xs
xsm
sm
md
lg

“พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ก” มองภัยไซเบอร์ปี 62 ไทยคล้ายฟิลิปปินส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ธิติรัตน์ ทองถาวร และ Kevin O’Leary
บริษัทซีเคียวริตี้อเมริกัน “พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ก” (Palo Alto Networks) เปิด 5 เทรนด์ภัยไซเบอร์มาแรงปี 2562 เชื่อ 3 ใน 5 เทรนด์แรงจะส่งผลชัดเจนในประเทศไทยช่วงปีหน้า เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ ที่มีแนวโน้มใกล้เคียงกันมากที่สุดในอาเซียน ประเมินภาคการเงินลงทุนระบบป้องกันภัยไซเบอร์เพิ่มจาก 2-4% มาเป็น 6-7% จากงบลงทุนระบบไอทีรวม คาดหลายหน่วยงานลงทุนซีเคียวริตีเพิ่มชัดเจนในยุคดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน

เควิน โอ แลรีย์ (Kevin O’Leary) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ประจำเอเชียแปซิฟิก บริษัท Palo Alto Networks เปิดเผยถึงข้อมูลคาดการณ์ภัยไซเบอร์ปี 2562 สำหรับประเทศไทยว่าจะโดดเด่นที่สุดใน 3 ส่วน ได้แก่ 1.เรื่องการรักษาความปลอดภัยระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมือง (Critical Infrastructure หรือ CI) ซึ่งเชื่อว่า รัฐบาลไทย และหน่วยงานหลายบริษัท จะให้ความสำคัญมากขึ้นต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า 2.การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ที่จะขยายตัวบนความร่วมมือที่มากขึ้น และ 3.การป้องกันข้อมูลของประชาชน ที่รัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองอย่างเข้มข้นกว่าเดิม

“เทรนด์ภัยไซเบอร์อันดับ 1 ในไทยช่วงปีหน้า คือ เรื่อง CI เนื่องจากการผลักดันเมืองอัจฉริยะของภาครัฐ และเอกชนไทย ทั้งหมดนี้ทำให้ CI เป็นเรื่องควรต้องโฟกัสเป็นพิเศษถึงปี 2565” เควินระบุ “อีกจุด คือ การป้องกันข้อมูล แม้วันนี้จะยังไม่มีโซลูชันเบ็ดเสร็จสำหรับการปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างประเทศ แต่กฎหมายก็ช่วยป้องกันได้ โดยเฉพาะในยุคของปัญญาประดิษฐ์ Machine Learning และ A.I.”
Kevin O’Leary
เทรนด์ภัยไซเบอร์ร้อนแรงที่สุดในไทยช่วงปีหน้าทั้ง 3 ข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งใน 5 ภัยที่ผู้บริหาร Palo Alto Networks มองว่าจะมีผลชัดเจนในเอเชียแปซิฟิก โดยอีก 2 ภัย คือ ปัญหาอีเมลล่อลวง ที่ถือว่าเกิดมานานบนวิธีล่อลวงแบบเก่านั้น จะยังทำให้เกิดผลเสียหายมากมายในปีหน้า และปัญหาช่องโหว่ในระบบไอทีของซัปพลายเชนบริษัท ซึ่งทุกบริษัทควรใส่ใจ ไม่เปิดช่องให้ใครโจมตีได้

“Supply Chain ของหลายธุรกิจยังคงมีช่องโหว่ Supply Chain ที่ยิ่งซับซ้อน ก็จะยิ่งโจมตีได้ง่าย ระบบไอทีวันนี้ซับซ้อนมากขึ้น บริษัทจึงควรต้องใส่ใจว่า บริษัทเชื่อมต่อกับใครบ้าง” เควินย้ำ “อีเมลก็จะยังทำให้เกิดผลเสียหายได้อยู่ เหมือนรถยนต์ ที่ใครเผลอไปกดปุ่มที่ผิดพลาด ก็อาจจะสร้างความเสียหายได้”

