xs
xsm
sm
md
lg

สัมภาษณ์พิเศษ : เอสไอเอสดีเดย์เทรด 21 มิ.ย.ขาใหญ่ 'เสี่ยปู่' ดอกถือหุ้น 3%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ
กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย)

วันจันทร์ที่ 21 มิ.ย. นี้ หุ้นน้องใหม่บริษัทเอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) หรือ SIS จะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลัก- ทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก ท่าม กลางสถานการณ์หุ้นจอง-IPO ไม่สดใสมาตลอดปีที่ส่วนใหญ่จะสร้างความบอบช้ำให้กับนักลงทุน เอสไอเอสฯจึงยอมปรับลดราคา ขายไอพีโอลงเมื่อเห็นว่าภาวะตลาดหุ้นเปลี่ยน ไป หวังจะเห็นนักลงทุนได้รับกำรี้กำไรติดไม้ติดมือกันบ้าง หรืออย่างน้อยก็ไม่ขาดทุนมากนักจากการลงทุนหุ้นจอง
"ผู้จัดการรายวัน"จึงได้สัมภาษณ์ นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) ถึงความมั่นใจในการตัดสินใจนำหุ้นขายให้กับประชาชนและเข้าเทรดในภาวะที่เรียกว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่งและมีความปรวนแปร
ทราบว่ามีการปรับลดราคาขายไอพีลงมาเหลือ 4.15 บาท
ตรงนี้ต้องเล่าก่อนว่า ที่จริงเราคาดว่าจะเข้าตลาดได้ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2547 แต่ปรากฏว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีการขอข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาค่อนข้างมาก ทำ ให้แผนการเข้าตลาดต้องล่าช้าออกไป
ซึ่งในช่วงนั้นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย คือ บล.กิมเอ็ง ได้มีการสำรวจราคาหุ้นที่เหมาะสมจากนักวิเคราะห์หลายค่าย ปรากฏว่าส่วนใหญ่ให้ราคาเอสไอเอสเกินกว่า 5 บาท ช่วงนั้นเราจึงตั้งราคาเบื้องต้นกันที่ 5 บาท แต่เมื่อต้องส่งข้อมูลเพิ่มทำให้การเข้าตลาดล่าช้าออกไป และภาวะตลาดก็เปลี่ยนไป จึงมีการปรับราคาหุ้นลงมาเหลือ 4.15 บาท เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาด
ทำไมไม่รอให้ภาวะตลาดดีขึ้นก่อนแล้วค่อยขาย
เรามีการคุยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ที่ปรึกษาก็ไม่สามารถระบุได้ว่าหากรอภาวะตลาดดีขึ้นจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ บล.กิมเอ็ง จึงแนะนำว่าช่วงนี้หุ้นเริ่มนิ่งแล้ว หยุดลงแล้ว คือดัชนีปรับลงมาในระดับ 600 จุดเศษแล้ว หากจะขายก็ขายได้ เราจึงคิดว่าเข้าเลยแล้วกัน ถึงแม้ราคาหุ้นไม่ดีนัก หรืออาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดที่ผันผวน แต่เราก็มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของเราจะสะท้อนไปสู่ราคาหุ้นเอง
ปรับราคาลงเท่ากับเราเสียเม็ดเงินที่จะได้จากการระดมทุนไปส่วนหนึ่ง
การขายหุ้นครั้งนี้เราได้เงินประมาณ 170 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเงินหายไป 30 กว่าล้าน แต่เราก็ต้องยอมรับว่าภาวะมันเปลี่ยนไป และถ้าคิดว่าจะขายให้ได้ก็ต้องปรับราคาลง
ย้อนกลับที่ว่าก.ล.ต.ขอข้อมูลเพิ่มเติมคือเรื่องอะไร
ขอกลับมาเยอะมาก แต่เรื่องหลังสุดที่สำคัญเป็นเรื่องวิธีการบันทึกบัญชี ซึ่งรู้สึกว่า ก.ล.ต.จะเป็นห่วงตรงนี้มาก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีที่มีความเข้มงวดมากขึ้นก่อนที่จะอนุญาตให้ขายหุ้น เพราะต้องการปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน
นอกจากนั้นยังมีการให้ชี้แจงเกี่ยวกับหุ้นที่ขายให้กับผู้มีอุปการคุณว่าเราให้ใครบ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่าหุ้นของเราเป็นแค่บริษัทเล็กๆ เอกชน ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ ไม่น่าจะซีเรียสเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็เข้าใจว่า ก.ล.ต. ต้องปฏิบัติต่อทุกบริษัทเหมือนกันหมด แล้วเราก็ยังมีหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมขายออกไปก่อน ที่จะไอพีโออีก ก.ล.ต.ก็ถามรายละเอียดมากพอสมควร
เงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ทำอะไรบ้าง
ส่วนหนึ่งก็ชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของเราลดลงเหลือ 4-5 เท่า จากก่อนขายหุ้น D/E ค่อนข้างสูงอยู่ที่ประมาณ 10 เท่า ที่เหลือก็ใช้ในการ ขยายกิจการ ซึ่งธุรกิจของเอสไอเอสจะต้องมีเงินสำรองไว้จำนวนมาก เพราะลูกค้าของเราส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี หรือไม่ก็เป็นพวกนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบแล้วมาเปิดร้านขายคอมพิวเตอร์ ดังนั้น กว่าจะเรียกเก็บเงินได้ค่อนข้างนานประมาณ 60 วัน ในขณะที่เราสั่งของจากไอบีเอ็ม หรือ เอชพี จะต้องจ่ายเงินภายใน 30 วัน นอกจากนั้นเราต้องมี สต็อกสินค้าเพื่อให้ลูกค้าสะดวกเวลาสั่งซื้อสินค้าจากเรา ซึ่งต้องใช้เงินค่อนข้างมาก
เรามีความชัดเจนว่าการเข้าตลาดก็เพื่อระดมเงินจากนักลงทุน แต่จะส่งผลให้การระดมเงินโดยวิธีอื่น อย่างเช่นการกู้เงิน หรือออกตั๋วสัญญาระยะสั้น (B/E) ทำได้ง่ายขึ้นด้วย เห็นได้ชัดเลยเมื่อเราบอกจะเข้าตลาด แบงก์ก็ลดอัตราดอกเบี้ยให้ทันที ซึ่งในส่วนนี้มันกลับกันเลย ตอนที่เรายังไม่แข็งแรงต้องการเงินกู้จากแบงก์ แบงก์กลับคิดอัตราดอกเบี้ยเราสูงเพราะแบงก์ต้องป้องกันความเสี่ยง แต่ตอนนี้เราค่อนข้างจะแข็งแรงแล้ว กลับมาลดดอกเบี้ยให้เรา แต่ก็เข้าใจว่าเป็นความจำเป็นของแบงก์
ก่อนหน้าที่จะกระจายหุ้นมีการขายหุ้นให้กับนักลงทุนกลุ่มอื่น
เมื่อปีก่อนผู้ถือหุ้นใหญ่ของเราคือ SiS Technologies Pte. Ltd ได้ขายหุ้นบางส่วนออกไปให้กับ บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 ล้านหุ้น และให้กับนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล อีกจำนวน 6 ล้านหุ้น ในราคาที่ไม่เท่ากับราคาไอพีโอ ซึ่งตรงนี้ ก.ล.ต.เค้าก็เป็นห่วงมาก เราก็เปิดเผยข้อมูลหมด
ทำไมถึงมีชื่อของ "สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" หรือเสี่ยปู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ตรงนี้ทางที่ปรึกษาทางการเงินคือกิมเอ็งเค้าแนะนำว่าก่อนที่จะเข้าตลาดเราควรมีนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเข้ามาถือหุ้นก่อน เมื่อหุ้นเข้าตลาดแล้วราคาจะได้มีเสถียรภาพ ซึ่งในส่วนของคุณสมพงษ์ เอง ตอนแรกก็รับรู้แต่ว่าเค้าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งเราก็กลัวเหมือนกัน แต่ก่อนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเราคุณสมพงษ์ได้ศึกษาข้อมูลเราค่อนข้างมาก มีการถามรายละเอียดทุกอย่าง ทำให้เรามีความมั่นใจว่าลักษณะการลงทุนของคุณสมพงษ์ เป็นการระยะยาวจริงๆ ซึ่งหุ้นในส่วนที่ขายให้กับนักลงทุนก่อนนี้ติดระยะเงียบหรือไซเรน พีเรียดหรือห้ามซื้อขายด้วย ตรงนี้ก็ได้ชี้แจง ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว
แล้วทำไมผู้ถือหุ้นเดิมถึงตัดสินใจขายหุ้นออกมา
เหตุผลแรกคือ ทางกิมเอ็งแนะนำให้ขายออกมาบ้างส่วนหนึ่งให้นักลงทุนที่ต้อง การลงทุนยาว เหตุผลที่สองก็คือผู้ถือหุ้นก็ต้องการที่จะขายทำกำไรบ้าง เพราะเค้าลงทุนกับเรามา 6 ปีแล้ว ประกอบกับเมื่อปีที่แล้วสิงคโปร์และฮ่องกง เจอผลกระทบโรคซาร์สซึ่งค่อนข้างหนัก ทำให้เค้าต้องการขายหุ้นเพื่อสนับสนุนทางบริษัทโน้นด้วย ก็เลยตัดสินใจขายหุ้นออกมาส่วนหนึ่งคือ 12 ล้านหุ้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังจากไอพีโอแล้วเป็นอย่างไร
ก็จะมี SiS Technologies ถือหุ้นใหญ่ประมาณ 29.47% ตัวผมเองถือ 20.76% คุณสมบัติ ปังศรีนนท์ ถือ 18.51% ทิพย-ประกันภัยถือ 3% และคุณสมพงษ์ถือ 3%
