ดูดีแต่ยังไม่โดน?!? Galaxy S4 ยังไม่ใช่ "iPhone Killer" (Cyber Weekend)

แม้จะได้รับเสียงชื่นชมมากมาย แต่สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่ซัมซุงเพิ่งเปิดตัวอย่าง Galaxy S4 กลับถูกสื่อต่างชาติและนักวิเคราะห์วิจารณ์ว่า Galaxy S4 ยังไม่ใช่ "iPhone Killer" หรืออุปกรณ์ที่จะสามารถชิงความนิยมจากสาวกไอโฟนได้จริง เหตุผลสำคัญคือ Galaxy S4 นั้นถูกพัฒนาให้ดีขึ้น (evolution) กว่า Galaxy รุ่นเดิม แต่ยังไม่ใช่การปฏิวัติพลิกอนาคตที่จะใช้คำว่า revolution ได้ แถมการเพิ่มลูกเล่นให้ซอฟต์แวร์ ก็ยิ่งเพิ่มคำถามคาใจว่าจะมีสักกี่คุณสมบัติของ Galaxy S4 ที่โดนใจคอนซูเมอร์ทั่วโลกอย่างเป็นรูปธรรม

ไอโฟนนั้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนไฮเอนด์อันดับ 1 ของโลกที่ทุกค่ายจ้องจะล้มแชมป์ สมาร์ทโฟนตัวแรงที่ถูกแจ้งเกิดใหม่สู่ตลาดจึงมักถูกประเมินว่า "เป็น iPhone killer หรือไม่" แทบทุกครั้ง เหตุผลนี้ทำให้ทันทีที่ Galaxy S4 เปิดตัวเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2013 คอไอทีทั่วโลกพร้อมใจกันตั้งคำถามเพื่อเทียบว่า Galaxy S4 มีคุณสมบัติดีหรือด้อยกว่า iPhone 5 ซึ่งคำตอบที่ได้นั้นยังขัดแย้งกันในหลายประเด็น

Galaxy S4 นั้นเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนในมุมสเปกเครื่อง ความจุแบตเตอรี่และคุณสมบัติพิเศษอัดแน่นทุกอณู หลายคุณสมบัติยังไม่มีวี่แววแจ้งเกิดบนไอโฟนทั้งเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า รวมถึงการควบคุมเครื่องด้วยการเคลื่อนไหว

ความหนาตัวเครื่อง 7.9 มม.ของ Galaxy S4 ถือว่าหนากว่า iPhone 5 แต่พื้นที่หน้าจอ 5 นิ้วทำให้ Galaxy S4 มีพื้นที่มากกว่า นอกจากนี้ Galaxy S4 ยังได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนแรกของโลกที่ใช้กระจกกันรอย Gorilla Glass 3 ซึ่งมีการการันตีว่าแข็งแกร่งกว่า iPhone 5

Galaxy S4 มาพร้อมซีพียูควอดคอร์ความเร็วนาฬิกา 2GHz ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับ iPhone 5 ที่ใช้ซีพียู 1GHz เท่านั้น ซัมซุงจัดกล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซลมาให้ Galaxy S4 ขณะที่ iPhone 5 ใช้กล้อง 8 ล้านพิกเซล แถมกล้องด้านหน้าและหลังของ Galaxy S4 ยังสามารถถ่ายภาพได้พร้อมกันและใส่คุณสมบัติพิเศษเท่าที่ต้องการ

งานนี้ซัมซุงประเดิมนำเทคโนโลยี NFC มาใช้ในแง่มุมสดใหม่ ด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมโทรศัพท์หลายเครื่องเข้าด้วยกันเพื่อใช้เป็นระบบลำโพงที่ให้เสียงรอบทิศทาง คุณสมบัตินี้ได้รับเสียงชื่นชมมากในทางทฤษฎี ซึ่งทางปฏิบัติยังต้องพิสูจน์ความสามารถกันไป

เมื่อเทียบคุณสมบัติแบบหมัดต่อหมัด Galaxy S4 ดูเหมือนจะเหนือกว่า iPhone 5 ทุกทาง แต่สิ่งที่ทำให้สื่อต่างชาติและนักวิเคราะห์ไม่ยกชัยชนะให้ Galaxy S4 เป็นเพราะทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

***แค่ evolution ไม่ใช่ revolution***

นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนเลย์ (Morgan Stanley), เจฟเฟอรีส์ (Jefferies) และสตีเฟล นิโคลัส (Stifel Nicolaus) รวมถึงอีกหลายสำนักเชื่อว่า Galaxy S4 จะสามารถทำยอดจำหน่ายเหนือกว่า S3 แน่นอนเพราะพัฒนาการที่ดีกว่า แต่การพัฒนานี้ไม่ถึงขั้นปฏิวัติพลิกอุตสาหกรรมซึ่งทำให้ S4 ไม่สามารถเปลี่ยนใจผู้ใช้ไอโฟนให้มาหา S4 ได้

