อะเมซอน เว็บ เซอร์วิส (AWS) หนุนธุรกิจไทยใช้ AI, ML สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน สร้างบริการที่แตกต่าง บนงบประมาณที่ไม่เกินจริง ไม่ต้องลงทุนล่วงหน้า ใช้เท่าไรจ่ายเท่านั้น พร้อมยกตัวอย่างองค์กรที่นำโซลูชัน AWS ใช้งานแล้วกว่า 1 ล้านรายในทุกอุตสาหกรรม
โอลิเวียร์ ไคลน์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีเกิดใหม่ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประจำภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก และ ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AWS ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการประมวลผลแบบคลาวด์ ที่สามารถปรับขนาดการใช้งานได้ พร้อมมาตรฐานในด้านการปกป้องความลับ ความถูกต้องระดับสูง กล่าวว่า ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอย่าง AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์, ML (Machine Learning) การเรียนรู้ของเครื่องที่ถูกใช้งานเสมือนเป็นสมองของ AI และ DL (Deep Learning) การเรียนรู้เชิงลึก
ทั้ง 3 สิ่งนี้กำลังเป็นเรื่องที่มีความสำญคัญมากขึ้นทุกวัน เรียกได้ว่า องค์กรธุรกิจที่ต้องการมีความก้าวหน้าทางธุรกิจเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ต้องให้ความสำคัญความสามารถทางเทคโนโลยีใหม่นี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่ทุกองค์กรที่จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีโดยเฉพาะ แม้จะมีไอเดียดี แต่ไม่รู้จะนำมาปรับใช้อย่างไร ก็ไม่เกิดประโยชน์ จึงจำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสานต่อให้ไอเดียทางธุรกิจสัมฤทธิ์ผลได้ โดย AWS พร้อมเป็นผู้ให้บริการนี้
ผู้บริหาร AWS กล่าวว่า AWS เป็นเซอร์วิสที่คิดตามจ่ายจริง ไม่ต้องมีการลงทุนล่วงหน้า ไม่ต้องเสียเงินก่อน ทำให้สามารถทำการปรับเปลี่ยนได้เร็ว หากไม่ประสบความสำเร็จก็ปรับเปลี่ยนใหม่ได้ หรือเมื่อต้องการหยุดการทำงานก็หยุดจ่ายเงิน เหมือนเราใช้ไฟ ไม่เปิดก็ไม่เสียเงิน ไม่ต้องซื้อเซิร์ฟเวอร์ตัวใหญ่ๆ เพื่อมาบันทึกภาพ หรือข้อมูลเป็นจำนวนมาก โดยไม่รู้ว่าเมื่อไรจะนำมาใช้จริง
“โมเดลการทำธุรกิจของ AWS คือ จ่ายตามใช้จริง”
คอลเซ็นเตอร์เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ที่ต้องมีการบันทึกข้อมูลไว้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่รู้ว่าจะนำมาใช้เมื่อไร เป็นการเก็บข้อมูลเปล่าประโยชน์ แต่ด้วยโซลูชันของ AWS เมื่อสิ้นสุดแต่ละวัน จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากน้ำเสียง และอารมณ์ของลูกค้าว่า วันนี้ลูกค้าเข้ามาแสดงอารมณ์ และความรู้สึกที่ดีหรือไม่ดี เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้บริหารสามารถวิ่งเข้าหาข้อมูลเหล่านั้นได้โดยตรง และนำมาวิเคราะห์ทางธุรกิจได้
“คอนเซ็ปต์ ของ AWS คือ แมชชีนเลิร์นนิง ทุกคนมีสิทธิเข้าถึง โดย AWS ทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่าย และต้นทุนต่ำ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นตัวตนทางธุรกิจได้ แค่มีไอเดียว่าอยากใช้อะไร มาหาเรา เราจะประกอบร่างเหมือนจิ๊กซอว์ให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ”
