xs
xsm
sm
md
lg

ซัมซุงจุดพลุ “Internet of Things” สร้างโลกเชื่อมต่อสมบูรณ์แบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บี เค ยูน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์
ยิ่งใหญ่สมการรอคอย หลากหลายผู้นำในวงการร่วมนำเสนอวิสัยทัศน์โลกไอทีในวันข้างหน้า ในงาน CES 2015 ซัมซุง หนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า และไอทีร่วมวงกำหนดทิศทางแห่งโลกอนาคต “บีเค ยูน” นายใหญ่ เผยทิศทางซัมซุง จะเปิดกว้าง และพร้อมร่วมมือกับอุตสาหกรรมอื่นให้มากยิ่งขึ้น ชิงความเป็นผู้นำตามแนวคิด “Internet of Things” สร้างความเป็นจริงให้เกิดขึ้นจากตัวดีไวซ์ สร้างโลกให้เกิดการเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์แบบภายใต้อุปกรณ์ซัมซุง ทำให้อนาคตทุกอย่างรอบตัวเราจะกลาายเป็นInternet of Things

บี เค ยูน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ นำเสนอแนวคิดของซัมซุงในงาน 2015 International Consumer Electronics Show (CES 2015 ) ว่า ปัจจุบันโลกมีการเปิดกว้างทั้งทางด้านความคิด และการเชื่อมต่อทางเทคโนโลยีมากขึ้น อันจะก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมอันจะนำไปสู่แนวคิดการพัฒนา “Internet of Things” (IoT) ให้เป็นจริงเป็นจังมากยิ่งขึ้น

“Internet of Thingsเป็นแนวคิดที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงทั้งสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ ต้องใช้ความร่วมมือกันหลายฝ่าย”

แนวคิด Internet of Things จำเป็นต้องพัฒนาขึ้นโดยใช้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และต้องมีความเหมาะสมต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภคอย่างแท้จริง พร้อมย้ำว่า แนวคิด Internet of Things ที่แท้จริงนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับผู้คนโดยผู้บริโภคแต่ละคนถือเป็นจุดศูนย์กลางของเทคโนโลยีต่างๆ ที่พวกเขาเลือกใช้งาน และเทคโนโลยีต่างๆ ที่สรรค์สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด Internet of Things ต้องสามารถปรับเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตของผู้บริโภคแต่ละคนได้

เพื่อให้สอดคล้องต่อพันธกิจของซัมซุงที่มุ่งสรรค์สร้างโลกยุคใหม่ภายใต้แนวคิด Internet of Things บี เค ยูน ได้ประกาศกำหนดเป้าหมายของซัมซุงว่า ภายในปี 2017 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของซัมซุงจะต้องรองรับแนวคิด Internet of Things เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่มากขึ้นในการเลือกใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นตามแนวคิดนี้

“ซัมซุงจะลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ภายนอกองค์กรภายในปี 2015 เพื่อการพัฒนาแนวคิด Internet of Things”

Internet of Things จะเป็นจริงขึ้นได้ที่สำคัญต้องมีอุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ผลิตขึ้นตามแนวคิด Internet of Things นั้นจะต้องทำงาน และเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออุปกรณ์อื่นอยู่ตลอดเวลา เซ็นเซอร์ที่มีความทันสมัย และมีความแม่นยำสูงจึงเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันนั้น เซ็นเซอร์เหล่านี้ต้องเอื้อต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือชิ้นส่วนต่างๆ ให้มีขนาดที่เล็ก และใช้พลังงานในการทำงานน้อยลงอีกด้วย

โดยซัมซุงนำเสนอเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ล่าสุดของซัมซุงซึ่งมีความแม่นยำสูงมากจนสามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมโดยรอบผู้ใช้งาน และนำเสนอบริการหรือโซลูชันที่เหมาะสมได้ โดยปัจจุบันซัมซุงกำลังพัฒนาเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่สามารถตรวจจับข้อมูลได้แบบ 3 มิติ เพื่อให้ตรวจจับการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยได้

นอกเหนือไปจากเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ซัมซุงกำลังพัฒนาหน่วยประมวลผลด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี embedded package on package (ePOP) และเทคโนโลยี Bio-Processorซึ่ งจะช่วยให้หน่วยประมวลผลประหยัดพลังงานมากขึ้น และมีขนาดเล็กลงเพื่อใช้เป็นหน่วยประมวลผลในอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์มือถือ และอุปกรณ์อัจฉริยะสวมใส่ได้

การเพิ่มจำนวน หรือขยายขีดความสามารถของอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆต ามแนวคิด Internet of Things นั้นถือเป็นขั้นแรกของการก้าวไปสู่ยุค Internet of Things ในขณะนี้ ซัมซุงมีอุปกรณ์จำนวนมากที่สร้างขึ้นตามแนวคิดดังกล่าว ในปีที่ผ่านมา ซัมซุงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้กว่า 665 ล้านชิ้น



