xs
xsm
sm
md
lg

"ชไนเดอร์" โชว์นวัตกรรมอนาคต ลดการใช้พลังงาน (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์
เมื่อเทคโนโลยี IoT เข้ามามีบทบาทกับอุตสาหกรรมและช่วยให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์และเก็บข้อมูลทำได้สะดวกขึ้น "ชไนเดอร์" ในฐานะบริษัทที่มีความชำนาญในการบริหารจัดการพลังงานก็เล็งเห็นเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งในมุมมองของชไนเดอร์ต่อเรื่อง IoT นั้น จะเป็นอย่างไร และแอปพลิเคชันที่ชไนเดอร์มีจะตอบโจทย์ต่อเทคโนโลยีนี้หรือไม่ มาฟังจากปาก "ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์" ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในงาน Innovation Summit ที่ประเทศสิงคโปร์กัน

*** IoT ช่วยประหยัดพลังงาน

ผู้บริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า ภายในปี 2573 เทคโนโลยีจะมีความต้องการในการใช้พลังงานอย่างมหาศาล พลังงานแสงอาทิตย์จะถูกกว่าพลังงานฟอสซิล รถพลังงานไฟฟ้าจะถูกใช้งานแทนที่รถธรรมดาถึง 50% ทำให้โลกของพลังงานไฟฟ้าและโลกดิจิทัลแยกกันไม่ออก ดังนั้นการนำ IoT มาใช้ในการบริหารจัดการพลังงานจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงานให้ใช้น้อยลงได้ ซึ่งหากมองในมุมการสั่งการด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ต้องบอกว่า ชไนเดอร์ทำ IoT มานานแล้ว แต่ในเวลานั้นไม่ได้เรียกว่า IoT โดยรายได้ในปีที่ผ่านมาจำนวน 24.7 ล้านยูโร พบว่ามาจากการให้บริการด้วย IoT ประมาณ 45% มีลูกค้าที่ใช้บริการของชไนเดอร์ที่เป็นอาคาร 1.6 ล้านแห่ง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 25%

ด้วยจุดเด่นของชไนเดอร์ที่ทำเฉพาะธุรกิจที่ถนัด ไม่ทำในสิ่งที่มีคู่แข่งทำอยู่แล้ว และเสริมศักยภาพด้วยการหาพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้องหรือซื้อบริษัทอื่นๆ โดย 5% จากรายได้ ชไนเดอร์จะนำมาใช้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ และชไนเดอร์ต้องพยายามทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจใหม่ในการบริหารจัดการอาคารว่าไม่ควรกังวลเฉพาะขั้นตอนการออกแบบและการสร้างเท่านั้น ซึ่งที่จริงแล้วหลังการสร้างอาคารเสร็จก็จำเป็นต้องบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพเช่นกัน โดยปกติแล้วเมื่อมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพจะสามารถประหยัดพลังงานลดลงได้ 30%

เมื่อผู้คนมีการใช้งานเครือข่ายมากขึ้น มีการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น การนำ IoT มาใช้จะทำให้สามารถบริหารจัดการระบบไฟฟ้าได้ดีขึ้น

แน่นอนว่าคงมีคำถามตามมาว่า เมื่อมีการนำ IoT มาใช้ เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวล ซึ่งชไนเดอร์ก็ตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ด้วยการมีพาร์ทเนอร์ด้านความปลอดภัยในการให้บริการด้วย แต่จากประสบการณ์พบว่าความเสี่ยงของข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเชื่อมต่อเครือข่าย แต่มาจากบุคคลที่นำอุปกรณ์ไปดึงข้อมูลออกมามากกว่า

แต่ละประเทศต่างมีกฎระเบียบเรื่องความปลอดภัยข้อมูลที่แตกต่างกัน และเรื่อง IoT ก็ยังเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งชไนเดอร์ก็ทราบดีและศึกษาเงื่อนไขและปฎิบัติตามให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ

