xs
xsm
sm
md
lg

มองโอกาส 'เอปสัน' ในภาวะตลาดพรินเตอร์ซึม (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด
ในสภาวะที่ตลาดไอทีกำลังมุ่งเข้าสู่ดิจิตอล ทำให้องค์กรส่วนใหญ่ลดการสั่งซื้อเครื่องพิมพ์ หันมาใช้งานผ่านอีเมล หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆแทน ทางรอดของผู้จำหน่ายเครื่องพิมพ์อย่าง 'เอปสัน' จึงต้องขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV รวมถึงการเฟ้นหาธุรกิจใหม่มาเป็นตัวสร้างรายได้ในระยะยาวต่อไป

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพให้เห็นถึงตลาดเครื่องพิมพ์ในปีที่ผ่านมาว่า เริ่มอยู่ในตลาดที่ทรงตัวแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มของพรินเตอร์ที่มาพร้อมแท็งค์หมึกพิมพ์ ให้ผู้บริโภคสามารถเติมได้เอง ที่มีการแข่งขันราคาค่อนข้างสูงในปีที่ผ่านมา เมื่อมีการแข่งขันอย่างรุนแรงทำให้ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงเกือบ 10% ส่งผลให้ในฝั่งของผู้ผลิตไม่สามารถสร้างการเติบโตทางด้านรายได้แม้ว่าจะจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น แต่จากที่ราคาเฉลี่ยลดลงก็ยังส่งผลกระทบ

แต่ไม่ใช่ว่าตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบแท็งค์แท้จะลดหายไป เพราะว่าด้วยเทรนด์ของการที่หน่วยงานใหญ่ๆหันมาใช้งานอิงค์เจ็ทเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่มีราคาสูง กลายเป็นส่วนผลักดันให้ตลาดนี้มีการเติบโต

ที่ผ่านมาตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทส่วนใหญ่จะอยู่ในองค์กรธุรกิจขนาดกลางและย่อย (SMEs) ถึง 72% ในขณะที่การใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ก็มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น 6-7% เมื่อเทียบกับตลาดเครื่องพิมพ์ทั้งหมด แม้ว่าจะเติบโตถึง 21% ในปีที่ผ่านมา

โดยสัดส่วนการใช้งานเครื่องพิมพ์ระหว่างแท็งค์แท้ และแบบใช้งานหมึกเติมในปัจจุบันจะอยู่ที่ราว 59% ต่อ 41% ซึ่งแนวโน้มของแท็งค์แท้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในตลาดนี้เอปสันมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 1 ถึง 59% ตามมาด้วยเบอร์ 2 และ เบอร์ 3 ที่ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกันราว 18-19%
โดรน คือหนึ่งในสินค้าดาวรุ่งของเอปสัน
สำหรับเหตุผลที่ทำให้เครื่องพิมพ์แท็งค์แท้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น มาจาก 2 ปัจจัยหลักๆคือ เรื่องของคุณภาพที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้สามารถใช้แทนเครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้ ขณะเดียวกันก็มีช่วงราคาให้เลือกหลายระดับ ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดการยอมรับ

เมื่อเห็นถึงแนวโน้มในปีที่ผ่านมา เอปสัน จึงมองว่าในปีนี้ต้องมีการขยับตัวให้มากขึ้น เนื่องจากตลาดคอนซูเมอร์อาจจะไม่เติบโต และถึงขั้นลดลงด้วยซ้ำ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้งานที่ลดน้อยลง ใช้งานผ่านออนไลน์มากขึ้น

แต่ในส่วนขององค์กรธุรกิจ ยังมีการเติบโตอยู่ ทำให้มีการปรับกลยุทธ์ ที่จะไปตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจมากขึ้น ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เข้าไปพร้อมกับโซลูชัน ผ่านทางผู้ติดตั้งระบบ (SI) ภายใต้แนวคิดในการขยายส่วนของการพัฒนาโซลูชันทางธุรกิจ (Business Solution) ให้มาเติมเต็มตลาดองค์กร

'การขยายมายังตลาดองค์กร จะไม่ได้นำเข้ามาเฉพาะเครื่องพิมพ์ แต่จะมีการผสมผสานทั้งโซลูชันในการใช้งานผ่านระบบคลาวด์ การทำงานร่วมกับโปรเจกเตอร์ แว่นตา VR ที่จะทยอยนำเข้าสู่ตลาด เพื่อขยายสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น'

