เปิดใจซีอีโอหญิงคนแรกของดีแทค "อเล็กซานดรา ไรช์" ระบุกลางปีหน้าดีแทคสามารถ "กลับมา" ยิ่งใหญ่ในวงการได้เพราะช่วงกลางปีคือเวลาที่ดีแทคจะพร้อมเคลมเป็นเบอร์ 1 ด้านเครือข่าย มั่นใจศักยภาพดีแทคทั้งด้านเทคนิค เครื่องมือ และคน ยอมรับความท้าทายอยู่ที่ความถี่เพราะไทยให้ความสำคัญกับการจัดสรรคลื่นที่ต่างจากนานาชาติ ย้ำไม่สนใจแข่งขันเพราะภารกิจคุ้มครองลูกค้าสำคัญกว่า
การเปิดใจครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียง 1 สัปดาห์หลังการรับหน้าที่เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2561 ของอเล็กซานดรา ซึ่งมาแทน ลาร์ส นอร์ลิ่ง ที่แถลงลาออกจากดีแทคและกลุ่มเทเลนอร์ เพื่อแสวงหาโอกาสในการทำงานใหม่ โดยอเล็กซานดราเป็นชาวออสเตรียที่จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ มีพี่น้อง 4 คน เธอแต่งงานแล้วและมีทายาท 2 คน
อเล็กซานดราระบุว่าชื่นชอบกีฬากอล์ฟ และไม่ใช่แค่ชื่นชอบธรรมดาแต่เธอเป็นนักกีฬาทีมชาติของออสเตรียชนิดจริงจัง เธอย้ำว่าการแข่งขันคือการทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน ซึ่งช่วงที่เธอแข่งขัน เธอสามารถตีได้ดีที่สุดในเวลาที่ไม่คิดว่าจะตีได้ดี
แนวคิดนี้ทำให้อเล็กซานดรามั่นใจกับดีแทค เพราะมั่นใจว่าอาจจะทำให้เธอสามารถทำได้ดีที่สุดในช่วงที่ยากที่สุดเช่นกัน ความมั่นใจนี้เกิดขึ้นได้เพราะดีแทคมีศักยภาพสำคัญ 3 ส่วน คือแบรนด์ที่มีความอบอุ่นและความสุข, ลูกค้าที่มีมากถึง 20 ล้านราย และพนักงานที่มีพลัง
อเล็กซานดรายอมรับว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของดีแทค เนื่องจากวันที่ 15 กันยายน 2561 กำลังเข้าใกล้เข้ามา ซึ่งเป็นวันที่สัมปทานคลื่น 850 MHz ของดีแทคกำลังจะหมดลงจนเสี่ยงต่อภาวะซิมดับ
ในฐานะซีอีโอ อเล็กซานดรายืนยันว่าจะดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พันธกิจหลักแรกคือต้องคุ้มครองผู้ใช้บริการให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง พันธกิจต่อมาคือจะซื่อสัตย์ ให้ข้อมูลตรงไปตรงมา และพันธกิจที่ 3 คือหาวิธีใดก็ได้ให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าเดิม
อเล็กซานดราย้ำว่าลูกค้าที่เสี่ยงพบภาวะซิมดับในโครงข่ายดีแทคมีมากกว่า 400,000 ราย ทั้งหมดจำเป็นต้องอาศัยเวลาในการโอนย้ายเครือข่าย ส่วนมากพบว่าเป็นผู้สูงอายุที่ใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยที่ผ่านมา ดีแทคระบุว่าใช้หลายวิธีในการโอนย้ายเครือข่าย แต่ก็ยังหลงเหลือลูกค้าที่ติดต่อไม่ได้
ดีแทคจึงต้องการขอเวลา ให้ กสทช. เยียวยาด้วยการอนุมัติให้ใช้คลื่นซึ่งไม่ได้ถูกประมูล จุดนี้ดีแทคอ้างถึงทรูที่ได้รับการเยียวยาจาก กสทช. ในปี 2556 นานกว่า 1 ปีบนคลื่น 1800 MHz ภายใต้คำสั่งของ คสช. และเอไอเอสที่ได้เยียวยา 8 เดือนบนคลื่น 900 MHz ในปี 2558 ซึ่งกรณีหลังเป็นผลจากการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง
อเล็กซานดรายอมรับว่ามีหลายคนถามว่าทำไมดีแทคไม่ประมูลคลื่น 900 MHz คำตอบคือคลื่นที่ กสทช. นำออกมาประมูลคือคลื่นคนละย่านกับที่ดีแทคให้บริการลูกค้าอยู่ ถึงแม้จะประมูล 900 MHz มาได้ ดีแทคก็ยังต้องใช้เวลาติดตั้งโครงข่ายใหม่ เพราะอุปกรณ์เดิมบนโครงข่าย 850 MHz ไม่สามารถใช้ได้กับ 900 MHz
