โซนี่ จับทิศทางตลาด “อิเล็กทรอนิกส์ แดนซ์ มิวสิก” (EDM) ที่กำลังได้รับความนิยม เพิ่มกลุ่มหูฟังเน้นเสียงเบสหนักๆ มากยิ่งขึ้น พร้อมอัปเกรดผลิตภัณฑ์หูฟัง Hi-Res ให้มีรุ่นไร้สายครอบคลุมความต้องการผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่นยุคใหม่ พร้อมนำเสนอหูฟังสำหรับกิจกรรมออกกำลังกาย กันน้ำทะเลได้ 30 นาที
ซูนาโอะ ซากาตะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องเล่นเพลง และหูฟังในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจากพฤติกรรมการใช้หูฟังร่วมกับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่มียอดจำหน่ายสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการฟังเพลงที่มีคุณภาพเสียงสูง
“มีการคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดรวมของหูฟัง และเครื่องเล่นเพลงทั่วโลกจะอยู่ที่ราว 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตค่อนข้างสูง อย่างโซนี่ไทยในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตในส่วนของมูลค่ากว่า 58% ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่เป็นหูฟัง ขณะที่ในส่วนของเครื่องเล่นเพลงเติบโตถึง 44% ในเชิงของมูลค่าเช่นเดียวกัน”
โดยภายใต้การเติบโตของหูฟัง 58% จะคิดเป็นการเติบโตในกลุ่มของหูฟัง Hi-Res ถึง 66% ถัดมา คือ กลุ่มที่เน้นการใช้งานทั่วไป และแฟชั่น 57% ส่วนอีกกลุ่มที่น่าจับตามอง คือ กลุ่ม Extra Bass ที่เติบโตถึง 51% ขณะที่ในส่วนของเครื่องเล่นลำโพงไร้สายของโซนี่ก็มีการเติบโตถึง 44% ทำให้ในปีนี้ทางโซนี่ตั้งเป้าที่จะเติบโตในทั้ง 2 กลุ่มไว้ที่ 30%
ปัจจุบัน โซนี่แบ่งกลุ่มผู้ใช้ในส่วนของธุรกิจเครื่องเล่นเพลง และหูฟังออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ด้วยกัน คือ กลุ่ม Audiophile ที่เน้นคุณภาพเสียง โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hi-Res ที่มาจับตลาดนี้ ถัดมาเป็นกลุ่ม Quality Music Lover ที่มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม h.ear ที่มีสีสันสดใส พร้อมกับคุณภาพเสียงที่เหมาะสมต่อระดับราคา และสุดท้ายกลุ่มผู้เริ่มต้น และนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน ก็จะมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Extra Bass และผลิตภัณฑ์ที่มาจับกลุ่มไลฟ์สไตล์อย่างการออกกำลังกายโดยเฉพาะ
โดยกลยุทธ์หลักที่โซนี่จะเน้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 คือ การขยายตลาดกลุ่ม Hi-Res ด้วยการสร้างดีมานด์ในตลาดให้เพิ่มสูงขึ้น พร้อมไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ รวมถึงการปรับหน้าร้านให้เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าได้สามารถทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์ได้
ขณะเดียวกัน ก็จะเพิ่มสินค้าในกลุ่มของ Extra Bass อย่าง MDR-XB650BT ในราคา 4,990 บาท มาจับกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมฟังเพลง EDM โดยเฉพาะมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นกลุ่มตลาดที่มีการเติบโตตามยุคของเสียงเพลง ที่ถ้าย้อนไปในช่วงยุค 70 เพลงที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะเป็นอะคูสติก ถัดมาในยุค 80 ที่เริ่มเข้าสู่ดิจิตอลก็จะเริ่มมีการเน้นเสียง Bass มากขึ้นจากดนตรีป็อป จนปัจจุบันที่เพลง EDM ได้รับความนิยม ผู้ฟังในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเน้นเบสหนักๆ เป็นหลัก
ส่วนอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จะเพิ่มเข้ามาจับตลาดผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย คือ NW-WS413 ที่พัฒนามาให้สามารถกันน้ำ กันฝุ่น ที่สำคัญ คือ กันน้ำทะเลได้ไม่เกิน 2 เมตร 30 นาที เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่นิยมฟังเพลงขณะออกกำลังกาย พร้อมระบบรับฟังเสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้ ในราคา 3,490 บาท
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hi-Res ของ h.ear ก็จะเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อแบบไร้สายเข้ามาในรุ่น MDR-100ABN ซึ่งเป็นหูฟังในรุ่น h.ear on ที่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ในราคา 14,990 บาท ซึ่งอัปเกรดจากรุ่นเดิมที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย
“จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และครอบคลุมทุกช่วงราคาตั้งแต่ 1,990-23,900 บาท ทำให้ผู้บริโภคมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้มากขึ้น ดังนั้น เป้าหมายการเติบโตของโซนี่ที่ตั้งไว้ 30% ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์จึงมีโอกาสที่เป็นไปได้”
Company Relate Link :
Sony
