xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเหตุผลทำไมนักวิเคราะห์มองจีนเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ “ซิลิคอนวัลเลย์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจาก AFP
ดูเหมือนว่าไม่ใช่เฉพาะปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) คนดังแห่งซิลิคอนวัลเลย์ ที่มองว่า จีนกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเทคโนโลยีที่สำคัญของโลก แต่มีอีกหลายข้อมูลที่ระบุไปในทิศทางเดียวกัน โดยหนึ่งในนั้น คือ ข้อมูลการจดสิทธิบัตรที่มีรายงานว่า จีนทุบสถิติไปแล้วเรียบร้อย

ผู้ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล คือ บอสตัน คอนซัลท์ติ้ง กรุ๊ป ที่นอกจากจะบอกว่า ในปี 2016 ที่ผ่านมา จีนมีการจดสิทธิบัตร 7,150 ชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 24.8 เปอร์เซ็นต์ และถือเป็นตัวเลขที่เติบโตที่สุดใน 10 อันดับประเทศแถวหน้าของโลกด้วย

สำหรับบริษัทจีนที่มีการจดสิทธิบัตรสูงสุด คือ หัวเว่ย (Huawei) ที่ 2,390 ชิ้น นอกจากนั้น ก็มี ZTE, อาลีบาบา, เสี่ยวหมี่ และอีกมากมาย

ขณะที่ผลการเติบโตของบรรดายูนิคอร์น ในจีนก็รวดเร็วไม่แพ้กัน โดยมีหลายแห่งที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปแล้ว แถมเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วกว่าสตาร์ทอัปในสหรัฐอเมริกาด้วย ส่งผลให้มีการคาดการณ์กันว่า จีนจะมีศักยภาพมากพอที่จะแซงหน้าซิลิคอนวัลเลย์ ขึ้นเป็นแหล่งรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลกในเร็ววัน

อาวุธสำคัญของจีน คือ มีขนาดตลาดที่ใหญ่มากจนธุรกิจสตาร์ทอัปสามารถสเกลได้กับการมีภาครัฐที่สนับสนุนให้ธุรกิจภายในประเทศเติบโต ไม่เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำ และอีกปัจจัยหนึ่ง คือ วัฒนธรรมของชาวจีนเอง ที่เน้นสร้างความร่วมมือ ช่วยกันค้าขายได้เก่งกว่า
ภาพจาก Gettyimages
อาร์วิน เซทุมาทาวาน (Arvind Sethumadhavan) ผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของเดนท์สุ อิจิส เน็ตเวิร์ก ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า จีนอาจจะพลาดยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ในยุคข้อมูลข่าวสารนี้ จีนได้กลายเป็นผู้ร่วมออกแบบว่า ยุคข้อมูลข่าวสารนี้ควรจะมีลักษณะเช่นไร เห็นได้จากแบรนด์อย่าง อาลีบาบา (Alibaba) เทนเซนต์ (Tencent) ที่ปัจจุบันถูกบอกเล่าในฐานะแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้รับการยอมรับในระดับโลก

ความน่าสนใจประการสุดท้ายของจีน คือ การไม่ปิดกั้นทางเพศ โดยจีนมีผู้หญิงอยู่ในระดับผู้บริหารของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากกว่า 37 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงตำแหน่งวิศวกร และ Data Scientists ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

การเปิดกว้างนั้นทำให้จีนไม่ต้องประสบปัญหามากเท่ากูเกิล-อูเบอร์ ที่นอกจากจะแก่งแย่งพนักงานที่มีประสบการณ์แล้ว ยังต้องมาคอยแก้ไขปัญหาด้านการเหยียดเพศจนฝ่ายบริหารไม่เป็นอันทำงานด้วยนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น