ศศิธร กู้พัฒนากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ด้วยปริมาณดาต้าที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน Internet of Things จะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ให้คนอัปโหลด ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น ใช้ชีวิตแบบสมาร์ทไลฟ์ได้ดีขึ้น

ความสำคัญของ Internet of Things อยู่ที่ตัวดีไวซ์ที่ต้องมีเซ็นเซอร์ คอมโพแนนซ์ และคอนเน็กทิวิตี เพื่อบริหารตัวดีไวซ์ต่างๆ ให้ทำงานได้ซึ่งไม่ใช่แค่ทำงานตามคำสั่ง แต่บางครั้งอาจจะทำก่อนสั่งเพราะรู้ว่าคนใช้งานต้องการอะไรก็ได้

Internet of Things จะทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น โดยการสื่อสารกันระหว่างตัวดีไวซ์ หรืออุปกรณ์ โดยซัมซุงมองว่าคนคือศูนย์กลางในการพัฒนาโปรดักต์ตามคอนเซ็ปต์นี้ โดยซัมซุงต้องการเป็นผู้นำในการพัฒนาโปรดักต์ตามแนวคิด Internet of Thingsนี้

“ภายในปี 2017 สมาร์ททีวีของซัมซุงต้องเป็น Internet of Things และภายในปี 2020 ทุกดีไวซ์ของซัมซุงจะเป็น Internet of Things สมาร์ททีวีจะเป็นฮับที่บ้าน ขณะที่สมาร์ทโฟนก็จะไปกับเราได้ทุกที่”

ซัมซุงมองความพร้อมในการเป็นผู้นำ Internet of Things ได้ จากการมีโปรดักต์จำนวนมากลงตลาด บวกกับความพร้อมของการทำตลาดไปทั่วโลกในปัจจุบัน ทำให้มีความเข้าใจตลาดมากกว่าแบรนด์อื่น ผนวกกับการมีทีมวิจัยและพัฒนาอยู่ทั่วโลกกว่า 32 แห่ง

ส่วนการมองว่าจะทำอย่างไรให้ Internet of Things เกิดขึ้นได้ อย่างแรกต้องมีการพัฒนาโปรดักต์ที่เป็น Internet of Things ให้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ เซ็นเซอร์ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ Internet of Things ต้องสามารถอ่านข้อมูลของผู้บริโภคได้ว่า มีความชอบอย่างไร เช่น สมาร์ทโฮม ก่อนที่จะเข้าถึงตัวบ้าน จะมี wearable หรืออุปกรณ์ที่สวมใส่จะเป็นตัวบอกว่าเราเดินมานานเท่าไร ร่างกายมีความร้อนเท่าไร เมื่อเดินถึงบ้านแอร์ก็จะเปิดที่อุณหภูมิเท่าไรที่เหมาะสม แสงไฟในบ้านเปิดที่ความสว่างเท่าไร เป็นความเข้าใจความต้องการของตัวเราก่อนที่เราจะสั่งเสียอีกโดยทุกอย่างทำงานภายใต้เซ็นเซอร์

โดยในปีนี้ซัมซุงจะพัฒนาเซ็นเซอร์ 3 มิติ เพื่อให้เกิดความละเอียดในการตรวจจับสัญญาณให้มากยิ่งขึ้น สามารถแยกกลิ่นที่มีความแตกต่างกันได้ถึง 20 กลิ่น มีขนาดเล็ก แต่มีความแม่นยำมาก กินไฟน้อย สามารถใส่ในโทรศัพท์มือถือได้ พร้อมพัฒนาให้ซัมซุงสามารถคุยกับแบรนด์อื่นได้ พร้อมขยายตัวไปในวงกว้างมากกว่าการคุยกันแต่คอนซูเมอร์เท่านั้น เพื่อให้ Internet of Things กลายเป็นกระแสวงกว้างในอนาคต รถยนต์ ลิฟต์ บ้าน ทุกอย่างรอบตัวเราจะกลายเป็น Internet of Things หมด อย่างในวงการรถยนต์ก็อยู่ในระหว่างการหารือกับบีเอ็มดับเบิลยู

ส่วนในประเทศไทยมองว่า ด้วยนโยบาย Digital Economy ของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ไวไฟ ได้มากขึ้น จะเป็นแรงผลักดันให้เกิด Internet of Things ได้เร็วยิ่งขึ้น

“ในประเทศไทยซัมซุงพร้อมเปิดตัวโปรดักต์เพื่อให้สอดคล้องต่อตลาดอยู่แล้ว รวมทั้งทำการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคได้รับรู้มากยิ่งขึ้น”

*** ซัมซุงยกทัพไฮเทคตะลุย CES 2015

ซัมซุง เปิดโลกอนาคต สร้างสรรค์นวัตกรรมปี 2015 ภายใต้แนวคิด “Creating Possibilities, Shaping the Future” ที่จะสอดประสานเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้ากับเนื้อหา และบริการต่างๆ อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตภายในบ้านแบบอัจฉริยะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เปิดตัวผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ และบริการล่าสุดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซัมซุง เอสยูเอสดี ทีวี ขนาด 88 นิ้วที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการไทเซน (Tizen) ลำโพงกระจายเสียง 360 องศา เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับห้องครัว เดอะ เชฟ คอลเลคชัน มอนิเตอร์จอโค้ง และบริการวิดีโอออนไลน์เสมือนจริงซัมซุง มิลค์ วีอาร์ (Milk VR virtual reality video service) ในงาน CES 2015 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 6-9 มกราคม 2015

