ผู้จัดการรายวัน - “ทักษิณ” ใช้วันหยุดพักผ่อนกับครอบครัว ก่อนเดินทางไปเป็นประธานในพิธีปฏิบัติบูชานำประชาชนกล่าวแสดงตนเป้นพุทธมามกะ ที่พุทธมณฑล “สมเด็จเกี่ยว” แสดงธรรมแนะ “ทักษิณ” ต้องมีขันติธรรม ใช้หลักธรรมบริหารบ้านเมือง กำจัดสิ่งที่ค้างในใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดทั้งวันวานนี้(12 ก.พ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวที่บ้านพัก ในซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 โดยในช่วงเที่ยง ได้ออกไปรับประทานอาหารกลางวันข้างนอกและได้กลับเข้ามาพักผ่อนอยู่ในบ้าน จากนั้นเมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อเป็นประธานในพิธีปฏิบัติบูชานำประชาชนกล่าวแสดงตน เป็นพุทธมามกะ และประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชครบ 60 ปี โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลพระพุทธศาสนา ร่วมงานด้วย
สำหรับงานดังกล่าวมีสมเด็จพุทธาจารย์วัดสระเกษ (สมเด็จเกี่ยว) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่งภายในงานดังกล่าวได้มีพระสงฆ์ จำนวน 1,250 รูป และพุทธศาสนิกชนหลายพันคนเข้าร่วมงาน
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวนำแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพุทธาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) ได้แสดงธรรมว่า วันมาฆบุชาในวันนี้ถือว่า แตกต่างจากที่ผ่านมา รัฐบาลโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกฯ ได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้คนในประเทศเห็นว่าวันนี้มีความสำคัญอย่างไร วันนี้อาจถือได้ว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ทางศาสนาของประเทศ และทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติควรจะบันทึกไว้ เพราะยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่ประกาศให้ทั่วประเทศได้จัดงานนี้อย่างยิ่งใหญ่และพร้อมกันทั่วประเทศ
สมเด็จเกี่ยว แสดงธรรมด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแสดงตน เป็นพุทธมามกะเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัว และได้กำหนดให้ทำพร้อมกันทั่วประเทศ ก็เท่ากับว่าทั่วประเทศจะต้องปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะทั้งหมด โดยยึดหลักโอวาทปาติโมกเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ซึ่งเป็นการเตือนสติให้คนไทยทุกคนเข้าใจร่วมกันกับนายกฯว่า การทำอะไรก็ตาม ก็ต้องมีปัญหา แม้จะทำดีเท่าไหร่ก็ต้องมีปัญหา ซึ่งต้องมีหลักธรรมในใจ โดยต้องยึดคำสอนพระพุทธเจ้า ต้องมีขันติธรรม เป็นบรมตะบะ คือเป็นตะบะอย่างยิ่งไม่ใช่ตะบะธรรมดา ใช้หลักธรรมในการบริหารบ้านเมือง กำจัดสิ่งที่ค้างอยู่ในใจให้หมดไป
จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับเมื่อเวลา 19.30 น. ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีประชาชนที่มาร่วมงานนำดอกกุหลาบมามอบเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ ในการบริหารประเทศต่อไปด้วย โดยได้ขึ้นไปมอบบนเวทีที่ประกอบพิธี
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดความไม่เข้าใจกันในการมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกฯ เนื่องจาก ประชาชนที่มาจากกลุ่มโรงเรียนไทยเทค ประมาณ 50 คน ได้รับการประสานจากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกฯให้นำดอกไม้ขึ้นไปมอบให้ นายกฯบนเวทีเลย ขณะที่ผู้คนติดตาม นายกฯคัดค้านเนื่องจากเห็นว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่เป็นวันสำคัญทางศาสนา และบนเวทีก็ยังคงมีพระหลายรูปนั่งอยู่บนเวที การขึ้นไปมอบดอกไม้ให้นายกฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง จึงไม่น่าจะเหมาะสม จึงให้ไปตั้งแถวรอบริเวณรถที่นายกฯจะขึ้นกลับ ทำให้ตกลงกันไม่ได้ หลังจากจบงานจึงมีทั้งคนที่นำดอกไม้ไปให้นายกฯบนเวทีและยืนตั้งแถวรอบริเวณรถนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดทั้งวันวานนี้(12 ก.