีสิทธิเท่าเทียมกัน ในความเป็นเจ้าของประเทศ

ซึ่งโดยฐานะนี้ เราคงต้องอดทนเสริมความคิด เร่งติดอาวุธทางปัญญา ฝ่าด่าน แหกวงล้อม หมากกล และสารพัดเกมของความพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ในการดำรงอยู่ของระบอบทักษิณ


ภารกิจเฉพาะหน้าที่ คือแยกแยะข้อมูลข่าวสาร ด้วยสติที่มั่นคง เพราะปัจจุบัน “สื่อเทียม” เกิดขึ้นอย่างมากมาย

สำหรับผมอยากนิยาม สื่อเหล่านั้นว่า “สื่อปีศาจ”

เพราะมันทำหน้าที่ ไม่แนบเนียน แถมยังโฉ่งฉ่าง ไร้เดียงสา น่าขันยิ่งนัก ไม่แปลกใจ เพราะมันเป็นผลผลิตมาจากเป้าหลอมเดียวกัน

คือขุมนรก ที่ปีศาจห้อยโหนเป็นหัวหน้าทีม ซึ่งมีผลงานที่เข้าตากรรมการ ฮากันทั้งเมืองมาแล้ว จากเรื่องคาร์บ๊องสมองบวม มันเป็นปีศาจหลายประเภท มีทั้งสื่อรายสัปดาห์ สื่อออนไลน์ และสื่อดาวเทียม

ข่าวกระซิบจากวงในของกลุ่มนักรบรับจ้าง ทำสื่อปีศาจ ตั้งธงไว้ว่าถึงเวลาโกย มีการแบ่งสัดส่วน ดังนี้ ห้อย 20 ทีม 40 ที่เหลือผลิตจริง 40 และขอรับกันเป็นก้อน เพราะบรรดานักรบเหล่านั้นรู้สถานการณ์ดีว่าคงทำได้ไม่กี่เดือน ระบอบทักษิณคงพังพินาศ

มีความเชื่อว่า ใครคนไหนที่ใช้นายชมพู่ จมูกบาน ให้มาทำหน้าที่ปกป้อง และโฆษณาชวนเชื่อ โดยหวังจะได้คะแนนนิยมนั้น เป็นคนที่ขาดเพื่อนแท้ ถูกมิตรที่เคยได้ประโยชน์ทอดทิ้ง ถีบหัวส่ง เข้าตาจน เลือดกำลังทะลักออกตา รอวันไฟธาตุดับ

สัจจะจากความจริง ในอดีตถึงปัจจุบัน

บทบาทของนายชมพู่ จมูกบาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์กับสังคมแล้วว่า วันใดนายชมพู่ จมูกบาน ได้จับไมค์โฆษณาชวนเชื่อ วันนั้น บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟเมื่อนั้น

บรรดา “พี่ๆ เดือนตุลา” ไม่ละอายใจบ้างหรือเกียรติภูมิหายไปไหนหมด


ภาพของ อมรชัย นักศึกษาจากจุฬาฯ ถูกแขวนคอกับต้นมะขาม หน้าประตูใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศพถูกแตะถีบอย่างน่าสังเวช

ภาพศพของจารุพงษ์ ทองสินธุ์ นักศึกษาจากธรรมศาสตร์ ถูกลากไปรอบสนามบอล และอีกหลายคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 มันถูกลบจากหน่วยความจำของ พี่ๆ แล้วหรือ

เขาเหล่านั้นจะไม่ตายเลย หากไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อ โจมตี ใส่ร้าย อย่างบ้าคลั่ง จากทีมงานของนายชมพู่ จมูกบาน คนที่พวกพี่เรียกใช้บริการอยู่นี่แหละ

จะรับผิดชอบไหวหรือ หากเหตูการณ์นั้นมันหมุนเวียนกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง


