xs
xsm
sm
md
lg

จับตา“ตระกูลชินวัตร”ลุยธุรกิจรพ.หวังเข้าเสียบแทนที่ธุรกิจโรงแรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – จับตาตระกูลชินวัตรรุกธุรกิจโรงพยาบาล หลังปิดดีลชินคอร์ปกับเทมาเส็ก เพื่อเข้ามาแทนที่ธุรกิจโรงแรม คนวงการเชื่อแค่ดอกเบี้ยจากการขายหุ้น 7 หมื่นล้านบาท ที่ตกเดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และเป็นเม็ดที่สามารถทำธุรกิจโรงพยาลได้ เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ

ดีลใหญ่ระดับชาติระหว่างกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่นกับเทมาเส็ก บริษัทแม่ของสิงคโปร์เทเลคอมหรือสิงเทล ที่มีมูลค่าสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาลในกำมือตระกูลชินวัตร ทำให้คนในวงการธุรกิจและคนในแวดลงโทรคมนาคมเชื่อว่า หากหลังปิดดีลนี้ จึงน่าจับตามองในการรุกเข้าไปในธุรกิจอื่นๆ ที่เชื่อว่ามีผลกำไรแน่นอน มั่นคง ปลอดภัยอย่างพลังงาน ขนส่ง และโรงพยาบาล โดยเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลที่เชื่อว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในตลาดประเทศไทย

นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการขายหุ้นของชินคอร์ปเชื่อว่าจะมีการรุกเข้าไปในธุรกิจโรงพยาล เพื่อจะให้เป็นธุรกิจที่เข้ามาแทนที่ธุรกิจโรงแรม เพราะในชีวิตความเป็นจริงคนต้องเจ็บต้องป่วย และจากเม็ดเงินของดีลดังกล่าวที่มีมูลค่าสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท หากคิดดอกเบี้ยที่คิดประมาณ 3-4% ต่อเดือน จะตกประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่มากพอจะดำเนินธุรกิจประเภทโรงพยาบาลได้อยู่แล้ว

“ทำธุรกิจโรงพยาบาลแค่เอาดอกเบี้ยมาใช้ก็ทำได้อยู่แล้ว”

ด้านนายอนุภาพ ถิรลาภ ผู้อำนวยการสถาบันการบริหารการสื่อสารไทยกล่าวถึงภาพรวมของกลุ่มชินคอร์ปว่า การขายหุ้นเป็นเพราะต้องการขยายอาณาจักรออกไปคือ ธุรกิจกลุ่มพลังงานที่มีการผูกขาด แม้จะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนสูง แต่ก็มีความมั่นคง, ธุรกิจขนส่ง, โรงพยาบาล เพราะเป็นภาคที่มีมาร์จิ้นสูง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลไทยที่มีความได้เปรียบ เพราะหมอไทยฝีมือดี ราคาไม่แพง โรงพยาบาลเอาใจใส่คนไข้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันโรงพยาบาลทำเหมือนโรงแรมแล้ว เช่น คนไข้ที่เป็นชาวต่างชาติมีการแยกแผนกชัดเจน มีการใช้ภาษาของแต่ละชาติในการสื่อสารกับคนไข้โดยเฉพาะ

“การขยายเข้าสู่ธุรกิจพวกนี้จะทำเงินได้มาก มีความมั่นคง ปลอดภัย ลดความเสี่ยงแทนที่จะต้องอิงจากธุรกิจโทรคมนาคมเพียงอย่างเดียว”

ทิศทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวสอดคล้องกับการประชุมผู้นำเอเปค ที่กรุงเทพฯ ในปี 2547 ที่รัฐบาลได้มีการเจรจากับทางประเทศสหรัฐอเมริกา ในการที่ไทยสนใจจะเป็นเจ้าภาพเข้าร่วมทำโครงการวิจัยทางการแพทย์ ในรูปแบบการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนทั้งในด้านการรักษาสุขภาพ การวิจัย การค้นคว้ารักษาทางการแพทย์ การใช้นาโนเทคโนโลยีทางการแพทย์ การรักษาผ่านระบบเครือข่าย และให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในแถบเอเชีย ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการลงทุนและทำวิจัย โดยได้มีการก่อตั้งศูนย์ขึ้นมา โดยดำเนินการอยู่ที่ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา และมีแผนที่จะก่อตั้งศูนย์ขนาดใหญ่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้มีการของบประมาณลงทุนไม่ถึงพันล้านบาท
 
การเจรจาดังกล่าว เป็นเรื่องที่น้อยคนที่จะสามารถเชื่อมโยงได้หรือให้ความสนใจมากนัก เพราะเป็นการเจรจาที่ไม่ลับมาก และมีการออกมาให้ข่าวโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ในการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้
 
อีกทั้งเรื่องนี้ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ยังได้เคยกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในการที่จะให้ประเทศไทยเป็นผู้รับจ้างทางด้านการแพทย์ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่จะมีการรักษาในรูปแบบนาโน ที่จะให้ผู้ป่วยกลืนหลอดแคปซูลที่ได้บรรจุกล้องขนาดเล็ก เข้าไปดูอวัยวะภายใน และใช้เทคโนโลยีระบบเครือข่ายระหว่างประเทศ การสื่อสารผ่านระบบทั้งผ่านวงจรข่ายสายและดาวเทียมไปยังประเทศอเมริกา เพื่อให้แพทย์หรือผู้เชียวชาญ เป็นผู้วินิจฉัย ซึ่งหากมีการลงทุนเกิดขึ้นหรือเกิดการรับจ้างขึ้นมาก็จะทำให้มีรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาท เพราะบริการในรูปแบบนี้ยังไม่มีการลงทุนมากนักนักในโลกนี้
  
ในจุดนี้เองได้เปรียบเสมือนการเริ่มต้นถึงการมองแนวทางถึงมิติใหม่ในด้านการลงทุนของไทยในอนาคต โดยเฉพาะด้านทางการแพทย์ ที่จะมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารและนาโนเทคโนโลยี รวมถึงถึงด้านชีวภาพทางการแพทย์ ที่เข้ามาผสมผสานร่วมกัน
 
ปัจจุบันหากเชื่อมโยงได้ กลุ่มชินคอร์ปนั้น ก็มีธุรกิจด้านการแพทย์อยู่ในมือ ซึ่งก็คือ โรงพยาบาลพระราม 9 ซึ่ง บริษัท เอสซี แอสแซส เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นโรงพยาบาลประจำตระกูลชินวัตร ที่ใช้รักษาพยาบาล ซึ่งหากนับย้อนเวลาไปได้ ก็ให้นึกถึงโครงการ 30 บาท ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รณรงค์ให้ประชาชนใช้บริการสถานพยาบาลของรัฐ แต่ตัวเองไม่ใช้ มาใช้โรงพยาบาลแห่งนี้ ใน

โรงพยาลบาลแห่งนี้มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายด้านที่ได้มีการจับจองซื้อตัวมา และถ้ากลุ่มชิน คอร์ป มาลงทุนด้านนี้ก็ถือว่าวงการแพทย์ก็จะสั่นสะเทือนได้ทันทีเช่นกัน ซึ่งยังไม่นับรวมถึงการเข้าไปซื้อธุรกิจโรงแรมในบางแห่ง ที่กลุ่มชินคอร์ปหมายที่จะให้เป็นสถานทีเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์แบบครบวงจร ทั้งการรักษาและการฟื้นฟูร่างกาย
กำลังโหลดความคิดเห็น