พ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวที่บ้านพัก ในซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 โดยในช่วงเที่ยง ได้ออกไปรับประทานอาหารกลางวันข้างนอกและได้กลับเข้ามาพักผ่อนอยู่ในบ้าน จากนั้นเมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อเป็นประธานในพิธีปฏิบัติบูชานำประชาชนกล่าวแสดงตน เป็นพุทธมามกะ และประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชครบ 60 ปี โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลพระพุทธศาสนา ร่วมงานด้วย
สำหรับงานดังกล่าวมีสมเด็จพุทธาจารย์วัดสระเกษ (สมเด็จเกี่ยว) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่งภายในงานดังกล่าวได้มีพระสงฆ์ จำนวน 1,250 รูป และพุทธศาสนิกชนหลายพันคนเข้าร่วมงาน
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวนำแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพุทธาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) ได้แสดงธรรมว่า วันมาฆบุชาในวันนี้ถือว่า แตกต่างจากที่ผ่านมา รัฐบาลโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกฯ ได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้คนในประเทศเห็นว่าวันนี้มีความสำคัญอย่างไร วันนี้อาจถือได้ว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ทางศาสนาของประเทศ และทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติควรจะบันทึกไว้ เพราะยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่ประกาศให้ทั่วประเทศได้จัดงานนี้อย่างยิ่งใหญ่และพร้อมกันทั่วประเทศ
สมเด็จเกี่ยว แสดงธรรมด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแสดงตน เป็นพุทธมามกะเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัว และได้กำหนดให้ทำพร้อมกันทั่วประเทศ ก็เท่ากับว่าทั่วประเทศจะต้องปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะทั้งหมด โดยยึดหลักโอวาทปาติโมกเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ซึ่งเป็นการเตือนสติให้คนไทยทุกคนเข้าใจร่วมกันกับนายกฯว่า การทำอะไรก็ตาม ก็ต้องมีปัญหา แม้จะทำดีเท่าไหร่ก็ต้องมีปัญหา ซึ่งต้องมีหลักธรรมในใจ โดยต้องยึดคำสอนพระพุทธเจ้า ต้องมีขันติธรรม เป็นบรมตะบะ คือเป็นตะบะอย่างยิ่งไม่ใช่ตะบะธรรมดา ใช้หลักธรรมในการบริหารบ้านเมือง กำจัดสิ่งที่ค้างอยู่ในใจให้หมดไป
จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับเมื่อเวลา 19.30 น. ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีประชาชนที่มาร่วมงานนำดอกกุหลาบมามอบเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ ในการบริหารประเทศต่อไปด้วย โดยได้ขึ้นไปมอบบนเวทีที่ประกอบพิธี
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดความไม่เข้าใจกันในการมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกฯ เนื่องจาก ประชาชนที่มาจากกลุ่มโรงเรียนไทยเทค ประมาณ 50 คน ได้รับการประสานจากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกฯให้นำดอกไม้ขึ้นไปมอบให้ นายกฯบนเวทีเลย ขณะที่ผู้คนติดตาม นายกฯคัดค้านเนื่องจากเห็นว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่เป็นวันสำคัญทางศาสนา และบนเวทีก็ยังคงมีพระหลายรูปนั่งอยู่บนเวที การขึ้นไปมอบดอกไม้ให้นายกฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง จึงไม่น่าจะเหมาะสม จึงให้ไปตั้งแถวรอบริเวณรถที่นายกฯจะขึ้นกลับ ทำให้ตกลงกันไม่ได้ หลังจากจบงานจึงมีทั้งคนที่นำดอกไม้ไปให้นายกฯบนเวทีและยืนตั้งแถวรอบริเวณรถนายกฯ