ซัมซุง เอสยูเอสดี ทีวี ขนาด 88 นิ้วรุ่น JS9500 มาพร้อมหน้าจอแบบนาโนคริสตัลที่ประหยัดพลังงาน สามารถปรับปรุงสีสันเพื่อการแสดงผลได้ดีกว่าทีวีทั่วไป 2 เท่า และแสดงสีสันได้ละเอียดมากกว่าทีวีทั่วไปถึง 64 เท่า รองรับการรับชมความบันเทิงผ่านทีวีระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง โดยขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไทเซน (Tizen) ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์เพื่อรับชมความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย และรวดเร็วกว่าที่เคย ด้วยคุณสมบัติสมาร์ทฮับ (Smart Hub) ที่ออกแบบขึ้นใหม่ โดยจะแสดงการค้นหา และแนะนำคอนเทนต์สำหรับผู้ใช้อยู่ภายในหน้าจอเดียว

รวมทั้งการควบคุมแบบ 4 ทิศทางที่จะตอบสนองคำสั่งจากผู้ใช้อย่างลื่นไหล และที่สำคัญ ซัมซุง สมาร์ททีวี ยังสามารถแบ่งปันคอนเทนต์กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ผ่าน Wi-Fi Direct หรือเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือซัมซุงที่อยู่ใกล้ๆ ได้โดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี Bluetooth Low Energy (BLE) เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เข้าถึงประสบการณ์ความบันเทิงผ่านหลากหลายหน้าจอ (Multi-screen Experience) และยังอัดแน่นไปด้วยบริการคอนเทนต์จากพันธมิตรต่างๆ อีกเพียบ

นอกจากนี้ ซัมซุงยังเปิดตัวลำโพงรุ่น WAM7500/6500 ที่จะมอบสุนทรียภาพแห่งการฟังเสียงแบบ 360 องศา ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดด้านเสียงคือ เทคโนโลยี Ring Radiator อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของซัมซุง ที่สามารถสร้างเสียงที่หนักแน่นด้วยเสียงเบส และก้องกังวานด้วยเสียงแหลม แต่ถูกผสมเสียงให้สมดุลอย่างสมบูรณ์ที่สุด และยังสามารถกระจายเสียงออกไปในทุกทิศทางทั่วทุกมุมห้อง

ซัมซุง ยังเปิดตัวจอมอนิเตอร์จอโค้งแบบ Ultra-wide ซีรีส์ SE790C ในสัดส่วนภาพ 21:9 ที่จะมีทั้งขนาด 29 นิ้ว และ 34 นิ้ว และจอมอนิเตอร์ ซีรีส์ SE590C หน้าจอขนาด 32 นิ้ว ที่จะมอบประสบการณ์ในการรับชมที่แสนสบายด้วยลักษณะหน้าจอที่มีความโค้งโอบรับกับดวงตาของมนุษย์

ซัมซุง ยังต่อยอดชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับห้องครัว The Chef Collection ที่ซัมซุงพัฒนาร่วมกับเชฟระดับดาวมิชลิน ในปี 2015 นี้ โดยการนำเสนอสูตร และเทคนิคการประกอบอาหารจากเชฟชื่อดังสู่ผู้บริโภคผ่านแอปพลิเคชัน The Chef Collection บนแท็บเล็ตรุ่น Chef Collection ซึ่งสามารถช่วยแสดงขั้นตอนการประกอบอาหารได้อย่างละเอียดทุกขั้นตอนอีก

ซัมซุง ยังนำเสนอบริการวิดีโอออนไลน์เสมือนจริงรูปแบบใหม่ผ่าน ซัมซุง มิลค์ (Milk VR virtual reality video service) โดยผู้ใช้สามารถรับชมวิดีโอได้แบบ 360 องศา ผ่านแว่นตาเสมือนจริงซัมซุง เกียร์ วีอาร์ (Samsung Gear VR) ซึ่งสามารถรับชมคลิปวิดีโอสตรีมมิ่งใหม่ๆ ได้ทุกวัน อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับช่องรายการเพลง กีฬา เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น กิจกรรมเชิงไลฟ์สไตล์ หรือคอนเทนต์ต่างๆ จากพันธมิตรของซัมซุงได้จากช่องรายการเสมือนจริงมากมาย โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกรับชมแบบ Instant Play (รับชมแบบสตรีมมิ่ง) หรือแบบ Best Quality (ดาวน์โหลดเนื้อหาก่อนชม) และสามารถเลือกความละเอียดสูงสุดสำหรับการรับชมได้ที่ความละเอียด 4K x 2K

Company Related Link :
Samsung

Instagram








กำลังโหลดความคิดเห็น