คนชนบทกำลังถูกปลุก ให้มาเหยียบขย้ำคนเมือง

6 ตุลา เมื่อ 30 ปีก็เป็นเช่นนั้น

วันนี้ มีสื่อปีศาจที่หลากหลาย สถานการณ์ช่างคล้ายคลึงกับอดีต วันนั้นขบวนการนักศึกษาก็เผชิญ กับสื่ออัปยศแบบวันนี้เหมือนกัน

และที่เหมือนกัน คือต้องเผชิญหน้ากับนายชมพู่ จมูกบาน คนเดิม

สิ่งที่ดำรงอยู่ปัจจุบันมันขัดแย้ง โดยพื้นฐาน กับสิ่งที่หมอพรหมินทร์ เรียกร้องให้เพื่อนๆ ที่ร่วมอยู่ในสถานการณ์ครั้งนั้น ในฐานะผู้ถูกกระทำและมีโอกาสรอดชีวิตมาได้จนทุกวันนี้ ที่อยู่ในส่วนต่างๆ ของพลังทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นักการเมือง สื่อมวลชน นักวิชาการ และรัฐบาล เป็นต้น ต้องช่วยกันขจัดความรุนแรง ร่วมกันคลี่คลายความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

จะคลี่คลายไม่ได้เลย หากจะละเว้นการพูดถึงความถูกต้องกับความไม่ถูกต้อง

อย่าๆ พร่ำแต่พูด ถึงกติกาประชาธิปไตย

อย่าๆ ทำเป็นผู้ดี ที่ทำทียอมรับความแตกต่าง

อย่าๆ ทะนงตน เรียกร้องยุติการปลุกเร้าความเกลียดชัง

อย่าๆ ออดอ้อน ทำตนเป็นพระเอกรักประชาชน


เพราะสิ่งที่หมอพรหมินทร์ แสดงทัศนะออกมานั้น มันเป็นด้านตรงข้ามกับการปฏิบัติจริง

ใครๆ ก็รู้ทั้งสังคม ว่าศูนย์ปฏิบัติการที่สั่งการงานทุกแนวรบ ทั้งบนดินใต้ดิน ล้วนผ่านการกลั่นกรอง จาก “นายน้อย” แห่งตึกไทยคู่ฟ้าทั้งสิ้น


ฝันไปเถอะ

กับความพยายามผลิตซ้ำทางความคิด ที่โหมโฆษณา


ให้ประชาชนเชื่อว่า เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะถึงในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 จะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการพลิกฟื้นสถานการณ์ไปสู่ความสงบโดยเร็ว การอ้างความชอบธรรม ถูกเพียงส่วนเดียว มันเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าระบอบทักษิณ ยังคงแผ่อำนาจอิทธิพลปกคุมอยู่

หยุด

ทำตัวเป็น “ตุลาปลิง” เถอะ พี่ๆ ที่รักทั้งหลาย


การเคลื่อนตัวของสังคมไทยวันนี้ ได้ยกระดับไปสู่คุณภาพใหม่แล้ว ประชาชนได้ตื่นตัวอย่างกว้างขวาง

หลายคนอาจเป็นห่วงว่าเราจะฝ่าด่านอย่างไร

เกมจะจบตรงไหน

ประชาชนจะได้อะไร

คงไม่ใช่เป็นภาระที่ผมคนเดียวจะตอบ ทุกคนต้องช่วยกันหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว มุ่งมั่นบนความเชื่อ ว่าพลังประชาชนเท่านั้น ที่จะเป็นผู้กำหนดเกมประชาธิปไตย

วันเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบเดียวของประชาชน

แต่ที่ตอบได้ตอนนี้ คือหมดเวลาคุณทักษิณ

จับตาการเดินทางไปต่างประเทศในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 49 นี้ให้ดี คุณทักษิณอาจไปยาวเลยก็ได้ ใครล่ะจะรู้?
กำลังโหลดความคิดเห็น