xs
xsm
sm
md
lg

เบ็นคิวโชว์รายได้ครึ่งปี โต 16% จากกลยุทธ์มาร์เกตติ้ง 4.0

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เบ็นคิวเผยยอดขายครึ่งปีแรก 149 ล้านบาท โต 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุเดินเกมตลาดตามกลยุทธ์ มาร์เกตติ้ง 4.0 เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เน้นสร้างประสบการณ์การใช้งานจริงให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

นางสาวธัญรัก นาสมยนต์ ผู้จัดการใหญ่ เบ็นคิว ประเทศไทย กล่าวว่า ผลประกอบการ 6 เดือนของปีนี้มียอดขายที่ 149 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16% โดยสัดส่วนมากกว่า 30% ของรายได้ยังมาจากผลิตภัณฑ์โปรเจกเตอร์ ที่แม้ว่าภาครัฐจะมีการชะลอตัวโครงการซื้อโปรเจกเตอร์ แต่เบ็นคิวก็ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 4 ที่ 6% ได้ โดยภายในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 7% และขยายเป็น 20% ภายในปีหน้า

ด้านนายวัชรพงษ์ วงษ์มา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า แม้ว่ายอดการสั่งซื้อจากหน่วยงานภาครัฐจะลดน้อยลง แต่เบ็นคิวไม่กระทบ เพราะว่า เบ็นคิวได้เตรียมแผนในการทำตลาดไว้แล้ว โดยเบ็นคิวจะเน้นเข้าภาคเอกชนมากขึ้น เช่น โรงเรียนเอกชน ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติ ที่มีกว่า 117 แห่ง บริษัทเอกชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ติดอันดับ 100 บริษัทต้องใช้โปรเจกเตอร์ของเบ็นคิว ซึ่งเราจะเจาะบริษัทเหล่านี้ที่พบว่ามีห้องประชุมขนาดเล็กหลายห้อง

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตสูงสูด คือ จอ Interactive flat panel และ จอ Professional LCD monitor หรือ ที่เรียกกันว่า จอช่างภาพ ตามมาด้วยจอ ZOWIE ในตลาดจอเกมมิ่ง อีสปอร์ต แบบ FPS ส่วนจอมอนิเตอร์แบบสแตนดาร์ด เบ็นคิวได้ลดการทำตลาดตัวล่าง ซึ่งมีราคาถูกลง และเข้าไปเจาะกลุ่มตลาดกลางถึงบนแทน ที่ต้องการเน้นการถนอมสายตา ด้วยเทคโนโลยี Brightness Intelligent Plus โดยหน้าจอจะสามารถปรับแสงได้เองตามสภาวะแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ผลของการเติบโตดังกล่าวมาจากกลยุทธ์การตลาดที่ไม่เหมือนคู่แข่งที่ส่วนใหญ่จะใช้กลยุทธ์ 4P แต่เบ็นคิว มองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ไม่ได้ในยุคปัจจุบัน จึงหันมาใช้กลยุทธ์ มาร์เกตติ้ง 4.0 เพื่อจะได้เข้าถึง และเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีความสนใจเจาะจงเฉพาะด้านตามหลักการตลาด 5A

หลักการตลาด 5A คือ Aware ทำให้ผู้บริโภครู้จัดแบรนด์ผ่านการทำรีวิวสินค้า หรือใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราจริงๆ, Appeal คือ การทำให้ผู้บริโภคเกิดความชื่นชอบแบรนด์ และจดจำเบ็นคิว, ASK สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายจากทางออนไลน์ และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบัน ลูกค้ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มักจะหาข้อมูลทางออนไลน์ก่อนการตัดสินใจซื้อ

ACT คือ การทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการขยายช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ เช่น ลาซาด้า การปรับปรุงหน้าร้าน เพื่อสร้างเป็น Experience Zone เพื่อให้ได้ทดลองเล่น โดยปัจจุบันมีอยู่กว่า 17 แห่งใน กทม. จะขยายเป็น 24 แห่งภายในปีนี้ โดยจะขยายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น และ ADVOCATE คือ การทำให้ผู้บริโภคสั่งซื้อครั้งที่สอง หรือมีการบอกต่อ โดยเบ็นคิว จะเน้นบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นการ on-site service ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ เช่น จอ Interactive flat panel, เลเซอร์โปรเจกเตอร์, จอช่างภาพ รวมทั้งขยายระยะเวลาการรับประกันให้ผู้บริโภคกลุ่มองค์กร และการเปลี่ยนสินค้าใหม่ให้ภายใน 30 วัน รวมทั้งมีการให้เครื่องใช้ระหว่างรอซ่อมด้วย

นอกจากนี้ เบ็นคิวยังเตรียมขยายศูนย์บริการหลังการขาย เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น กทม., เชียงใหม่, พิษณุโลก และระยอง

“เบ็นคิว ตั้งเป้าว่า ภายในปี 2563 สัดส่วนลูกค้าองค์กร และลูกค้าคอนซูเมอร์ ต้องมีสัดส่วนเท่ากันจากเดิมที่เรามีสัดส่วนคอนซูเมอร์มากกว่าถึง 70% เนื่องจากเมื่อก่อนเรามีผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถืออยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว จึงมั่นใจว่า เราจะสามารถเจาะตลาดองค์กรให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน” นายวัชรพงษ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น