นักวิเคราะห์ Morgan Stanley มองว่า Galaxy S4 นั้นเป็นเหมือน "S3S" หรือการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ลงใน S3 รุ่นเดิม ซึ่งเมื่อเทียบกับ iPhone 4s ที่แอปเปิลเพิ่มคุณสมบัติให้ iPhone 4 นั้นถือว่าแอปเปิลทำได้ดีกว่า ขณะที่นักวิเคราะห์ของ Jefferies เชื่อว่าแม้หน้าจอใหญ่ของ S4 จะช่วยให้ซัมซุงมีโอกาสทำตลาดเหนือแอปเปิลจริง แต่ก็พบว่ายังมีผู้ใช้ Galaxy จำนวนหนึ่งที่ไม่ชอบซอฟต์แวร์ที่ซัมซุงพัฒนาขึ้นเอง ทำให้โลกยังต้องรอดูพัฒนาการของซอฟต์แวร์ซัมซุงอีกในอนาคต

สิ่งที่ซัมซุงเพิ่มเติมใน S4 ได้แก่คุณสมบัติ Smart Scroll ซึ่งผู้ใช้จะสามารถเลื่อนหน้าจอหรือ scroll ด้วยการเคลื่อนไหวดวงตาหรือใบหน้า ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ S4 ยังสามารถรับสายหรือโทร.ออกได้โดยโบกมือเพื่อให้กล้องดิจิตอลด้านหน้าตรวจจับความเคลื่อนไหว ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องแตะสัมผัสหน้าจอ แต่การเปลี่ยนแปลงเก๋ไก๋เหล่านี้ยังไม่มากพอที่จะจูงใจให้ผู้ใช้ไอโฟนทิ้งเครื่องเพื่อซื้อ S4 มาใช้งาน

"หากซัมซุงเป็นแอปเปิล S4 ในปัจจุบันอาจจะได้ชื่อว่า "Galaxy S3 S" เพราะมีการปรับให้ S4 มีหน้าจอใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เพิ่มความเร็วซีพียู และเพิ่มแอปพลิเคชันใหม่มาให้นิดหน่อย" คาร์ล โฮเว รองประธานฝ่ายวิจัยจากแยงกี้กรุ้ป (Yankee Group) วิจารณ์ผ่านข้อเขียนของสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ส (New York Times) พร้อมกับระบุว่ายังไม่เห็นว่า S4 จะช่วยให้ซัมซุงสามารถเจาะตลาดหลักของสหรัฐได้

ตามข้อมูลของ Yankee Group การสำรวจความเห็นของผู้บริโภคอเมริกันประจำปี 2013 "US Consumer Survey" พบว่าชาวอเมริกันเพียง 15% เท่านั้นที่วางแผนซื้อสมาร์ทโฟนซัมซุงภายใน 6 เดือน ถือว่าน้อยกว่า 40% ที่วางแผนซื้อไอโฟนของแอปเปิลในช่วงเวลาเดียวกัน

ตัวเลขผู้วางแผนซื้อสมาร์ทโฟนซัมซุง 15% ของกลุ่มตัวอย่างนี้ถือว่าน้อยกว่าผลสำรวจในไตรมาสปลายปี 2012 ที่ผ่านมา เหตุผลสำคัญเป็นเพราะซัมซุงยังขาดความภักดีต่อแบรนด์หรือ brand loyalty ที่ผู้ใช้แอปเปิลมี ซึ่งในการสำรวจเดียวกัน กลุ่มตัวอย่าง 61% ซึ่งใช้สมาร์ทโฟนซัมซุงอยู่ยอมรับว่ามีแผนซื้อสมาร์ทโฟนซัมซุงต่อไป น้อยกว่า 85% ของผู้ใช้ไอโฟนที่ระบุว่าจะซื้อไอโฟนไม่เปลี่ยนแปลง

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ S4 ถูกมองว่ายังไม่ใช่ iPhone Killer คือการขาดคุณสมบัติด้านเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจ นาทีนี้ผลกระทบของ S4 บนอาณาจักรของแอปเปิลนั้นถูกจับตามองทั้งส่วนเทคโนโลยีสำหรับคอนซูเมอร์และธุรกิจ แต่ซัมซุงและแอนดรอยด์นั้นโดดเด่นเฉพาะฝั่งคอนซูเมอร์ สวนทางกับแอปเปิลที่มีจุดแข็งทั้ง 2 ด้านพร้อมความปลอดภัยเต็มเปี่ยม

ขณะเดียวกัน สำนักข่าว Mashable ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ใช้ไอโฟนที่ต้องการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม จะพบว่า Android 4.2.2 ที่สมาร์ทโฟน Galaxy ใช้งานอยู่นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ดี แต่อาจจะรู้สึกว่าเป็นระบบที่ใช้งานยากเมื่อเทียบกับ iOS แถมเมื่อเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากร้าน Google Play ก็จะไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันทั้งหมดได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องอัปเดทระบบปฏิบัติการให้ทันสมัยอยู่เสมอ จุดนี้ซัมซุงอาจพร้อมเปิดอัปเดทโอเอสภายในปีนี้ แต่พันธมิตรที่เป็นโอเปอเรเตอร์อาจไม่พร้อม ซึ่งกรณีเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ iOS เพราะผู้ใช้ทุกคนจะได้รับอัปเดทซอฟต์แวร์ใหม่ในเวลาเดียวกัน