อย่างไรก็ตาม เราต้องมองว่า IoT เป็นเทคโนโลยีตั้งต้นทำให้เกิดโซลูชั่นต่างๆตามมา แต่วัตถุประสงค์ของการนำ IoT มาใช้คือต้องสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละบุคคล สถานที่ หรือเวลาที่ถูกต้องได้ การลงทุนด้าน IoT จึงจำเป็นต้องเลือกลงทุนให้ถูกวัตถุประสงค์ว่าต้องการเก็บข้อมูลด้านไหนและจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาเท่าไหร่

"โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติการณ์ เนื่องจากความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเทคโนโลยีอย่างเช่น Internet of things (IoT) ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) และการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า ช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างนวัตกรรมได้มากขึ้น ทำธุรกิจได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยส่งเสริมความสามารถด้านการแข่งขัน"

*** EcoStruxure สอดรับ IoT

ดังนั้นในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบ ชไนเดอร์ต้องการแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมของชไนเดอร์สามารถช่วยลูกค้าและคู่ค้า ก้าวสู่การปฏิรูปทางดิจิทัลได้สำเร็จ ทั้งในระบบออโตเมชัน และการจัดการพลังงาน เทคโนโลยีของชไนเดอร์สร้างบนฐานของ EcoStruxure ที่ช่วยควบคุมอำนาจในการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ช่วยให้ลูกค้าของชไนเดอร์กลายเป็นผู้นำในเศรษฐกิจแบบใหม่ ที่มีทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ การเชื่อมต่อที่ดีขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น

เนื่องจาก EcoStruxure เป็นสถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มระบบเปิด ให้ศักยภาพด้าน IoT รองรับการใช้งานในลักษณะ plug and play สามารถทำงานร่วมกับระบบอื่นได้ไม่มีข้อจำกัด ซึ่ง แพลตฟอร์ม EcoStruxure นี้ จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และการเชื่อมต่อ

นอกจากนี้ EcoStruxure ยังเป็นการยกระดับความก้าวหน้าในเรื่องของ IoT โมบิลิตี้ ระบบเซนเซอร์ คลาวด์ การวิเคราะห์ และระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ เพื่อมอบนวัตกรรมในทุกระดับ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อ ระบบควบคุมปลายทางไปยังแอปพลิเคชัน (Edge Control) การวิเคราะห์ และการบริการต่างๆ โดยที่ผ่านมา EcoStruxure ได้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 480,000 ไซต์งาน โดยผู้วางระบบและผู้พัฒนากว่า 20,000 รายที่ให้การสนับสนุน ซึ่งมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์มากกว่า 1.6 ล้านรายการ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการผ่านบริการด้านดิจิทัลมากกว่า 40 บริการ

เพิ่มผลกำไรด้วย EcoStruxure Triconex และเพิ่มผลผลิตที่ดีขึ้นด้วย EcoStruxure Machine Advisor
EcoStruxure Asset Advisor แอปพลิเคชันที่ให้บริการตรวจสอบอุปกรณ์ ซึ่งเป็นบริการที่จำเป็นอย่างมาก ช่วยคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้า โดยทำงานผ่านคลาวด์ ด้วยการอาศัยข้อมูลในแบบ 24/7 เพื่อช่วยสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจสำหรับการทำงานของอุปกรณ์สำคัญในดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการจ่ายไฟฟ้า

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 20-21 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดงาน Innovation Summit ซึ่งเป็นงานประชุมด้านนวัตกรรมครั้งยิ่งใหญ่ ที่มารีนา เบย์ แซนด์ส ประเทศสิงคโปร์ โดยมีลูกค้า พันธมิตร และซัปพลายเออร์ รวมทั้งผู้บริหารชั้นนำในวงการอุตสาหกรรม มากกว่า 1,500 ราย ตบเท้าเข้าร่วมงาน โดยกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นการรวมพลผู้เชี่ยวชาญจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค และผู้นำทางความคิดในโลกอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันแชร์มุมมองเชิงลึก และแนวคิดใหม่ๆ ที่ชัดเจน บนความความท้าทาย และโอกาส เพื่อเพิ่มขุมพลังขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

