บอร์ดดีอี อนุมัติ (ร่าง) แนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ ตามมาตรา 60 และ (ร่าง) การอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติเข้าตลาดไทย หวังกระตุ้นการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมอนุมัติทีโอทีลงทุนปรับปรุงโครงข่ายรองรับเลขหมายสิบหลักสอดรับข้อตกลงไอทียู ให้เสร็จภายใน ม.ค.2564
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2561 ซึ่งมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ได้เห็นชอบ (ร่าง) แนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary-Satellite Orbit : GSO) ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบการจัดทำ (ร่าง) แนวทางฯ ดังกล่าว เพื่อมุ่งเน้นให้ประเทศไทยมีนโยบายที่กำหนดแนวทางในการรักษาตำแหน่งวงโคจรและข่ายงานดาวเทียมของประเทศที่ชัดเจน เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 60 ที่กำหนดให้ รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน...
และเห็นชอบ (ร่าง) นโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา ประเทศไทยยังไม่มีนโยบายอนุญาตให้ใช้งานดาวเทียมต่างชาติในเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ผู้ประกอบการและผู้ใช้งานดาวเทียมสื่อสารมีความต้องการใช้งานดาวเทียมต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้มีนโยบายและหลักเกณฑ์การขออนุญาตการใช้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศที่เหมาะสมและชัดเจน เพื่อกระตุ้นการสร้างบรรยากาศการลงทุนจากผู้ประกอบการต่างชาติ โดยผู้ประกอบการในประเทศจะต้องไม่เสียเปรียบ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสื่อสารเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงดีอีทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลไปกิจการดาวเทียมไปก่อนในช่วงที่ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ยังไม่มีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนการปรับปรุงโครงข่ายเพื่อรองรับเลขหมายโทรคมนาคมระยะยาว ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยการติดตั้งระบบชุมสายในการแปลงเลขหมายโทรศัพท์จาก 9 หลัก เป็น 10 หลัก เพื่อให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จในกำหนดระยะเวลาตามข้อตกลงสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ภายในเดือน ม.ค.2564
ในส่วนการจัดระเบียบสายสื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพ โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมถึงผู้เกี่ยวข้องร่วมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการสร้างท่อร้อยสายสื่อสารดังกล่าว ซึ่งต้องมีข้อคำนึงถึงแนวปฏิบัติในการดำเนินงานหลักๆ คือ การใช้โครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน การกำหนดราคาค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่ และการกำหนดราคาค่าเช่าท่อร้อยสายสื่อสารและการใช้โครงข่ายร่วมกันที่เหมาะสม