เสียวหมี่ เสริมไลน์ Mi 8 ด้วย Mi 8 Lite และ Mi 8 Pro ขยายกลุ่มลูกค้าในระดับแฟลกชิป ราคาคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น พร้อมเผยแผนขยายหน้าร้านเพิ่มเป็น 30 แห่งภายในปีนี้ รวมถึงแฟลกชิปสโตร์ที่ไอคอน สยามด้วย
นายจอห์น เฉิน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ กล่าวถึงภาพรวมในตลาดโลกของเสียวหมี่ ว่า ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เสียวหมี่ สามารถทำยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกไปแล้วกว่า 100 ล้านเครื่อง ซึ่งสูงกว่ายอดขายในปีที่ผ่านมาแล้ว และคาดว่ายอดขายในช่วงอีก 2 เดือนที่เหลือ จะทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“ในประเทศไทย เสียวหมี่ ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นแบรนด์ที่มียอดขายสมาร์ทโฟนเติบโตมากที่สุดในปีนี้ เช่นเดียวกับฐานกลุ่มผู้ใช้หมี่แฟน ที่ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาลงทะเบียนแล้วกว่า 1.5 แสนราย จากในช่วงต้นปีที่มีอยู่ราว 3 หมื่นราย”
ขณะเดียวกัน เสียวหมี่ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายหน้าร้านเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่ 12 แห่ง เป็น 30 แห่งภายในปีนี้ ซึ่งจะรวมถึงสาขาที่เป็นแฟลกชิปสโตร์ที่เปิดขึ้นในไอคอน สยามด้วย
ส่วนในอนาคตมีแผนที่จะเปิดแฟลกชิปสโตร์อีกแห่งที่เซ็นทรัลเวิลด์ในช่วงต้นปีหน้า เช่นเดียวกับการลุยขยายสาขาในพื้นที่ตัวเมือง จากที่ก่อนหน้านี้ เน้นกลยุทธ์ป่าล้อมเมืองจากพื้นที่ปริมณฑลก่อน เช่นเดียวกับการขยายไปยังต่างจังหวัดที่เป็นเมืองรอง
ล่าสุด เสียวหมี่ ได้เสริมไลน์สมาร์ทโฟนตระกูล Mi 8 ที่ถือเป็นรุ่นแฟลกชิป ด้วย Mi 8 Pro ซึ่งเป็นรุ่นที่เน้นการนำนวัตกรรมอย่างดีไซน์ฝาหลังไทเทเนียมแบบใสที่แสดงให้เห็นถึงชิปเซตภายในเครื่อง มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.21 นิ้ว ที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือได้ทันทีบนหน้าจอ
โดย Mi 8 Pro ในช่วงแรกจะทำตลาดร่วมกับทาง Lazada ซึ่งลูกค้าที่ซื้อผ่านแคมเปญในวันที่ 11.11 ในราคา 19,900 บาท จะได้รับนาฬิกา Amaze Fit ฟรี ส่วนร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไปจะเริ่มทำตลาดในวันที่ 15 พฤศจิกายน
ถัดมาคือ รุ่น Mi 8 Lite ที่เป็นรุ่นรองลงมา นำดีไซน์ของ Mi 8 มาปรับลดสเปกให้อยู่ในระดับราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น โดยวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 7,990 บาท วางจำหน่ายในแคมเปญ 11.11 ร่วมกับทางเจดีดอทคอม และเปิดขายผ่านช่องทางปกติในวันที่ 15 พฤศจิกายนเช่นเดียวกัน
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของ Mi 8 Pro ที่ถือเป็นการเปิดตลาดกลุ่มใหม่ในระดับพรีเมียมที่เสียวหมี่ ต้องการเข้าถึงมากยิ่งขึ้น ส่วน Mi 8 Lite ก็จะมาจับกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบการใช้งานโซเชียลเป็นหลักจากจุดเด่นของกล้องที่มีการนำ AI มาช่วย