โดย AWS จะทำงานร่วมกับลูกค้า ในลักษณะคุยกันว่า คุณมีความต้องการทางธุรกิจอย่างไร และจะนำเทคโนโลยีของเรามาปรับใช้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่นำเสนอ โดยมีระดับการใช้งานที่เริ่มต้นตั้งแต่ลูกค้าไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีเลย ซึ่งจะอยู่ในขั้น ML for everyone สูงขึ้นมาอีกขั้นจะเป็น ML for engineers, ML for data scientists และ INFRASTRUCTURE Powering ML เป็นระดับลึกสุด
ธนาคาร สถาบันการเงิน เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เหมาะกับการนำ AI มาปรับในการแก้ปัญหา อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เป็นทั้งวิกฤต และโอกาสพร้อมกัน วิกฤตจะสร้างดีมานด์ หรือความต้องการให้เกิดขึ้น ให้แบงก์เห็นโอกาสความสำคัญของการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ โดยก่อนหน้านี้ การนำเสนอแนวคิดในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้หลายอย่างต้องถูกยกเลิกไป เพราะต้องใช้งบประมาณสูงในการอิมพลีเมนต์แต่ละครั้ง แต่ปัจจุบันมีต้นทุนที่ถูกลงมาก
ปัจจุบัน AWS มีลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านราย จากทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ เทเลคอม อินชัวร์รัน ไฮเทคโนโลยี อย่างซัมซุง หรือสตาร์ทอัป ทีวี หนังสือพิมพ์ ส่วนในประเทศไทยลูกค้าส่วนใหญ่มีความหลากหลายในทุกอุตสาหกรรมเช่นเดียวกัน อย่างเทเลคอม รีเทล สตาร์ทอัป รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้ความร่วมมือที่สามารถเปิดให้บริการที่หลากหลาย
“carsale.com เป็นหนึ่งในลูกค้าของ AWS ที่สร้างโมเดลทางธุรกิจขึ้นภายในวันเดียว ลูกค้าที่มาใช้บริการเปรียบเทียบรถมือ 2 หลายๆ ยี่ห้อ ด้วยคอมพิวเตอร์วิชัน จะทำการเปรียบเทียบรถเปิดประทุนลักษณะเดียวกับนี้หลายๆ ยี่ห้อให้เห็น ทำให้ไม่ต้องไปเสียเวลาเปิดดูทีละยี่ห้อ ซึ่งเสียเวลามาก”
ตัวอย่างลูกค้าในประเทศจีน ภายใต้การทำงานร่วมกับ AWS ที่นำเซอร์วิสหลายๆ ตัวมาประกอบกัน ทำให้กล้องที่ติดอยู่ในรถสามารถบอกทิศทางให้รถขับได้เองโดยไม่มีคนขับ โดยใช้หลักการเดียวกันกับสมองที่ตัดสินใจว่าจะให้เลี้ยวตรงไหน ซึ่งต้องใช้ข้อมูลประกอบกันหลายอย่าง หรืออย่างในส่วนของ amazon.com ในหมวดอาหารสด มีการนำคอมพิวเตอร์วิชัน มาใช้ในการตรวจจับว่า สตอว์เบอรีลูกค้าไม่สดก็จะถูกคัดออก
“ทุกธุรกิจมีเป้าหมายต่างกัน AWS จะทำงานร่วมกับลูกค้าทุกราย เพื่อให้ได้ทุกโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้มากที่สุด”
ปัจจุบัน AWS มีกว่า 125 กลุ่มบริการ ที่สามารถพัฒนาแยกไปเป็นโซลูชันที่หลากหลายได้อีก โดยแต่ละวัน AWS ออกบริการใหม่ๆ 3-4 บริการ โดยในปี 2017 ที่ผ่านมา AWS เปิดตัวบริการใหม่ๆ ไปกว่า 1,430 บริการส่วนในปีนี้ คาดว่าจะมีบริการใหม่ๆ เปิดตัวได้มากกว่าปีที่ผ่านมา โดยทิศทาง AWS นับจากนี้ต่อไป จะยังคงมุ่งไปในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ซึ่งในระยะใกล้ยังคงมุ่งไปในแนวทาง AI, ML และ IoT