ถ้าจะติดตั้งใหม่ ดีแทคต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี ทำให้ต้องขอให้ กสทช. ผ่านมาตรการเยียวยา จุดนี้ดีแทคยอมรับว่าลูกค้าอาจได้รับผลกระทบในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ด้วยการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา บนความท้าทายที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนดีแทคเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามากขึ้น
อเล็กซานดราย้ำว่าการเยียวยายังเป็นการทำรายได้ให้กับรัฐ เพราะข้อกำหนดชี้ว่าผู้ให้บริการจะไม่สามารถแสวงหาผลประโยชน์จากมาตรการเยียวยาได้ อีกทั้งตามประกาศ กสทช. ยังกำหนดให้รายได้ระหว่างการให้บริการในระยะเวลาคุ้มครองจะต้องเป็นของรัฐ ผู้ให้บริการเป็นเพียงผู้รับรายได้แทนรัฐเท่านั้น เมื่อได้รับรายได้มาผู้ให้บริการทำได้เพียงหักต้นทุนค่าใช้จ่าย และนำส่วนที่เหลือส่งเข้ารัฐเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป
ดังนั้นคำที่คนพยายามบอกว่า "ดีแทคอยากใช้คลื่นความถี่ฟรี" ซีอีโอดีแทคย้ำว่าน่าจะไม่ถูกต้องนัก โดยแย้งว่าบริษัทมีต้นทุนดำเนินการเพิ่มชนิดที่ไม่ได้รับรายได้ใด ซึ่งถือว่าทั้งหมดเป็นการเน้นคุ้มครองลูกค้าโดยเฉพาะ และเป็นความคุ้มครองที่ กสทช. ควรมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน
นอกเหนือจากการคุ้มครองลูกค้า อเล็กซานดราวางเป้าหมายใหญ่ให้ดีแทคพร้อมกลับมายิ่งใหญ่ในช่วงกลางปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ดีแทคสามารถประกาศได้เต็มปากว่ามีเครือข่ายพร้อมและครอบคลุมมากที่สุด ผลจากการลงทุนที่ดีแทคระบุว่าจะขยายโครงข่ายการให้บริการทั้งคลื่น 2100 MHz และบริการบนคลื่น 2300 MHz ของทีโอที ทำให้ดีแทคเคลมตัวเองได้ว่ามีคลื่นพร้อมที่สุด ซึ่งจะทำให้ดีแทคมี "สาส์น" หรือข้อความที่ชัดเจนส่งต่อถึงลูกค้า
เมื่อถามถึงความท้าทาย ซีอีโอหญิงคนแรกของดีแทคชี้ว่าคือเรื่องความถี่ ซึ่งประเทศไทยมีจุดยืนในการจัดสรรความถี่ต่างจากประเทศอื่น จุดนี้ซีอีโอดีแทคย้ำว่านานาประเทศจัดสรรคลื่นเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ไทยเลือกจัดสรรคลื่นบนหลักเกณฑ์รายได้ ซึ่งไม่เอื้อต่อการพัฒนาในระยะยาว
อเล็กซานดรายืนยันว่าไม่กังวลเรื่องภาวะตลาดโทรคมนาคมไทยที่แข่งขันกันสูง เพราะถือเป็นเรื่องดีที่สร้างความท้าทายในด้านบวก ส่งผลทำให้บริษัทดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ซีอีโอดีแทคย้ำว่าจะยังไม่โฟกัสกับการกระตุ้นให้ดีแทคขยับจากเบอร์ 3 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ดีกว่าในวงการโอเปอเรเตอร์ไทย ซึ่งแม้จะชอบแข่งขันและเกลียดการแพ้ แต่ดีแทคขอโฟกัสที่การให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุด
สรุปแล้ว ความท้าทายเรื่องเยียวยา สำคัญกว่าการกลับมาเป็นเบอร์ 2 ในช่วง 3 เดือนแรกของการรับน้องใหม่ซีอีโอดีแทค ซึ่งหากพ้นช่วงเวลานี้ ดีแทคจะเดินเกมเต็มที่เพื่อให้กลับมาผงาดได้อีกครั้งแน่นอน.