สำหรับในส่วนของธุรกิจหลัก เอปสัน มองว่า ยังมีโอกาสเติบโตจากในส่วนของเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์ (เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง) ที่ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 50% เช่นเดียวกับตลาดของโปรเจกเตอร์ที่เอปสันเติบโตถึง 16% ในปีที่ผ่านมา
โปรเจกเตอร์จะถูกขยายความสามารถให้ทำงานร่วมกับแว่นตา VR
ขณะเดียวกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเอปสันเริ่มเข้าไปวางรากฐานในการทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น กัมพูชา ลาว เมียนม่าร์ และเวียดนาม (CLMV) ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 18% และคาดว่าจะเติบโตในปีนี้อีก 15% จากฐานที่เริ่มกว้างขึ้น และจะสร้างรายได้รวมให้แก่เอปสันเพิ่มจาก 2% เป็น 5-6% ใน 3-4 ปีข้างหน้า

ในกลุ่ม 4 ประเทศนี้ ยังมีความต้องการใช้งานเครื่องพิมพ์ และโปรเจกเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของหน่วยงานภาครัฐที่กลายเป็นตลาดหลักของอุตสาหกรรมนี้ เมื่อนับรวมกับการเติบโตในเมืองไทยราว 5% ทำให้โดยรวมแล้วในปีนี้เอปสันน่าจะเติบโตได้ถึง 7% จากปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 1%

นอกจากนี้ เอปสัน ยังมีแผนที่จะเข้าไปตั้งสำนักงานในเวียดนาม เพื่อดูแลตลาดให้เข้มแข็งมากขึ้น เพราะถือเป็นตลาดพิเศษที่มีการใช้งานเครื่องพิมพ์เลเซอร์แต่เลือกใช้งานหมึกปลอมทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ส่งผลให้อาจมีการนำเครื่องอิงค์เจ็ทแท็งค์แท้แบบขาว-ดำ เข้าไปจำหน่ายในตลาดนี้ด้วย

'กลุ่มธุรกิจหลักที่ยังมีการใช้งานเครื่องพิมพ์ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านจะมีทั้งธุรกิจธนาคาร และโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อเข้าไปได้ก็จะช่วยให้สามารถขยายไปในหลายๆสาขา จนกลายเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้'

ทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมาไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาดต่างประเทศ การพัฒนาโซลูชันให้องค์กร และการรักษาตลาด ถือเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมของเอปสัน ให้รับกับยุคดิจิตอลมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ต่อไป แต่ทางเอปสันก็ต้องมีธุรกิจใหม่ที่ทำให้เติบโตต่อไปในอนาคตด้วย
อาเซียนยังมีความต้องการใช้งานเครื่องพิมพ์ และโปรเจกเตอร์อย่างต่อเนื่อง
'หุ่นยนต์' จึงเข้ามาเป็นทางออกสำคัญของเอปสัน ภายใต้กลยุทธ์ของการช่วยให้องค์กรธุรกิจเปลี่ยนแปลงรับยุคดิจิตอล (Business Revolution) เพื่อเข้าไปจับกลุ่มโรงงานผลิตที่ต้องการหุ่นยนต์แขนกลความละเอียดสูง ที่จากเดิมมีโรงงานในไทยใช้งานอยู่แล้ว แต่สั่งตรงกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ซึ่งต่อไปทางเอปสันประเทศไทยก็จะเริ่มเข้ามาดูแลเองมากขึ้น

พร้อมๆไปกับการพัฒนาสินค้าเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอิงค์เจ็ทที่มีความเร็วสูงขึ้น เพื่อให้นำเข้าไปจับตลาดองค์กรธุรกิจแทนเครื่องพิมพ์เลเซอร์ รวมถึงสินค้าในกลุ่มโปรเจ็กเตอร์เชิงธุรกิจที่มีขนาดที่กระทัดรัด ระยะสายสั้น เพื่อนำไปใช้ในองค์กรเช่นเดียวกัน

'การนำหุ่นยนต์เข้ามาจะช่วยให้เอปสันสามารถเข้าไปในอุตสาหกรรมการผลิตขนาดกลางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจร ชิ้นส่วนรถยนต์ ที่มีการเพิ่มกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยระดับราคาของหุ่นยนต์จะอยู่ตั้งแต่ 3 แสนบาท - 1 ล้านบาท'

โดยปัจจุบัน เอปสัน มีหุ่นยนต์ในสายงานผลิตอยู่ในไทยแล้วหลายพันตัว โดยทำตลาดร่วมกับพันธมิตรเกือบ 10 ราย และคาดว่าจะเติบโตในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 150% จากการที่เริ่มเปิดAEC ทำให้แรงงานลดลง การนำหุ่นยนต์เข้าไปช่วยก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น