“อินทัช” ซื้อหุ้น Series A ลงทุนสตาร์ทอัปไฟแรงชื่อ “ช็อคโก้ ซีอาร์เอ็ม” (Choco CRM) เต็มสูบ 40 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของหุ้นรวม มั่นใจระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าของ Choco CRM สามารถเติบโตได้ระดับภูมิภาคเหมือนโกเจ็ก หรือแกร็บ ดีกรีขณะนี้ คือ Choco CRM มีรายได้เพิ่มขึ้น 300% ต่อปี โกยรายได้ 19 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา คาดรายได้แตะ 30 ล้านบาทในปีหน้า ก่อนขยับก้าวกระโดดเป็น 200 ล้านบาทใน 3-5 ปี
ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล หัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์มีนโยบายลงทุน 200 ล้านบาทต่อปี การลงทุนส่วนใหญ่เลือกบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งผู้บริโภค และองค์กร พิจารณาจากการประเมินว่า ทีมเชี่ยวชาญตลาดและเทคโนโลยีมากแค่ไหน ซึ่งกรณีของ Choco CRM พบว่าเห็นโอกาสการเติบโตชัดเจน เนื่องจาก Choco CRM เป็นระบบที่ช่วยให้ร้านค้าเอาข้อมูลลูกค้ามาใช้ประโยชน์ เพื่อกระตุ้นลูกค้าเก่าให้กลับมาใช้บริการอีก
“ต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ สูงกว่าการดึงลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการถึง 5 เท่า ขณะที่ Choco CRM รองรับธุรกิจได้หลายแบบ อีกประเด็น คือ ไทยมีเอสเอ็มอีมากกว่า 3 ล้านราย และผู้บริโภคอีกหลายสิบล้านคน ทั้งหมดนี้เป็นโอกาสโตของ Choco”
ผู้บริหารอินทัช ระบุว่า นอกจาก Choco CRM ปีนี้บริษัทยังลงทุนอีก 3 บริษัท รวมเป็น 4 บริษัท โดยเม็ดเงิน 40 ล้านบาท ที่เทให้ Choco CRM ถือว่ามากกว่าบริษัทที่ประกาศลงทุนไปก่อนที่ 30 ล้านบาท คาดว่า ภายในปีนี้จะมีการประกาศลงทุนอีก 2 บริษัท เบ็ดเสร็จทั้งปีมีการอนุมัติลงทุนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา
“การลงทุนที่อินเว้นท์ลงไป กำลังเริ่มทำกำไร เราเน้นสตาร์ทอัปเทลโค และเทคโนโลยี เน้นบริการด้านวิเคราะห์ข้อมูล, AI และบล็อกเชน ยังไม่ลงทุนสตาร์ทอัปต่างประเทศ และจะเน้นสตาร์ทอัปไทยก่อน ที่ผ่านมา 6-8 ปี ใช้งบเฉลี่ย 100 กว่าล้านบาท เราพัฒนาหลายสิบทีม แต่ลงทุนจริง 2-4 ดีลต่อปี ได้รีเทิร์นเฉลี่ย 25% จากการลงทุน”
นับตั้งแต่โครงการอินเว้นท์ ก่อตั้งครั้งแรกปี 2555 อินทัชลงทุนสมาร์ทอัปไปแล้วทั้งสิ้น 16 บริษัท หนึ่งในนั้น คือ แบรนด์ที่คนไทยรู้จักอย่าง Ookbee และ Wongnai จุดนี้ผู้บริหารระบุว่ามีการขายสตาร์ทอัปไป 2 แห่ง และมีการควบรวมอีก 1 แห่ง รวมเป็น 13 บริษัทที่มีในมือ
สำหรับการลงทุนในขั้นซีรีส์เอ เป็นการลงทุนในสตาร์ทอัปที่มีรายได้แล้ว เงินทุนที่ได้จะถูกนำไปใช้ในการขยายบริการ ขยายทีม และทำการตลาด คาดว่าในอนาคต อินทัชจะลงทุนในระดับ Seed Funding ซึ่งเป็นช่วงที่สตาร์ทอัปมีแต่แผนธุรกิจ และยังไม่มีรายได้
สำหรับ Choco CRM นั้น เป็นบริการที่ก่อตั้งปี 2557 แนวคิด คือ ในวันที่เอสเอ็มอีไทยส่วนใหญ่เน้นลงทุนการตลาดผ่านโซเชียล แต่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า CRM ถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่ได้ผลดี ปัญหา คือ CRM ที่มีในตลาดต้องใช้ทุนสูง Choco CRM จึงเห็นช่องทางทำให้ 4 ปีที่เปิดให้บริการมีฐานลูกค้าแล้ว 1,300 ราย ลูกค้าเจ้าแรกที่อยู่มาด้วยกันตลอด 4 ปี คือ “ชาบูนางใน” มีผู้บริโภครับพอยต์จากระบบเกิน 1 ล้านราย
สิรสิทธิ์ สุริยพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ต้นสังกัด Choco CRM ระบุว่า คีย์หลักของบริการ คือ ต้องสร้างความภักดีต่อแบรนด์ โดยใช้ระบบ CRM เพื่อติดตามว่า กลุ่มลูกค้าแบบไหนต้องทำโปรโมชันอย่างไร ผลคือ รายได้ของ Choco CRM เติบโตมากกว่า 300% ต่อปี จากฐานลูกค้าที่เป็นเอสเอ็มอีร้านอาหาร, แบรนด์ค้าปลีก, ร้านทำผม, คาร์แคร์ และอื่นอีก 1,300 ราย คาดว่าอีก 3 ปี จะเติบโตเป็น 5,000 ราย ซึ่งหากทำได้จะทำให้ Choco CRM ทำเงินมากกว่า 200 ล้านบาท
โอกาสที่ Choco CRM มองเห็นในอนาคต คือ ทุกแบรนด์ที่ไม่รู้ว่า “ใครเป็นลูกค้า” ตลาด Micro CRM นี้ ถือว่าเป็นตลาดที่มีอนาคตไกล
“Choco CRM ชัดเจนเรื่องการใช้งบลงทุน จุดแรก คือ ตอนนี้ความต้องการสูง แต่ปัจจุบัน ระบบยังไม่รองรับ จุดที่ 2 คือ การขยายบริการไปหัวเมืองใหญ่ จุดที่ 3 คือ การขยายทีม สำหรับปี 2018-2019 เราเห็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ทุกสินค้าที่ขายในเซเว่น ควรจะต้องเก็บข้อมูลลูกค้าด้วย เราจะทำเป็นคิวอาร์โค้ด อาจมีการแปะคิวอาร์ที่ชั้นวาง” ซึ่งเมื่อลูกค้าสแกนคิวอาร์โค้ด และตอบรับเงื่อนไขแล้ว ข้อมูลลูกค้าทั้งรุ่นสมาร์ทโฟนที่ใช้, ชื่อ, อายุ, เพศ และข้อมูลอื่น จะถูกเก็บ เพื่อให้แบรนด์วางแผนทำโปรโมชันแบบเฉพาะกลุ่มต่อไป.