------------
อเล็กซานดรา ไรช์ เป็นใคร?
อเล็กซานดรา ไรช์ ถือสัญชาติออสเตรีย ซึ่งก่อนจะรับหน้าที่เป็นซีอีโอคนใหม่ของดีแทคต่อจาก ลาร์ส นอร์ลิ่ง เมื่อ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา "อเล็กซานดรา" นั่งเก้าอี้ซีอีโอ เทเลนอร์ ฮังการี และเป็นหัวหน้ากลุ่มเทเลนอร์ในยุโรปกลาง หลังจากเริ่มทำงานในกลุ่มเทเลนอร์ในปี 2559 ในตำแหน่งหัวหน้าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มลูกค้าองค์กรสวิสคอม
หลังจากผ่านอาชีพ "นักลงทุนในธุรกิจธนาคาร" อเล็กซานดราริเริ่มเปิดตัวธุรกิจออนไลน์ และทำธุรกิจดิจิทัลสตาร์ทอัปในปี 2529
กระทั่งปี 2544 อเล็กซานดราจึงเริ่มงานในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้วยตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ที-ออนไลน์ ออสเตรีย (T-Online Austria) หลังจากนั้นจึงขึ้นแท่นดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ 3G ฮัทชิสัน ออสเตรียหลังจากจบการศึกษาด้านการจัดการธุรกิจ คณะเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเวียนนา
อย่างไรก็ตาม การเป็นชาวออสเตรียที่มีประสบการณ์หลักในยุโรปทำให้อเล็กซานดราถูกมองว่าอาจไม่เข้าใจตลาดไทย จุดนี้ซีอีโอดีแทคย้ำว่าจะทำความรู้จักลูกค้าคนไทยในระดับที่เหนือกว่าลูกค้ารู้จักตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่การให้บริการระดับ "เกินความคาดหมาย" ส่งให้ดีแทคครองใจชาวไทยได้อีกครั้ง
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อได้ฟังคำทาบทามให้มาดูแลดีแทค อเล็กซานดราย้ำว่าทราบมาก่อนเข้ารับตำแหน่งแล้วว่าดีแทคมีปมปัญหารุมเร้า เธอให้เหตุผลที่ไม่รอให้ถึงปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผ่านพ้นการเปลี่ยนผ่านสัมปทานแล้วจึงรับตำแหน่ง ว่าต้องการมาต่อสู้ด้วยกันกับทีมงาน เพื่อให้บริษัทและเธอเองสามารถเติบโตไปด้วยกัน
อเล็กซานดรายังไม่ลืมที่จะบอกว่ากำลังพยายามเรียนรู้ภาษาไทย โดยประโยคที่อเล็กซานดราพูดโชว์สื่อไทยคือ "ฉันรักดีแทค".