ผู้บริหาร Palo Alto Networks ย้ำว่า ทั้ง 5 ภัยไซเบอร์นี้ มีโอกาสส่งผลในตลาดไทยทั้งหมด แต่ 3 ภัยแรกนั้น ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึง เพราะแนวโน้มการส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไทยที่สูงกว่า เบื้องต้นประเมินว่า ภัยไซเบอร์ไทยปีหน้านั้น มีบางส่วนคล้ายกับหลายประเทศในอาเซียน แต่เนื่องจากหลายประเทศมีการตื่นตัวและป้องกันภัยไปก่อนแล้ว ต่างจากบางประเทศเช่นไทย และฟิลิปปินส์ ที่เพิ่งเริ่มต้นไม่นาน ทำให้ไทย และฟิลิปปินส์ มีเทรนด์ภัยไซเบอร์ที่คล้ายกัน

เบื้องต้น เควิน ระบุว่าไม่ต้องการระบุตัวเลขประเมินความเสียหายจากภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า เนื่องจากตัวเลขทั้งหมดเป็นการคาดเดาที่ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากประเมินในแง่ของการลงทุนเพื่อป้องกันภัยซีเคียวริตีปีหน้า พบว่า ภาคการเงินส่งสัญญาณเตรียมเพิ่มงบพร้อมลุยมากที่สุด

“ในมุมหน่วยงานรัฐอาจบอกงบลงทุนได้ยาก แต่จากการสำรวจความเห็นผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายแห่ง พบว่า หลายรายวางแผนจะลงทุนราว 7-8% ของงบลงทุนไอทีรวม ตัวอย่างเช่น บริษัทด้านการเงิน จากที่เคยลงทุนราว 2-4% เท่านั้น แต่บางรายบอกว่าจะเพิ่มเป็น 6-7% อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตก็จะยังเป็น 2-3% อยู่ ขึ้นอยู่กับบริษัท ซึ่งตอนนี้มีการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ก็เริ่มใช้งบมากขึ้น เชื่อว่าการเพิ่มงบจะไม่ขยายตัวรวดเร็ว แต่ก็จะเห็นมากขึ้น”
ธิติรัตน์ ทองถาวร
สำหรับ Palo Alto Networks นั้น เป็นบริษัทที่สร้างชื่อจากธุรกิจจำหน่ายไฟร์วอลล์ ซึ่งปักหลักทำตลาดไทยมานาน 9 ปี จาก 13 ปีที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกา จุดนี้ ธิติรัตน์ ทองถาวร ผู้จัดการประจำประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน Palo Alto Networks ระบุว่า วิสัยทัศน์ของบริษัทในวันนี้ คือ การมุ่งให้บริการในรูปแพลตฟอร์ม โดยเรียกว่า Security Operating Platform ซึ่งจะมีการร่วมมือกับบริษัทอื่น เพื่อพัฒนาระบบซีเคียวริตีเฉพาะทางได้เร็วขึ้น เช่น ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับ IoT หรือ A.I.

“เราเป็นแพลตฟอร์ม ไม่ได้เป็นแค่ไฟร์วอลล์เหมือนแต่ก่อน วันนี้เราทำไฟร์วอลล์บนคลาวด์ได้ แถมยังเป็นมากกว่านั้น เพราะสามารถเติมความสามารถใหม่ได้หมด ไม่ว่าจะใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือคลาวด์ สามารถทำซีเคียวริตีได้เหมือนกัน เพราะเปิดให้ทุกคนเข้ามาพัฒนาได้บนแพลตฟอร์มเรา”

ในยุคทองของ IoT, ฟินเทค, ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน, A.I., คลาวด์ และกฎหมาย GDPR ทั้งหมดนี้ ผลักดันให้ธุรกิจของ Palo Alto Networks เติบโตขึ้นนอกเหนือจากธุรกิจเดิม ล่าสุด บริษัทมีรายได้มากกว่า 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 29% ต่อปี ตลาดหลักที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในขณะนี้ คือ เอเชียแปซิฟิก รวมญี่ปุ่น (APJ) ซึ่งเติบโตมากกว่า 35% ในไตรมาสแรกของปี 2562.


กำลังโหลดความคิดเห็น