ขนาดเครื่องก็เป็นอีกประเด็นที่ทำให้ซัมซุงยังไม่สามารถเจาะตลาดไอโฟนได้ จุดนี้ Lance Ulanoff ผู้สื่อข่าว Mashable เชื่อว่า S4 จะไม่มีปัญหากับตลาดผู้ชื่นชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่อย่างรุ่น Galaxy Note 2 แต่ในตลาดผู้ชื่นชอบพกพาสมาร์ทโฟนเหมาะมืออย่าง iPhone 5 ไม่แน่ว่า S4 จะไม่กระตุ้นความสนใจของคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะหันไปใช้แท็บเล็ตแทนเมื่อต้องการใช้งานอุปกรณ์ที่หน้าจอใหญ่ขึ้น

***จับตาเกมราคา***

วันนี้ Galaxy S4 ยังไม่มีการประกาศราคาที่แน่นอน มีเพียงคำคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าซัมซุงจะตั้งราคา S4 เพื่อแข่งขันกับ iPhone 5 โดยตรง เบื้องต้นคาดว่าสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นจะมีราคาจำหน่ายใกล้เคียงกัน โดย S4 อาจจะมีราคาถูกกว่าเล็กน้อย

ปัจจุบัน ข้อมูลจากเว็บไซต์ Amazon Germany ประกาศว่า Galaxy S4 (รุ่น 16GB) จะมีราคาเปิดตัวช่วงเดือนเมษายนราว 649 ยูโร (ราว 25,000 บาท) เทียบกับ iPhone 5 รุ่น 16GB แบบไม่ล็อกโอเปอเรเตอร์ที่ถูกแอปเปิลกำหนดราคาที่ 679 ยูโร ซึ่งเป็นราคาเปิดตัวดั้งเดิมของ iPhone 5 เมื่อเดือนกันยายนปี 2012

ขณะที่เว็บไซต์ Android Caotic คาดว่า Galaxy S4 รุ่น 16GB จะจำหน่ายที่อิตาลีในราคา 699 ยูโรช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดว่าราคาจำหน่ายในยุโรปโซนอื่นจะอยู่ที่ราว 600 ยูโร โดยรุ่นความจุ 32GB และ 64GB จะมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อยระดับละ 50 ยูโร (ราว 1,950)

นอกจากนี้ สำนักข่าวต่างประเทศยังมองว่าการเปิดตัว S4 นั้นตอกย้ำว่าซัมซุงพยายามสร้างแพลตฟอร์มการทำงานของตัวเองโดยพึ่งพาผู้พัฒนาแอนดรอยด์อย่างกูเกิล (Google) ให้น้อยลง สังเกตได้จากการพัฒนาคุณสมบัติเพิ่มเติมจนทำให้จุดขายของ S4 ไม่ได้อิงกับความสามารถของแอนดรอยด์เลยแม้แต่น้อย

จุดนี้รายงานของสำนัก Wall Street Journal ชี้ว่ากูเกิลนั้นมีความกังวลที่ซัมซุงนั้นมีส่วนแบ่งตลาดแอนดรอยด์สูงมาก จนมีการเชื่อมโยงว่าการซื้อ Motorola Mobility นั้นเป็นนโยบายของกูเกิลที่ต้องการคานอำนาจกับซัมซุง แม้จะไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงของกรณีนี้ แต่การเปิดตัว Galaxy S4 นั้นตอกย้ำว่าซัมซุงพยายามลดการพึ่งพาแอนดรอยด์ลงอย่างชัดเจน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของแอปเปิลในวันที่ S4 ถูกเปิดตัวออกมาแล้ว คือการสร้างเว็บไซต์ชื่อ "Why iPhone" ที่ www.apple.com/iphone/why-iphone/ เพื่อเป็นช่องทางประกาศ 12 เหตุผลที่ทำให้ไอโฟนยังคงเป็นสมาร์ทโฟนในดวงใจชาวออนไลน์อยู่ต่อไป เช่นอายุแบตเตอรี่ ความสามารถของกล้องดิจิตอล คุณสมบัติสั่งการด้วยเสียง Siri และระบบเก็บข้อมูลออนไลน์ iCloud ถือเป็นการตอบโต้ซัมซุงที่ขยันโฆษณาโดยโจมตีว่าผู้ใช้ไอโฟนเป็นคนรุ่นเก่าที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

ในมุมของนักลงทุน มูลค่าหุ้นแอปเปิลยังคงเพิ่มขึ้น 1.86% หลังจาก S4 เปิดตัว ซึ่งแปลว่านักลงทุนไม่หวั่นใจว่าแอปเปิลจะได้รับความเดือดร้อนจากการเปิดตัว Galaxy S4 สะท้อนว่านักลงทุนก็ไม่เชื่อว่า S4 จะเป็น iPhone Killer ที่แท้จริงเช่นกัน.