ใกล้ครบกำหนดเส้นตายการติดตั้งโครงการเน็ตชายขอบ กสทช. 28 ก.ย.ที่จะถึงนี้ โดยผลการตรวจสอบล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เพื่อประเมินสถานการณ์พบว่า ส่วนใหญ่ทำงานมีความก้าวหน้าใกล้เคียงคำว่าสำเร็จ ในขณะที่รายที่รู้ว่า ใครโดนคิดค่าปรับไปแล้วกว่า 267 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ใช่ตัวเลขสุดท้าย เพราะยังต้องปรับกันอีกหลายเดือน และต้องมีการประนีประนอมเจรจา ยกเหตุผลข้ออ้างโทษฟ้าฝนสารพัด เพื่อยืดเวลาส่งมอบให้เสียค่าปรับน้อยที่สุด
แหล่งข่าวจาก กสทช. ระบุว่า จากการตรวจสอบสถานะโครงการเน็ตชายขอบ ของ กสทช.ที่มีระยะเวลาการดำเนินการติดตั้ง 1 ปี ซึ่งครบกรอบระยะเวลาการดำเนินการติดตั้ง ณ วันที่ 28 กันยายน 2561 โดยโครงการเน็ตชายขอบ แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 งานสำคัญ คือ การขยายบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้านชายขอบ และการจัดให้มีจุดบริการขยายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดเล็ก
ทั้งนี้ โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีผู้ชนะการประกวดราคา 3 บริษัท โดยมีผลการดำเนินการ ณ วันที่ 20 ก.ย.2561 โดยมีความก้าวหน้าของงาน ดังนี้
1. สัญญาภาคเหนือ 1 (บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต) ความก้าวหน้า 67%
2. สัญญาภาคเหนือ 2 (บริษัท ทีโอที) ความก้าวหน้า 10%
3. สัญญาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (บริษัท ทีโอที) ความก้าวหน้า 9%
4. สัญญาภาคกลางใต้ (บริษัท อินเทอร์ลิ้งค์) ความก้าวหน้า 95%
5. สัญญาภาคใต้เสี่ยงภัย (บริษัท อินเทอร์ลิงค์) ความก้าวหน้า 84%
ส่วนโครงการจัดให้มีจุดบริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดเล็ก มีผู้ชนะการประกวดราคา 3 บริษัท โดยมีผลการดำเนินการ ณ วันที่ 20 ก.ย.2561 โดยมีความก้าวหน้าของงาน ดังนี้
1. สัญญาภาคเหนือ 1 (บริษัท ทีโอที) ความก้าวหน้า 0%
2. สัญญาภาคเหนือ 2 (บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต) ความก้าวหน้า 70%
3. สัญญาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต) ความก้าวหน้า 96%
4. สัญญาภาคกลางใต้ (บริษัท กสท โทรคมนาคม) ความก้าวหน้า 83%
5. สัญญาภาคใต้เสี่ยงภัย (บริษัท กสท โทรคมนาคม) ความก้าวหน้า 82%
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทั้งนี้ ต้องรอดู ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาว่า แต่ละรายจะมีความก้าวหน้าเท่าไหร่ เพราะอุปสรรคสำคัญในปีนี้ คือ เรื่องสภาพอากาศที่มีความผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเข้าพื้นที่ชายขอบที่เป็นลักษณะป่าเขาห่างไกลมาก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทีโอที เพิ่งได้เริ่มมีการส่งมอบงานในงวดที่ 1 จากจำนวนงวดที่กำหนดไว้ในทีโออาร์ ทั้งสิ้น 3 งวด (สิ้นสุดสัญญาในวันที่ 28 กันยายน 2561) โดยปัจจุบัน ค่าปรับตามสัญญาในส่วนของสัญญาโครงการจัดมีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จำนวน 199,140,760 บาท และสัญญาการจัดให้มีบริการขยายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดเล็ก จำนวน 68,795,997 บาท รวมทั้งสิ้นกว่า 267,936,757 บาท (มูลค่า ณ วันที่ 25 ก.ย.2561) คงต้องคอยรอดูกันว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญา ทางบริษัททีโอที จะสามารถส่งงานในงวดต่อๆ ไปได้เมื่อไหร่
“คาดว่าต้องมีการเจรจากันเพื่อขอยืดระยะเวลา ด้วยข้ออ้างเรื่องฟ้าฝน แต่ต้องไม่ลืมว่า ระยะเวลาที่ยืดออกไป ต้องเท่าเทียมกันทุกราย ไม่ใช่เลือกปฏิบัติให้รายใดรายหนึ่งเป็นพิเศษ”