ถามถึงเรื่องผลการดำเนินงานบ้าง
ที่ผ่านมา เอสไอเอสมีอัตราการเติบโตทั้งในส่วนของยอดขายและกำไรไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี ส่วนในปีนี้ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะเติบโตเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ใส่ข้อมูลนี้ในไฟลิ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผลการดำเนินงานแย่ลงกว่าในอดีต ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/47 ก็ออกแล้วคงจะยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ในเร็วๆนี้
ไตรมาสไหนที่ยอดขายจะ Peek ที่สุด
ตามปกติจะเป็นไตรมาสที่ 3 เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลปิดงบประมาณก็จะมีการสั่งซื้อกันมาก ในส่วนของบริษัทก็เหมือนกันกว่าจะสำรวจราคากว่าจะตัดสินใจซื้อส่วนใหญ่ก็เป็นในไตรมาส 3 ส่วนไตรมาส 4 จะแย่หน่อย เพราะเค้าซื้อกันเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 3 แล้ว ประกอบกับมีวันหยุดเยอะ
อัตรากำไรขั้นต้นของเราเป็นอย่างไร
ค่อนข้างน้อยนะคือประมาณ 5% ซึ่งธุรกิจแบบนี้ต้องเน้นวอลุ่มขายมากกว่า
อัตราการจ่ายเงินปันผลเป็นอย่างไร
ในอดีตเราไม่เคยจ่ายปันผลเลย เพราะนำเงินมาลงทุนตลอด แต่หลังจากเข้าตลาดเรากำหนดการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งก็จะเริ่มจ่ายสำหรับผลการดำเนินงานปี 2547
การแข่งขันในธุรกิจและทิศทางธุรกิจเป็นอย่างไร
เอสไอเอส เป็นบริษัทค้าส่งสินค้าไอที คือจะรับมาจากไอบีเอ็ม หรือเอชพี แล้วนำมากระจายสินค้าต่อ ซึ่งตอนนี้การแข่งขันก็ไม่มาก เพราะตลาดยังขยายตัวได้อีกเยอะ ดูจากอัตราการใช้คอมพิวเตอร์ของคนไทยที่ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ที่ผ่านมาลูกค้าเราเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เยอะ แล้วยังมีองค์กรอีก ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีหลายบริษัทที่ต้องลงทุนในส่วนของไอที เพราะต้องยอมรับว่าแนวโน้มมันเป็นไปทางนั้น เมื่อก่อนเราเน้นใช้คน แต่ปัจจุบันต้องใช้อุปกรณ์ไอทีมาช่วยเพื่อลดต้นทุน
ส่วนทิศทางธุรกิจดูจากเรื่องของการใช้งานตลาดยังมีอีกเยอะมาก และทางไอซีทีก็ช่วยผลักดันได้เป็นระดับแสนเครื่อง แต่เราต้องการเป็นล้านเครื่อง การใช้ส่วนตัวยังมีอีกยังเยอะ ในขณะที่องค์กรที่เห็นก็ยังใช้งานมาก อีกเรื่องก็มาจากการไดร์ฟของการใช้อินเทอร์เน็ต และการใช้ประโยชน์
"เวลาเศรษฐกิจโตเราก็โตตามเพราะเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าทุน การเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยี ก็ช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้คนไทยต้องหันมาใช้เทคโนโลยีช่วยเพื่อแข่งขันให้ทันต่างชาติ ที่น่าสนใจ ธุรกิจนี้มีเสนห์ตรงที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย มีการพัฒนารุ่นใหม่ๆ เข้ามา แต่ก็คงไม่ถึงกับเหมือนเปลี่ยนมือถือ"
เอสไอเอสมีมาร์เกตแชร์ประมาณเท่าไหร่
เราอยู่อันดับ 2 มีมาร์เกต แชร์ประมาณ 10% ส่วนอันดับ 1 คือเน็คเทค และอันดับ 3 ก็เป็น แวลูซิสเต็ม
หากวันที่เข้าตลาดแล้วภาวะไม่ดีหุ้นต่ำกว่าจอง เราจะซีเรียสหรือไม่
หากเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ต้องยอมรับ ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่เราจัดสรรให้กับผู้มีอุปการคุณ ก็คือพวกคู่ค้า ของเรานั่นเอง และผมก็มีการบอกล่วงหน้าแล้วว่าสถานการณ์เป็นอย่างนี้นะ วันเข้าตลาดหุ้นอาจจะลงก็ได้ หากใครรับความเสี่ยง ไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผลการดำเนินงานจะเป็นตัวสะท้อนราคาหุ้นของเราเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น