*** ส่องศักยภาพ EcoStruxure

งาน Innovation Summit World Tour จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยครอบคลุมอีก 20 งานที่จัดขึ้นในทั่วโลก นับเป็นการจัดงานที่มีจำนวนมากกว่าปี 2560 ถึง 2 เท่า ซึ่งชไนเดอร์ได้นำเสนอการพัฒนา EcoStruxure หลักๆ ที่นำเสนอในงานครอบคลุมประเด็นต่างๆได้แก่

EcoStruxure Power อีกขั้นของสถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มแห่งอนาคตของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่ให้ศักยภาพด้าน IoT สำหรับการจ่ายไฟฟ้า โดยให้ขีดความสามารถมหาศาลในการจัดการพลังงาน ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและให้ความน่าเชื่อถือสูง พร้อมเปิดตัว EcoStruxure Power Advisor ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันใหม่สำหรับผู้ใช้งาน รวมถึง EcoStruxure Power Monitoring Expert 9.0 และ Power Scada Operation 9.0 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์บริหารจัดการที่ควบคุมอุปกรณ์ปลายทาง (edge control management software) พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อ ได้แก่ Prologic ION9000 Meter and Easergy P3 Protection Relay

EcoStruxure Building สถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ออกแบบมาสำหรับอาคาร ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินการจัดการด้านอาคาร พร้อมเพิ่มความสะดวกสบาย ให้ผลลัพธ์ในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งมี EcoStruxure Building Advisor แอปพลิเคชันใหม่สำหรับผู้ใช้งาน รวมถึงระบบควบคุมการทำงานปลายทาง EcoStruxure Building Operation 2.0 ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์การเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ SmartX IP Controller MPx และ SmartX Room Sensors อีกด้วย

Ecostruxure Plant & Machine เป็นเทคโนโลยี IIoT (Industry IoT) หรือIoT สำหรับภาคอุตสาหกรรม ครอบคลุมถึง ซอฟต์แวร์ที่ผสานรวมการทำงาน ซึ่งพร้อมสำหรับกระบวนการผลิตอัจฉริยะ และมอบโอกาสใหม่ทางธุรกิจสำหรับโรงงาน และผู้ผลิตเครื่องจักร ช่วย

ตลอด 2 วันของการจัดงาน ลูกค้าต่างเข้าร่วมฟังการพูดคุยเชิงกลยุทธ์ (Strategy Talks) หลากหลายหัวข้อด้วยกัน เช่น นิยามใหม่ของการกระจายพลังงาน ,การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ช่วยสร้างระบบการผลิตที่ชาญฉลาด และ อาคารในรูปแบบใหม่ โดยบริษัทได้จัดการประชุมเฉพาะด้านต่างๆ มากกว่า 15 หัวข้อ สำหรับทั้งลูกค้าและคู่ค้า พร้อมนำเสนอกรณีศึกษาความสำเร็จของลูกค้าที่เป็นรูปธรรม รวมถึงโซลูชั่น พร้อมการอภิปรายที่เปิดให้มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมในลักษณะอินเตอร์แอกทีฟ

นอกจากนี้ ยังมี การนำเสนอนวัตกรรมในรูปแบบ Innovation Hub บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร สำหรับการสาธิตผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ โซลูชัน และการบริการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่หลากหลาย นอกจากนี้ ในงาน Innovation Summit ที่ประเทศสิงคโปร์นี้ ยังแสดงให้เห็นถึงพลังเครือข่ายที่เติบโตขยายไปอย่างต่อเนื่องของบริษัท ทั้งในด้านเทคโนโลยี และพันธมิตรคู่ค้า รวมถึงสตาร์ทอัป โดยจะมีการนำเสนอโซลูชั่นจากพันธมิตร อาทิ ไมโครซอฟท์ แอคเซนเจอร์ ซิสโก้ ออโต้กริด แดนฟอสส์ ซอมฟี่ และ AVEVA เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น